Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการ 11 คน จาก ผบ.สส. หัวหน้าส่วนราชการ, สภาพัฒน์, ที่ประชุมอธิการ, ปธ.สภาหอการค้า,ปธ.สภาอุตฯปธ.ส.ธนาคาร สรรหา2,000 คนจากทุกสาขาอาชีพเพื่อเลือก499คนเป็นสภาปฏิรูป ผูกพันรบ.หลังเลือกตัง 2 ก.พ.

25 ธ.ค.2556 เมื่อเวลา 11.30 น. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการณ์เฉพาะกิจหลังครม.เห็นชอบตั้งสภาปฎิรูปประเทศใช้คำสั่งสำนักนายกฯ แต่นายกฯ เสนอตั้งสภาปฏิรูปประเทศ ระบุไม่ใช่เวทีของรัฐบาล โดยเริ่มจากการสรรหาตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต่างๆ จำนวน 2,000 คน เลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน 499 คน ซึ่งถูกกำหนดโดยคณะกรรมการ 11 คน ที่ประกอบด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ประธานสภาหอการค้าฯ ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ประธานสมาคมธนาคารไทย ฯลฯ

โดยสภาปฏิรูปฯ มีหน้าที่ศึกษาและจัดทำข้อเสนอ 1. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศประชาชนมีส่วนร่วม 3. การจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกเลิกกฎหมาย กฎ ฯ เพื่อให้การใช้อำนาจรัฐและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม 4.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ 5. การปรับปรุงการกระจายอำนาจ ทุกระดับ พร้อมจัดทำรายงานเสนอ นายกฯ และให้สภาปฎิรูปเปิดเผยรายงานต่อสาธารณชน ตามกรอบเวลาที่ "สภาปฎิรูปประเทศ" กำหนดเอง โดยเมื่อ ครม.ชุดใหม่ทำหน้าที่ให้ เลขา ครม.เสนอให้ นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป

เมื่อสภาปฏิรูปฯ ดำเนินการในข้อใดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี และให้สภาปฏิรูปประเทศเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการตามเจตนารมณ์ต่อไป และกำหนดไว้ด้วยว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน หลังเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้ดำเนินต่อไป

นายกฯ กล่าวด้วยว่าจะนำข้อเสนอนี้เสนอเพื่อให้ได้มีการแลกเปลี่ยนถกเถียงหารือ จากทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะได้รวบรวมนำความคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไขและออกเป็นคำสั่งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้ามีข้อคิดเห็นลงตัวก็จะสามารถประกาศได้ก่อนสิ้นปีนี้

รายละเอียดคำแถลงของนายกฯ : 

พี่น้องประชาชนไทยที่เคารพ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ดิฉันต้องขอขอบคุณนักวิชาการ นักธุรกิจ และพี่น้องประชาชนผู้ที่มีความหวังดีต่อประเทศและจากหลายภาคส่วนที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกจากวังวนแห่งความขัดแย้งให้กับประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน

และจากเวทีเสวนา เวทีสัมมนา หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดิฉันประมวลได้ว่าส่วนใหญ่ก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งในทางการเมือง การพัฒนาการเมือง และการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

และในหลายเวทีมีการเสนอให้จัดตั้งองค์กรที่จะมาดำเนินการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ไม่เป็นการขัดหรือแย้ง และสามารถที่จะทำคู่ขนานไปกับกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้เป็นที่แน่ชัดแล้ว

ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า เมื่อถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันพัฒนากลไกที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เกิดขึ้น ในโอกาสนี้ดิฉันจึงใคร่ขอเสนอรูปแบบองค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นรูปแบบหนึ่ง โดยอาจจะเรียกว่าเป็น “สภาปฏิรูปประเทศ”

พี่น้องประชาชนอาจสงสัยว่า ใครหรือจะมาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ?

ดิฉันขออนุญาตเรียนยืนยันแต่ต้นเลยว่า สภาปฏิรูปประเทศจะไม่ใช่เวทีของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเป็นเพียงผู้จัดตั้งโดยใช้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบเพื่อให้เรื่องนี้สามารถเดินหน้าได้ทันที

ทั้งนี้ สภาปฏิรูปประเทศจะเป็นสภาของตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง โดยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ และจะเริ่มจากการสรรหาตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต่างๆ จำนวน 2,000 คน แล้วจึงให้ตัวแทนอาชีพจำนวน 2,000 คนดังกล่าว เลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน 499 คน

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสมัคร การสรรหา การคัดเลือก และการแต่งตั้งตัวแทนวิชาชีพ ตลอดจนการเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศในขั้นตอนต่างๆนั้น จะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบดังนี้

1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้แทนซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นกรรมการ

2. หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าซึ่งที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเลือกจำนวน 2 คน เพื่อเป็นกรรมการ

3. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ

4. อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจำนวน 1 คน เป็นกรรมการ

5. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ

6. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ

7. ประธานสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ

8. ประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน ซึ่งคณะกรรมการที่กล่าวถึงเบื้องต้นเป็นผู้เสนอชื่อ

คณะกรรมการชุดนี้จะมีกรรมการรวมทั้งสิ้น 11 คน

 

สำหรับหน้าที่ของสภาปฏิรูปประเทศ ดิฉันขอเสนอดังนี้

1. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งอาจรวมถึงการจัดเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

2. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารภาครัฐ

3. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกเลิกกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งต่าง ๆ เพื่อให้การเลือกตั้งในทุกระดับ การสรรหา และแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ การใช้อำนาจรัฐและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม

4. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพ

5. ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงการกระจายอำนาจ การสร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมาย การเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและท้องถิ่น โครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินในทุกระดับ การปรับปรุงระบบและวิธีการงบประมาณ และการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

ทั้งนี้ เมื่อสภาปฏิรูปประเทศได้ดำเนินการในข้อใดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี และให้สภาปฏิรูปประเทศเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการตามเจตนารมณ์ต่อไป โดยกรอบของเวลาการดำเนินการขึ้นอยู่กับสภาปฏิรูปประเทศเป็นผู้กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

สำหรับผู้ที่เป็นห่วงถึงความต่อเนื่อง เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 และมีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งแล้วนั้น จะมีการกำหนดไว้ด้วยว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้ดำเนินต่อไปอย่างสืบเนื่องตามเจตนารมณ์และแนวทางที่ทุกฝ่ายให้ความเห็นชอบแล้ว

ทั้งหมดที่ดิฉันกล่าวมานั้น เป็นรูปแบบที่จะนำเสนอเพื่อให้ได้มีการแลกเปลี่ยนถกเถียงหารือ จากทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะได้รวบรวมนำความคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไขและออกเป็นคำสั่งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้ามีข้อคิดเห็นลงตัวก็จะสามารถประกาศได้ก่อนสิ้นปีนี้

ดิฉันขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงภาระกิจการปฏิรูปประเทศที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันทำให้การปฏิรูปประเทศครั้งนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน เพื่อสังคมที่สงบสันติ มีความปรองดอง รักและสามัคคี และเพื่ออนาคตของลูกหลานของเราต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net