ยูเอ็นขอภาคประชาสังคมไทยส่งข้อมูลการทรมาน

ยูเอ็นประกาศขอความร่วมมือองค์กรภาคประชาสังคมส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทรมานในไทย เพื่อประกอบการพิจารณารายงานของไทยในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปีหน้า

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ที่กรุงเจนีวา ทางคณะกรรมการต่อต้านการทรมานที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีด้วยนั้น ได้ส่งเอกสารขอความร่วมมือองค์กรทำงานด้านสิทธิมนุษยชนส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการฯ ประกอบการพิจารณารายงานความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment-CAT)  โดยในการประชุมครั้งที่ 52 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 เมษายน ถึง 23 พฤษภาคม 2556 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์  ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน  7 ประเทศสมาชิกที่รายงานจะถูกนำขึ้นมาพิจารณา รายชื่อ 7 ประเทศในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ไซปรัส ลิทัวเนีย มอนเตเนโกร์ อุรุกวัย โฮลีซี เซเรลีออน และประเทศไทย รายงานของรัฐบาลไทยได้จัดส่งแล้วสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://tbinternet.ohchr.org/_layouts/treatybodyexternal/Download.aspx?symbolno=CAT%2fC%2fTHA%2f1&Lang=en สำหรับประเทศไทยกำหนดการส่งรายงานคู่ขนานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องของภาคประชาสังคมสามารถจัดได้ภายในวันที่ 11 เมษายน 2556 โดยจัดส่งทางอีเมล์ที่ registry@ohchr.org และที่ cat@ohchr.org โดยเอกสารที่จัดส่งให้ทางยูเอ็นจะเปิดเผยในทางเวปไซด์ของคณะกรรมการต่อต้านการทรมาน และเผยแพร่ต่อรัฐบาลไทยด้วย

ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา โดยการภาคยานุวัติ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 และอนุสัญญามีผลใช้บังคับกับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา การรเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา มีผลให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาและจะต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยเสนอต่อคณะกรรมการรต่อต้านการทรมาน (UN Committee against Torture) โดยรายงานฉบับแรกให้เสนอภายในหนึ่งปีหลังจากอนุสัญญามีผลบังคับ และหลังจากนั้นก็ต้องเสนอรายงานทุกๆสี่ปี

อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ  เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่สมัชชาสหประชาชาติตกลงรับเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2527 อนุสัญญาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำการสองประการที่ต้องห้ามเด็ดขาด ไม่ว่าในสถานการณ์หรือข้ออ้างใดๆ (Absolute Prohibition) ไม่ให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการ (รวมทั้งละเว้นกระทำการ) ยุยง ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำ คือ ประการที่(1) “การทรมาน” และ ประการที่(2) “การปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ายีศักดิ์ศรี” ซึ่งรัฐภาคีของอนุสัญญามีพันธกรณีจะต้องปฏิบัติ โดยการจัดให้มีและใช้มาตรการต่างๆ ทั้งทางนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระทำดังกล่าว และจะต้องชดใช้เยียวยาด้วยวิธีการต่างๆแก่ผู้ตกเป็นเหยื่อและผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการลงโทษเจ้าพนักงานที่กระทำผิด

“การทรมาน” ตามความหมายของอนุสัญญาหมายถึง การกระทำของเจ้าพนักงานรัฐ หรือการกระทำของบุคคลอื่นที่เกิดจากการยุยง ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจของเจ้าพนักงานรัฐ ต่อบุคคล (1) ให้เกิดความเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานอย่างสาหัส ไม่ว่าทางร่างกาย หรือ จิตใจ เพื่อมุ่งประสงค์ให้ได้มาซึ่งข้อมูล ข้อสนเทศหรือคำรับสารภาพจากบุคคนั้นหรือบุคคลอื่น หรือ (2) การลงโทษ หรือข่มขู่ให้กลัว หรือบังคับขู่เข็ญ บนพื้นฐานของการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด

ส่วน “การปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ายีศักดิ์ศรี” อนุสัญญาไม่ได้ให้คำนิยามไว้ เหตุผลประการหนึ่งก็เนื่องจากแม้จะมีหลักการพื้นฐานร่วมกันบางประการ แต่ปัจจัยในเชิงสังคม ประเพณีและวัฒนธรรม การกระทำและสภาพแวดล้อม และความเป็นพลวัฒน์ของปัจจัยเหล่านั้น มีส่วนอย่างมากในการที่จะพิจารณาว่าการกระทำใดเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีหรือไม่ ทั้งการกระทำดังกล่าวมีหลากหลายรูปแบบ การให้คำนิยามอาจส่งผลให้เป็นการจำกัด ทำให้การกระทำบางอย่างในอนาคตไม่เข้าข่ายเป็นความผิดตามอนุสัญญานี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท