จดหมายน้อยจากพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 2556

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

5  ธันวาคม 2556

ถึงลูกของพ่อ

 

ในวันนี้ที่ใครใครเขาเรียกกันว่าวันพ่อ พ่อเองซึ่งมีเอ็งเป็นลูกคนหนึ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับลูกในวันพ่อวันนี้(ส่วนเรื่องที่จะพูดกับพ่อของพ่อ คือปู่ของเอ็งนั้นพ่อได้จุดธูปแล้วคุยเป็นการส่วนตัวกับปู่ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเอ็งไม่ควรจะรู้)
เมื่อ 40 ปีก่อนในวันที่ 14 ตุลา 2516 พ่อก็เป็นส่วนหนึ่งของ “มวลมหาประชาชน” ที่ไปเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และต่อด้วยขับไล่ถนอม ประภาส ณรงค์ จนเชื่อว่าได้รับชัยชนะ เพราะถนอม ประภาส ณรงค์ หนีออกนอกประเทศไป หลังจากนั้น “มวลมหาประชาชน” ได้รัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์   “มวลมหาประชาชน” ชนะและเชื่อว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้า โดยไม่ถอยหลังกลับ  หลังจากนั้น

1. เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้นำชาวนาชาวไร่  ผู้นำนิสิตนักศึกษา ผู้นำกรรมกร

2. เกิดเหตุการณ์กรณีนองเลือดพลับพลาชัย

3. เราได้รัฐบาลคึกฤทธิ์  ปราโมช (คนดี)

4. เราได้รัฐบาล เสนีย์ ปราโมช (คนดีและพรรคประชาธิปัตย์)
เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างเหี้ยมโหดอำมหิตที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยนิสิตนักศึกษาประชาชนถูกฆ่า  แขวนคอ  ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสนามหลวง 

5. เกิดการรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน  พลเรือเอก สงัด ชะลออยู่

6. เราได้รัฐบาลนายธานินทร์  กรัยวิเชียร (คนดี)

7. เกิดการรัฐประหารโดยพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์

8. รัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์   ต่อมาถูกไล่ออก

9. เราได้รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (คนดี)

10. เราได้รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (คนดี) อีก 10 ปี

11. เราได้รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ต่อมาถูกรัฐประหาร

12. เกิดการรัฐประหารโดย  คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์

13. เราได้รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน (คนดีและเป็นผู้ดีด้วย)

14. เราได้รัฐบาลพลเอกสุจินดา  คราประยูร (ระยะเวลาสั้นจนไม่มีคำนิยาม)

15. เกิดเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 2535 โดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง  นาวาตรีประสงค์ สุ่นศิริ นายปริญญา  เทวานฤมิตรกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ฯลฯ เรียกร้องนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับพลเอกสุจินดา เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

16. เราได้รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน (คนดีและผู้ดี)

17. จากนี้ไปพ่อเริ่มสับสนว่ามันมีรัฐบาลอีกหลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่รู้ว่าใครมาก่อนใคร แล้วใครเป็นยังไง แล้วถูกใครไล่ กล่าวคือนายบรรหาร ศิลปะอาชา พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ นายชวน  หลีกภัย (คนดี) ซึ่งลูกต้องไปดูเองจากแสตมป์ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่เขาพึ่งออกแสตมป์อดีตนายกรัฐมนตรีทุกสมัย

18. จากนายชวน หลีกภัย (คนดี) เราได้ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

19. ปี 2548 ถึง 2549 กลุ่มนายสนธิ พลตรีจำลอง นายพิภพ นายสมศักดิ์ นายสุริยะใส ฯลฯ เรียกตัวเองว่า “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ชุมนุมขับไล่พันตำรวจโททักษิณ และขอให้ในหลวงพระราชทานนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7

20. เกิดรัฐประหาร 2549โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งภายหลังลงสมัครรับเลือกตั้งและอุตส่าห์ได้รับเลือกตั้ง

21. เกิดรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งมีนาวาตรีประสงค์ สุ่นศิริเป็นประธานคณะกรรมการร่าง และมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ (คนดี) เป็นกรรมการและเลขานุการยกร่างด้วย

22. เลือกตั้งพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวช (ผู้กล่าวว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่เคยมีคนตาย และเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร) ได้เป็นนายก ต่อมาถูกไล่ออกเพราะไปจัดรายการทีวีเรื่องการกินข้าวกินปลาตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างเถียงไม่ได้ในความเห็นของอาจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ

23. เกิดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยการนำของนายสนธิ พลตรีจำลอง นายพิภพ  นายสุริยะใส ฯลฯ ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์ ยึดสนามบินดอนเมืองสุวรรณภูมิ

24. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (น้องเขยพันตำรวจโททักษิณ) เป็นนายกรัฐมนตรี  ต่อมาถูกไล่ออกเพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างเถียงไม่ได้ในความเห็นของอาจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ (ภายหลังได้รับการอวยยศให้เป็นพระยานิติวิบัติดำน้ำลึก)

25. เราได้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ (คนดี หล่อ พูดภาษาอังกฤษเก่งที่สุด และไม่เคยทำอะไรผิด) ที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญผสมกับพรรคภูมิใจไทยของนายเนวิน ชิดชอบ ทั้งนี้โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ส่วนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลความมั่นคง

26. เกิดเหตุการณ์ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ของคนเสื้อแดงในปี 2552 ถึง 2553 ถูกขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากรัฐบาลอภิสิทธิ์โดยใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง กระสุนจริง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิต 99 คน มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน)

27. ยุบสภา เลือกตั้งใหม่

28. พรรคเพื่อไทย (ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร) ชนะการเลือกตั้งท่วมท้น (อีกแล้ว) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

29. พรรคประชาธิปัตย์ (คนดี) เป็นฝ่ายค้าน (อีกแล้ว)

30.  ปลายปี พ.ศ. 2556 ที่พ่อเขียนจดหมายถึงลูกฉบับนี้    ลูกคงรู้ว่ามีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์  ชินวัตรพรรคเพื่อไทย (ของพันตำรวจโททักษิณ  ชินวัตร) โดยกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ(คนดี คนรักประชาธิปไตย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศอฉ.ในเหตุการณ์ปี 2553)   ซึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่มอะไรที่มีชื่อยาวๆซึ่งพ่อก็จำไม่ได้ โดยเรียกร้องให้ขับไล่รัฐบาลโดยอ้างว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร (อันนี้ท่าจะจริง) และกรณีที่รัฐบาลแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยหาว่าการที่พรรครัฐบาลแก้ไขให้มีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกทั้งหมดแทนการลากตั้งนั้นเป็นการทำลายประชาธิปไตย (อันนี้พ่อสงสัยว่ามันมั่ว)  เกิดการเดินขบวนซึ่งนำโดยอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (คนดีผู้ยึดมั่นในระบบรัฐสภา) เข้ายึดสถานที่ราชการ  และสถานีโทรทัศน์หลายแห่งโดยใช้ความสงบ (แค่เป่านกหวีด) สันติ อหิงสา (ซึ่งพ่อยังสงสัยว่าจะมีใครเชื่อ)

31. นายสุเทพ เทือกสุบรรณประกาศในฐานะผู้นำของ”มวลมหาประชาชน” (ซึ่งไม่รวมพ่อ) ว่าจะจัดตั้งสภาประชาชนที่มาจากทุกสาชาอาชีพ (แต่ไม่ใช่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เพราะมันไม่ดีพอ) และจัดตั้งรัฐบาลประชาชนที่ดี (ไม่รู้เป็นยังไง ? และเป็นใคร? และมาจากไหน?)  และจะเปลี่ยนแปลงประเทศไปตามแนวทางที่ดีเลิศ (ไม่รู้เป็นยังไง? ทำยังไง ? ใช้เงินเท่าไหร่? เถียงได้มั้ย ? ค้านได้มั้ย? ฯลฯ)

เรื่องที่เล่าเหตุการณ์เรียบเรียงมาทั้งหมด เพียงเพื่อจะบอกลูกว่าเราคงต้องเดินทางกันอีกยาวนานกว่าที่จะได้ประเทศไทยที่รุ่งเรืองไพบูลย์ นักการเมืองทั้งในสภาและนอกสภาล้วนมาแล้วก็ไป  แย่งชิงอำนาจกันบนเลือดเนื้อของ “มวลมหาประชาชน” ซึ่งแท้จริงมีชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด

มันเป็นเรื่องน่าขำที่  “มวลมหาประชาชน” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เปล่งคำขวัญเป็นคำกลอนว่า “ไมมีอำนาจใดในโลกหล้า  ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน  ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป  เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่  ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่  เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ  ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” (ซึ่งแต่งโดยวิสา  คัญทัพ  ปัจจุบันเป็น คนเสื้อแดง เป็นแกนนำ นปช. ซึ่งถ้ามวลมหาประชาชนที่เปล่งคำขวัญนี้รู้ว่าใครแต่ง  พ่อก็ไม่รู้ว่ายังจะชูคำขวัญนี้กันอีกหรือไม่)  ยิ่งไปกว่านั้น มวลมหาประชาชนเหล่านี้รู้ไหมว่า สิ่งที่นายสุเทพและผู้นำของเขาต้องการคือสภาประชาชนที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง  รัฐบาลประชาชนที่ประชาชนไม่ได้เลือกตั้งมา  พ่อคิดว่าเค้าคงไม่เข้าใจเพราะไม่ได้ฟัง  มัวแต่เป่านกหวีด ซึ่งถ้าเค้ารู้และเข้าใจอย่างจริงจัง ภายหลังจากเปล่งคำขวัญว่า “ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” แล้ว นอกจากขับไล่รัฐบาล คงจะขับไล่ผู้นำม้อบของตนด้วย

หลังจากนี้คงจะต้องเป็นไปตามกฎของธรรมชาติที่ว่า  กงล้อประวัติศาสตร์คงทำหน้าที่ของมัน โดยหมุนเดินไปข้างหน้าอย่างที่ไม่มีใครจะหยุดได้  ใครที่ปลิ้นปล้อนตอแหล หลอกลวงประชาชน  ทำเพื่ออำนาจของตนและพรรคพวกโดยไม่คำนึงถึงประชาชน คงจะถูกบดขยี้พินาศไป

พ่ออยากให้ลูกคิดเยอะๆ ศึกษาและวิเคราะห์สังคมไทยที่เป็นอยู่และจะเป็นไป  ศึกษาผู้คนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ดี  ดูอดีต ศึกษาความคิดในอดีตของเขา ดูการกระทำในอดีตและปัจจุบันของเขาโดยใช้กฎทางวิทยาศาสตร์สังคม  อย่าให้ใครหรืออารมณ์ของเราเองชักจูงพาไปดังเช่นวัวควาย พ่อคิดว่าเพียงเท่านี้ลูกก็จะสามารถเข้าใจและครองตนในสังคมนี้ต่อไปอย่างมีประโยชน์

ด้วยรัก
จากพ่อ

 

หมายเหตุ: ผู้เผยแพร่ไม่ใช่ผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ ตัวผู้เขียนคือนายกฤษฎางค์ นุตจรัส นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ รหัส 18
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท