Skip to main content
sharethis

สุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ 'ตระกูลชินวัตร' ไปถึงรุ่น 'พานทองแท้' ชี้ไม่มีทางเลือกอื่นต้องสร้างอำนาจประชาชนให้เติบใหญ่ไปสู้ระบอบทักษิณ โดยขอให้มาชุมนุมล้านคนเพื่อให้ได้ชัยชนะก่อน 30 พ.ย. นี้

สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานีหลายสมัย แกนนำการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ยกระดับเป็นการ 'โค่นระบอบทักษิณ' ปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่มา: BlueSky TV

 

16 พ.ย. 2556 - ในการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรม ที่ ถ.ราชดำเนิน ซึ่งเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ยกระดับเป็นการชุมนุมเพื่อถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ และเชิญชวนประชาชนใช้ 4 มาตรการอารยะขัดขืนได้แก่ ถอดถอน 310 ส.ส. - ไม่เสวนาแต่เป่านกหวีดใส่บริวารทักษิณ - ไม่ซื้อขายสินค้าเครือทักษิณ - ข้าราชการทั่วประเทศหยุดงาน และล่าสุดในการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ในช่วงหัวค่ำสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส. จ.ตรัง แกนนำการชุมนุมได้นัดหมายผู้ชุมนุมว่าในวันที่ 17 พ.ย. จะมีการลอยกระทง 'ลอยระบอบทักษิณลงทะเล' นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

สุเทพลั่น 30 พ.ย. ต้องรู้ผล ไม่อย่างนั้นระบอบทักษิณจะมีอำนาจไปหลายสิบปี

ต่อมาในเวลา 19.37 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ตอนหนึ่งกล่าวว่า การชุมนุมของประชาชนที่ ถ.ราชดำเนิน นั้น "ไม่เกินวันที่ 30 พ.ย. นี้ ต้องรู้ผล ถ้าอำนาจฝ่ายทักษิณชนะ ก็จะได้ปกครองประเทศไทย มีอำนาจเหนือชีวิตจิตใจคนไทยต่อไปอีกหลายสิบปี"

"และถ้าเหตุการณ์มันชั่วร้ายถึงขนาดนั้น ประชาชนคนไทย ที่จะยังมีชีวิตอยู่ในวันข้างหน้า จะได้มองภาพ การสืบทอดตำแหน่งของคนในตระกูลชินวัตร จากทักษิณ มาเป็นน้องเขย มาเป็นน้องสาว มาเป็นน้องสาวอีกคนหนึ่ง หมดจากน้อง ก็มาเป็นลูก มาเป็นโอ๊ค อุ๊งอิ๊ง ลูกของโอ๊ค ฯลฯ ถ้าเราแพ้เขาก็ทำใจเสีย ใครจะคิดอย่างไร ใครจะทำใจอย่างไร บรรดาพวกเราที่ออกมาต่อสู้ร่วมกัน รวมทั้งตัวผมจะไม่มีวันเสียใจอีกแล้วเพราะเราต่อสู้สุดชีวิต"

"ถ้าจะต้องมีชีวิตในแผ่นดิน แล้วทนเห็นการสืบทอดอำนาจของคนตระกูลนี้ไปจนถึง ไอ้โอ๊ค กูตายเสียดีกว่า"

"ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ ด้วยสำนึกอย่างนี้ ผมจึงได้กราบเรียนพี่น้องที่เคารพทั้งหลายว่า ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเราจะต้องสร้างอำนาจของประชาชน ให้เติบใหญ่ ให้ทันเวลาที่จะสู้กับมัน เพราะระบอบทักษิณ เพราะอำนาจของทักษิณ วันนี้มันยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันกุมอำนาจรัฐเอาไว้ในมือ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ข้าราชการทั้งหลายไม่มีสิทธิ์ได้โง่หัวขึ้นมาเลย ทั้งที่มีข้าราชการจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้รับการขุนเลี้ยงจากทักษิณ แต่มีข้าราชการส่วนใหญ่ถูกกดขี่จากระบอบทักษิณทุกวัน"

 

ขอประชาชนลุกฮือหนึ่งล้าน ปลดปล่อยข้าราชการจากทักษิณ

"พี่น้องไปถามผู้กำกับทุกโรงพักในนครบาล ต้องจ่ายเงินเป็นสิบๆ ล้าน แล้วไม่รู้ด้วยว่าจะไปอยู่โรงพักไหน ไม่เชื่อไปถามไอ้แจ๊ด ลูกประชาชนคนธรรมดาไม่มีเงินสิบยี่สิบล้าน ตำรวจดีๆ ทั้งหลายไม่มีวันได้เป็ผู้กำกับในนครบาลนี้ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนจะขึ้นเป็น พล.ต. พล.ท. พล.อ. ยกเว้น 'แจ๊ดคนเดียว' มันบอกได้ดีเพราะพี่ให้ ที่จริงต้องพูดว่าได้ดีเพราะพ่อมันให้ หมดเรื่องหมดราว"

โดยสุเทพกล่าวด้วยว่าการขึ้นเป็นข้าราชการระดับสูง ต้องใช้เงิน อธิบดีถ้าไม่จ่ายเงิน ก็ต้องสาบานว่าจะรับใช้ 'ตระกูลชิน' ทำให้ตระกูลนี้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้ข้าราชการไม่กล้าลุกขึ้นมาเผชิญหน้า จนกว่าเขาจะเห็นประชาชนนับล้านออกมาสู้

สุเทพกล่าวว่า แต่ในแถวของผู้ชุมนุมนั้น ขอให้เชื่อเถิดว่าต้องมีข้าราชการมาร่วมชุมนุมด้วย ที่รู้ก็เพราะเขาเดินเยี่ยมผู้ชุมนุมทุกวัน มีคนมาขอถ่ายรูปและกระซิบว่าเป็นข้าราชการกระทรวงต่างๆ ตำรวจ ทหารก็มีแต่เขาไม่กล้าแสดงตัว เพราะรอวันที่ผู้ชุมนุมจะมาชุมนุมครบล้าน

"ประเทศไทยวันนี้ไม่มีที่หวังอื่น ถ้าอยากรอดพ้นจากการใช้ชีวิตอยู่รอดจากระบอบทักษิณ มีอยู่อย่างเดียวคือพลังประชาชนเท่านั้น เพราะผมบอกแล้ว ข้าราชการทุกฝ่าย พลเรือน ตำรวจ ทหาร เขาคือข้าราชการประจำ เขาจะมาอยู่ข้างประชาชน ต่อเมื่อประชาชนแสดงพลังออกมามากมายจนเขามั่นใจว่าเราชนะระบอบทักษิณแน่นอน เขาจึงออกมา"

 

ลั่นต้องจบให้ได้ก่อน 30 พ.ย. ด้วยการระดมมาให้ได้หนึ่งล้านคน

"บรรดาพี่น้องที่ตัดสินใจต่อสู้จนตัวตาย ต้องทำงานหนักกันทุกคน เพราะเราไม่มีเวลามาสู้กับพวกมันทั้งปีทั้งชาติ เราต้องกลับบ้าน เพราะฉะนั้นก่อน 30 พ.ย. ต้องชนะมันให้ได้ เมื่อจะต้องจบให้ได้ เราทุกคนต้องทำงานหนัก รีบบอกกับญาติ บอกกับมิตรสหาย ถ้าพวกคุณไม่อยากเป็นทาส ไม่อยากเสียโอกาสนี้ โอกาสที่มวลมหาประชาชนลุกขึ้นมาเป็นแสนๆ แบบนี้ รีบออกมาร่วมมือกับเรา"

สุเทพ ได้ขอให้ผู้ชุมนุมเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมให้ได้มากๆ ถึงล้านคน "ขอให้พวกเราทำงานทุกคน ทุกท่าน ทำตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ ขอให้ชวนคนได้เป็นสิบ ชวนมากกว่านั้นยิ่งดีเผื่อเพื่อนด้วย ต้องทำให้ได้เกินล้านครับพี่น้องครับ และเราต้องใช้ระบบขายตรงแล้ว โทรถึงญาติด้วยตัวเอง โทรถึงเพื่อนด้วยตัวเอง"

 

อัด 'ทีวีบางช่อง' ยังติดหนี้บุญคุณ ขอให้จำไว้จะต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบประชาชน

"พี่น้องอย่าคาดหวังว่าที่เราชุมนุมกัน ปราศรัยกันที่นี่ สื่อมวลชนจะช่วยขยายความให้เรา ยากครับ เพราะสื่อก็กลัวเหมือนกัน สื่อมวลชนก็กลัวอำนาจทักษิณ ถ้าไปเขียนไม่ดี ก็ไม่ได้โฆษณา ทักษิณจะสั่งหมด ห้ามบริษัทนี้โฆษณาในสื่อนี้ สื่อของรัฐไม่ลงโฆษณา เสร็จ เลยหงอ ยอมรับใช้ทักษิณดีกว่า ได้ประโยชน์โพดผลมากมาย จึงไม่ต้องแปลกใจ เรามาชุมนุมเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ภาพที่สื่อนำเสนอ หรอมแหรม มาถ่ายตอนพี่น้องหลับตอนเช้าๆ น่ะครับ เอาไปลง"

"ก็ไม่ว่ากัน ไม่โกรธกัน สถานีโทรทัศน์บางสถานี เคยติดหนี้บุญคุณผม แต่วันนี้ไม่กล้าเสนอข่าวที่เป็นบวกกับมหาประชาชนเลย กูรู้ใจมึงแล้วเพื่อน จำคำนี้เอาไว้แล้วกันเพื่อนเอ๊ย ถ้าวันไหนมวลมหาชนชนะทักษิณ เอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบประชาชน กูถึงจะคุยกับมึง ส่วนถ้ามวลมหาประชาชนแพ้ กูจะไม่ว่าอะไร ก้มหน้าก้มตา เป็นขี้้ข้ามันต่อไป"

"พี่น้องทั้งหลาย บนเวทีแห่งนี้่ จึงเป็นเรื่องของพวกเราล้วนๆ พึ่งใครไม่ได้เลย พึ่งได้ เฉพาะพวกเรากันเองเท่านั้น"

สุเทพ ยังตัดพ้อถึงอีกมิตรสหายของเขาที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ว่า "เพื่อนที่เคยรักกับผม คนที่เคยดีกับผม ไม่กล้าแม้แต่จะ รับโทรศัพท์ของสุเทพ เทือกสุบรรณ ผมจึงภูมิใจมาก วันนี้พวกเราต่อสู้ โดยไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร เป็นเรื่องของประชาชนแท้ๆ"

โดยเขาเล่าตัวอย่างประชาชนที่มาร่วมบริจาคว่า "ก็มีคนดี คนใจงาม มาให้กำลังใจทุกวัน ส่งคนมาบอก ให้การช่วยเหลือทุกวัน เมื่อสักครู่ก่อนขึ้นเวที มีอากงคนหนึ่ง นุ่งกางเกงขาสั้น จูงหลานมาสองคน หลานผู้ชาย อยู่ ป.6 หลานผู้หญิง อยู่ชั้นอนุบาลสอง โรงเรียนวัดนาคปรก ตลาดพลู ที่ทำให้ผมน้ำตาไหล เด็กสองพี่น้องนี้ ทำงานพิเศษ เก็บเงินไว้ได้ 4 พัน ให้อากงถอนเงินหมด เอามาให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ"

สุเทพย้ำว่า "ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพื่อให้คนไทยคนอื่นๆ ที่มีสมบัติพัสถานกิจการใหญ่โตกว่าอากงคนนี้ มีรายได้มากว่าเด็กสองคนนี้ ที่นอนเฉยอยู่ที่บ้าน ผมและพี่น้องที่นี่ ไม่ต้องการเงินของท่าน แต่ต้องการใจของท่าน"

สุเทพกล่าวว่า เชื่อว่าผู้ชุมนุมที่มาฟังการปราศรัยนั้น หลายคนมาโดยที่ไม่ได้ถูกทักษิณรังแกข่มเหงโดยตรง ไม่ใช่คนที่ถูกทักษิณเอารัดเอาเปรียบเรื่องการค้า การขาย แต่คนที่มาเพราะเขามีหัวใจที่รักความเป็นไทย ไม่ต้องการให้ลูกหลานเป็นขี้ข้าทักษิณ "แล้วคนที่ทักษิณข่มเหงรังแก ทนกลืนน้ำตาอยู่ที่บ้านทำไม ออกมาสิครับ"

 

ทบทวนมาตรการจัดการระบอบทักษิณ เชิญชวนประชาชนร่วมกันถอดถอน 310 ส.ส.

ต่อมาสุเทพ ได้ปราศรัยทบทวนมาตรการจัดการระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการเข้าชื่อประชาชนเพื่อถอดถอน ส.ส. 310 คนที่ยกมือลงมติร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า "พี่น้องที่เคารพ เมื่อคืนผมกราบเรียนพี่น้อง เมื่อเรายกระดับการต่อสู้ เป็นการขจัดระบอบทักษิณ ให้พ้นไปจากแผ่นดินไทย ผมก็ได้เสนอมาตรการ 4 มาตรการ มาตรการที่ 1 คือต้องเล่นงานสมุนบริวารสุนัขรับใช้ของระบอบทักษิณ ให้มันเห็นชัดเจนว่าประชาชนไม่ยอมแล้ว สมุนบริวาร คนของทักษิณกลุ่มแรก ที่เราตั้งใจจะจัดการร่วมกัน คือบรรดา ส.ส. 310 คน ที่บังอาจทรยศประชาชน ไปออกกฎหมายล้างผิดให้ทักษิณ

"ปรากฎว่าพี่น้องประชาชนตื่นตัวมาก 6 โมงเช้ามาเข้าแถวรอลงชื่อ ผมยังพิมพ์แบบฟอร์มไม่ทันครับ ต้องกราบขอโทษพี่น้องทั้งหลาย เพราะต้องให้คนรู้กฎหมายเปิดดูรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการถอดถอน ส.ส. แล้วไปเขียนแบบฟอร์มให้ถูกต้อง"

"ผมและคณะต้องเป็นผู้แสดงตนต่อประธานวุฒิสภา รวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอน ส.ส. 310 คนแล้วก็เป็นคนตรวจกำกับว่าชื่อนั้นถูกต้อง บัตรประชาชนนั้นถูกต้อง เจ้าของประชาชน เจ้าของชื่อมาลงชื่อในคำร้องด้วยตัวเอง ลงวันที่กำกับ เพราะถ้าทำไม่ดี รายชื่อที่ยื่นไป พวกนั้นจะมีเหตุจะเล่นงานผม และเพื่อนๆ ว่าปลอมแปลงเอกสาร ผิดกฎหมายอาญาอีก เสียของอีก"

"เราจะตั้งโต๊ะ มีเจ้าหน้าที่ ถ่ายเอกสารต่อหน้าพี่น้อง ประทับตราเลย สำเนาบัตรประชาชนพี่น้องใช้เฉพาะกรณีถอดถอน ส.ส. 310 คนนี้เท่านั้น พี่น้องใจเย็นๆ อย่าหงุดหงิด อารมณ์เสีย เพราะพี่น้องใจร้อน อยากจะถอดมันวันนี้ ไม่เป็นไร ขณะนี้มันก็ตุ้มๆ ต่อมๆ ฝันร้ายอยู่แล้ว เราค่อยๆ ทำ ทำให้สมบูรณ์ ทำให้ประณีต ทำให้เรียบร้อย ทำให้ได้ผล ขอให้พี่น้องได้เข้าใจ"

"แล้วก็ขอให้ท่านทั้งหลายทำใจ คนที่คิดจะถอดถอน ส.ส. พวกนี้ไม่ได้มีแต่ชาวราชดำเนิน คนอื่นๆ ก็ไปถอดถอนเหมือนกัน ไม่เป็นไร หลายๆ เท้าช่วยกัน ก็สำเร็จได้อยู่ดี"

"มาตรการที่สองที่ชวนพี่้น้องชาวไทย ลุกขึ้นสินค้าและบริการที่ผลิต จำหน่าย โดยบริษัทในเครือทักษิณ วันนี้ได้ผล มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เอาโทรศัพท์ในเครือ AIS ไปคืนแล้วครับ โดยมีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ผมก็กล่าวตรงนี้ไม่เอ่ยชื่อท่านหรอก รูปท่านหราเลยในเฟสบุ๊ก ใช้ AIS มา 20 ปีบริการดีมาก แต่วันนี้ตัดใจ คืนไปแล้ว"

 

และขั้นเด็ดขาดต้องออกมาให้ได้นับล้าน เพื่อให้ข้าราชการปฏิเสธระบอบทักษิณ

ส่วนมาตรการสำคัญ คือมาตรการที่ผมบอกพี่น้องแหละครับ ว่าล้านคน ต้องทำให้ได้ ถ้าเอาคนล้านคนลุกขึ้นมากอดคอต่อสู้กับเราไม่ได้ อำนาจรัฐไม่กล้าแข็งข้อต่อระบอบทักษิณ เราจะชนะได้ ในขั้นสุดท้าย คือวันที่อำนาจรัฐ แสดงอาการแข็งข้อกับระบอบทักษิณ เฟืองทุกตัวในระบบของรัฐ คือข้าราชการประจำทั้งหลาย หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวต่อไป ปฏิเสธระบอบทักษิณ หันมาหาประชาชนนั่นคือวันชนะของเรา"

"เพราะฉะนั้นเราเปิดไพ่เล่นกันแล้ว สิ่งที่เราทำคือชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ลุกขึ้นมา กอดคอ ร่วมกันขจัดระบอบทักษิณจากแผ่นดินไทยให้ได้ คือหน้าที่ของเราทุกคน"

"เมื่อคืน พอผมพูดถึงว่า จะให้ข้าราชการหยุดงานทั่วประเทศ ผมพูดหวัดไปหน่อย คนฟังก็เลยหงุดหงิด คนบอกเอาอีกแล้ว ชวนหยุดงานอีกแล้ว ผมหมายถึงว่าวันนั้น วันที่มีพวกเราล้านคน ข้าราชการก็เดินออกมาจากออฟฟิศมาร่วมกับประชาชน นั่นแหละคือวันตัดสินชะตาของระบอบทักษิณ คือเฟืองไม่ทำงานแล้ว"

 

หวังสร้างประเทศไทยที่มีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่สมบูรณ์แบบ

"เมื่อเราขจัดระบอบทักษิณได้ หมดสิ้นไปแล้ว เราจะได้ร่วมกัน เปลี่ยนแปลงแก้ไขประเทศไทย ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่สมบูรณ์แบบ พวกเราจะได้คิดกัน สร้างระบบ ป้องกันที่เข้มแข็ง ไม่ให้ระบบทุนสามานย์มันเข้ามาครอบงำประเทศไทยเหมือนที่ทักษิณทำ เราต้องทำให้ได้ เราจะต้องทำให้ประเทศไทยของเรา ไม่เป็นประเทศที่มีแต่คนขี้โกง ทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่เอาแล้ว หยุดเสียที เพราะประเทศไปไม่รอด"

"ที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์เจื้อแจ้วว่าพอเถอะค่ะ ให้ประเทศเดินหน้า มันเดินไม่ได้หรอก ถ้าตระกูลมึงมาปกครองอย่างนี้ การทุจริตคอร์รัปชั่น ฉ้อโกง เป็นมะเร็งร้าย ต้องผ่าตัด ต้องจัดการ ถ้าเราล้มระบอบทักษิณไม่ได้ คนจะระเริง เหลิงลม ทำผิดไม่ต้องรับผิดไม่ต้องติดคุก ยึดทรัพย์ก็ต้องคืนทรัพย์ ที่นี้เสร็จแน่นอนประเทศไทย จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องทำให้ได้ อย่าไปกลัว ไม่ต้องกลัวว่าเราทำไม่ได้ ทำเถอะครับพี่น้อง อย่างน้อยที่สุดถ้าจะต้องแพ้มัน จะไม่ต้องเสียใจว่าลูกหลานมันด่า ว่าทำไมพ่อกับแม่ไม่สู้เขา"

"แต่ผมเชื่อ ว่าเมื่อมีคุณพ่อ คุณแม่ คุณน้า คุณยาย อากงมานั่งสู้ที่นี่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่บ้านจะเข้าใจ และมาสมทบภายในเร็ววันนี้ และเราจะชนะร่วมกัน ขอให้พี่น้องอดทน มันจะว่าเราอย่างไร ด่าเราอย่างไร ไม่ต้องไปสนมัน เหมือนนักมวยขึ้นเวที มึงชกกูมา กูชกมึงมั่ง ดูว่าใครจะน็อคใคร"

 

ตอบโต้แรมโบ้อีสาน ระบุผู้ชุมนุมจะสู้แบบพลเมืองดี ไม่มีวันเผาบ้านเผาเมือง

สุเทพกล่าวถึงข้อกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้ามว่า "ผมไม่สนใจ ที่มันด่าผมทุกวัน หาว่าผมโกง สปก. โรงพัก ผมไม่ไปยุ่งกับมัน สปก. ผมก็ไม่มีที่สักฝ่ามือเดียวที่เป็น สปก. ถ้าใครอยากรู้มากกว่านี้จะแฉให้ฟัง โรงพักไม่เสร็จ ไอ้ธาริตจะฟ้องผม ปรากฏว่าผมฟ้องมันไปก่อนแล้ว คุณประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีเมื่อก่อนก็ดีกันกับผม แต่วันนี้เป็นต้นไป ประชาเอ๋ย เจอที่ไหน นกหวีดกูที่นั่น"

ในการปราศรัยสุเทพ ได้เตือน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกด้วยว่า อย่าดูถูกการชุมนุมเด็ดขาดมิเช่นนั้นจะแฉกลับ ว่าครอบครัวมีทรัพย์สินนับร้อยล้านเพราะไปมีอาชีพอะไร และตอบโต้ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน แกนนำ นปช. ที่กล่าวหาว่ามีการขนอาวุธเข้ามาในที่ชุมนุม โดยสุเทพตอบโต้ว่า คนอย่างเขานั้น จะจัดการกับสุภรณ์ ไม่ต้องใช้อาวุธ

"กูบอกให้มึงฟังแล้วกันสุภรณ์ มึงเจอคน 1 ล้านคน 2 ล้านตีน 2 ล้านมือ มึงหนีให้รอดก็แล้วกัน แล้วก็บอกให้พวกมึงรู้ ว่าพวกกูทั้งหมดนี้ ไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่มีวันกลัวมึง แล้วไม่มีวันทำตัวเป็นหมาลอบกัด นี่เป็นการชุมนุมของพลเมืองดี ต่อสู้แบบคนดี สู้แบบคนที่เคารพกฎหมายบ้านเมือง สู้โดยสันติ อหิงสา สงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ใช่สู้แบบพวกมึง ที่มาเผาบ้านเผาเมืองมาฆ่าคน ในชีวิตคนอย่างพวกมึง ไม่รู้จักว่าความดีเป็นอย่างไร คนดีเป็นอย่างไร เพราะมึงคบกันเฉพาะคนชั่วเท่านั้น" สุเทพตอบโต้แรมโบ้อีสานอย่างเผ็ดร้อน และกล่าวต่อไปว่า "และเพราะเหตุที่พวกมึงสุมหัวกัน คนดีอย่างพวกเราจำเป็นต้องลุกขึ้นมา จัดการกับพวกมึง"

"ขอเรียนยืนยันกับพี่น้องครับว่า ประเทศไทยนี้ เป็นของพวกเราทุกคน เราสามารถปกป้องรักษาแผ่นดินนี้ ไว้ให้ลูกหลานได้ โดยที่เราไม่ต้องทำลายใคร ไม่ต้องทำผิดกฎหมาย ไม่ต้องเผาบ้านเผาเมืองหรือฆ่าใคร แนวทางนี้ถูกต้องแล้ว ขอให้แน่วแน่ในแนวทางนี้ต่อไป แต่ขอให้พวกเราทำงานให้หนัก ทำงานให้เต็มที่ สามัคคีเป็นพิเศษ อยู่ที่ไหนๆ มา เถอะครับ สละเวลามา ไม่กี่วันเท่านั้น บอกแล้วว่าต้องจบก่อน 30 พ.ย. มาเถอะครับ"

"ขอให้พวกเราชักชวนเพื่อนฝูง ญาติมิตร มาร่วมกับเรา ทำให้เป็นล้านให้ได้ แล้วเราจะได้ฉลองชัยชนะของประชาชนอันยิ่งใหญ่ด้วยกัน" สุเทพกล่าวในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net