Skip to main content
sharethis

ประชุมร่วมสองสภาหลังคำตัดสินศาลโลก ยิ่งลักษณ์จะยึดอธิปไตยและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทูตวีรชัยชี้แจงผลคำตัดสินศาลโลกในสภา และกล่าวว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนไม่ผูกพันไทย-กัมพูชาในการตีความพื้นที่ใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร

วีรชัย พลาดิศัย ได้รับช่อดอกไม้หลังมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ วันนี้ (13 พ.ย.) (ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ)

 

13 พ.ย. 2556 - สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 อาคารรัฐสภาว่า หลังจากที่เราได้รับฟังคำพิพากษานั้น สิ่งที่ต้องเร่งทำคือการศึกษาคำพิพากษา ซึ่งในส่วนของการศึกษานั้น ก็ยังคงยืนยันในเรื่องของการรักษาอธิปไตยเช่นเดิม และกราบเรียนท่านสมาชิกที่เคารพว่าไม่ว่ารัฐบาลจะไปดำเนินการอย่างไรนั้น เราจะเข้ามาในการรับฟังความคิดเห็นของสภา รวมถึงการที่จะขอรับฟังข้อมติของสภาภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราก็เชื่อว่าไม่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรนั้น เราก็อยากที่จะรับฟัง ฉะนั้นเรียนยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะไม่ทำการใดๆ จนกว่าจะได้รับการเห็นชอบจากสภา และรัฐบาลนี้เรียนยืนยันว่าจากที่หลายท่านอาจจะข้อสงสัย ก็ยืนยันว่าการดำเนินการใดๆ นั้น จะทำโดยคณะกรรมการและการดำเนินการใดๆ นั้น ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งสิ้น และจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมถึงการรักษาอธิปไตยเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรีปฏิเสธด้วยว่าไม่เคยพูดว่าจะรับคำพิพากษา แต่สิ่งที่ดิฉันพูดอยู่เสมอก็คือว่าไม่ว่าผลการตัดสินออกมาอย่างไร ในส่วนของการดูแลความสงบเรียบร้อย บรรยากาศของความสัมพันธ์นั้นต้องคงอยู่

ด้านคำนูญ สิทธิสมาน กลุ่ม 40 ส.ว. อภิปรายว่าจะไม่รับคำตัดสินของศาลโลก เนื่องจากเห็นว่า ในอนาคตไทยอาจเสียเปรียบกัมพูชา

ขณะที่วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานทางกฎหมายฝ่ายไทย คดีตีความปราสาทพระวิหาร สรุปสาระสำคัญของคำพิพากษาศาลโลกต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ว่า ในคำพิพากษาศาลโลก ได้ระบุว่า ศาลมีอำนาจในการรับตีความตามคำร้องของกัมพูชา แต่ไม่มีอำนาจชี้ชัดเส้นเขตแดน ซึ่งครั้งนี้ศาลตีความสิ่งที่เคยได้พิพากษาไปแล้ว นั่นหมายถึง ศาลตีความในขอบข่ายของบทปฏิบัติการในคดีเดิม คือ อำนาจอธิปไตยเหนือยอดเขาพระวิหารเท่านั้น โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีขนาดเท่าใด แม้ศาลโลกจะเห็นว่า บริเวณใกล้เคียงปราสาท หรือพื้นที่ในคดีเดิม มีขนาดเล็กที่เห็นได้โดยชัดเจนตามลักษณะภูมิศาสตร์อย่างที่กัมพูชาได้กล่าวเป็นข้อสนับสนุนในการยื่นขอตีความ

อย่างไรก็ตาม ในคำตัดสินของศาลโลกครั้งนี้ เห็นว่า ภูมะเขือที่เป็นพื้นที่ใน 4.6 ตารางกิโลเมตร ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอาณาบริเวณปราสาทพระวิหาร และศาลไม่ได้รับตีความพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่พิพาทในคดีเดิม ในคำตัดสินศาลโลกครั้งนี้ ยอมรับว่า การถ่ายทอดเส้นแบ่งบนแผนที่ 1 : 200,000 ลงบนภูมิประเทศจริงนั้นเป็นไปได้ยาก หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นไปไม่ได้ ยังไม่นับว่าแผนที่ภาคผนวก 1 นอกจากนี้ เส้นเขตแดนบนแผนที่ 1 : 200,000 ไม่ผูกพันไทยกับกัมพูชาในส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่นอกบริเวณใกล้เคียงปราสาทแต่อย่างใด

 

ศิริโชคเจอ 'ทูตวีรชัย' สอนเรื่องแผนที่กลางสภา

ข่าวสดออนไลน์ รายงานด้วยว่า ในเวลา 23.50 น. ระหว่างการอภิปรายของศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงแผนที่ถึงปริมาณพื้นที่ที่ไทยต้องเสียดินแดนจากคำพิพากษาศาลโลก จากแผนที่ 1 : 200,000 ของกัมพูชา และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หลังนักวิชาการส่วนตัวของตนประเมินได้ภายใน 48 ชั่วโมงว่า พื้นที่ที่เสียดินแดนว่าอยู่ระหว่าง 0.3 –2 ตารางกิโลเมตร

ทำให้ทูตวีรชัย ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า อยากขอชื่อชมนายศิริโชค โสภา และที่อ้างว่านักวิชาการส่วนตัวที่ตีอ้างกันว่าสามารถตีความศาลโลก ในวรรคที่ 98  ได้ภายใน 48 ชั่วโมง เพราะตนและคณะทำงานระดับโลกที่เก่งที่สุด ทำงานมาหลายปี นับจากวันที่ 11 พ.ย. มาจนวันนี้เรายังไม่กล้าสรุปชี้ชัดในประเด็นนี้

แต่สิ่งที่นักวิชาการของนายศิริโชคอ้างเป็นการตั้งสมมติฐานที่ผิดตั้งแต่แรกและผิดตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านเส้นที่นายศิริโชคพูดถึงและยอมรับคือเส้น 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเป็นเส้นที่ทีมงานเราพยายามจะทำลายมาตลอด และศาลได้ระบุไว้ใน ตามวรรค 99 แล้วว่า เส้น 1 : 200,000 ใช้ไม่ได้เพราะกัมพูชาขีดขึ้นตามอำเภอใจมาฝ่ายเดียว

“แต่สิ่งที่นายศิริโชคทำคือการอ้างเส้น 1 : 200,000 ของกัมพูชาให้เป็นไปได้ และจะทำให้งานจะยากขึ้นจากการกระทำของนายศิริโชค ในฐานะหัวหน้าทีมต่อสู้ ผมขอสงวนสิทธิไว้ตรงนี้แทนประชาชนไทย และประเทศไทย ว่า ไม่ใช่การยอมรับของประเทศไทย เป็นเพียง 1 คนในรัฐสภานี้เท่านั้นที่พูด เพราะคนที่จะทำให้มีผลผูกพันธ์ได้ คือนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศเท่านั้น จึงขอให้ที่ประชุมแห่งนี้บันทึกไว้ว่าจะไม่ผูกพันประเทศไทย และแม้จะไม่ถูกพันธ์ แต่ท่านได้ทำให้การเจรจาของไทยในอนาคตนั้นยากขึ้นแน่นอน และเป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง” นายวีรชัยกล่าว

ด้านศิริโชคใช้สิทธิ์พาดพิงลุกขึ้นกล่าวว่า รู้สึกแปลกใจมากที่นายวีรชัยมีปฏิกิริยารุนแรงอย่างนั้น สิ่งที่ตนบอกนั้น คือเส้นแผนที่นี่โยกไปโยกมาได้ สิ่งที่เราต้องทำคือไปทำให้มันนิ่ง ตนไม่ได้บอกว่าสิ่งที่อยู่บนแผนที่เป็นของกัมพูชา 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาเส้นนั้นไว้ตรงไหน จึงอยากเรียนทูตวีรชัยว่า เขาก็ตั้งใจทำงานเพื่อชาติไม่แพ้ท่าน ภาพแผนที่ที่ท่านเอามา ไม่ใช่เส้นที่จะทำลายชาติได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net