Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ปัจจุบันรัฐบาลซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีวรชัย เหมะ (แกนนำ นปช.และส.ส.เพื่อไทย) เป็นผู้นำเสนอ โดยในชั้นแรกมีเป้าหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องหาทางการเมืองทุกเสื้อสี ยกเว้นแกนนำการชุมนุมและผู้สั่งสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

แต่เมื่อเวลาผ่านไปสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.นี้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงจนมีผลเป็นการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย ยังผลให้เกิดความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวางแม้แต่ในกลุ่มคนเสื้อแดง

พรรคเพื่อไทยอ้างว่า หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 3  แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็อ้างเช่นเดียวกันว่า หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 309 จนทำให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้อาจต้องเดินทางมาถึง “ทางตัน” ซึ่งไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใดเลย

ด้วยเหตุนี้ ผมในฐานะผู้ต้องหาทางการเมือง มาตรา 112 ที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยไม่ได้รับการประกันตัว จึงอยากเสนอความเห็นเพื่อแก้ไขสาระสำคัญ มาตรา 3 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ดังนี้

“มาตรา 3  พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ครอบคลุมเฉพาะบรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 ส.ค.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ โดยการกระทำนั้นผิดกฎหมาย

การกระทำตามวรรคหนึ่ง หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง แต่หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุกเกิน 2 ปี ให้ลดโทษเหลือ 2 ปี

(อธิบาย:  วรรคนี้จะมีผลให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกเสื้อสีที่คดีถึงที่สุดไม่เกิน 2 ปี ได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด ส่วนผู้ต้องหาทางการเมืองทุกเสื้อสีที่คดีถึงที่สุดเกิน 2 ปี จะได้รับการลดโทษเหลือเพียง 2 ปี ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ถูกคุมขังมาเกินกว่า 2 ปีแล้วจึงได้รับการปล่อยตัวทันที รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษก ก็ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย)

การกระทำตามวรรคหนึ่ง หากศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ผู้กระทำได้รับการประกันตัวในทุกชั้นศาล ไม่ว่าจะถูกฟ้องกี่กรรมหรือกี่คดีก็ตาม

(อธิบาย: วรรคนี้จะมีผลให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกเสื้อสีที่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยเฉพาะผู้ต้องหามาตรา 112 ได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ นปช. สามารถต่อสู้คดีได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี)

ผู้ต้องหาตามวรรคสาม หากต่อมาศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุก ให้ปรับใช้วรรคสองของมาตรานี้โดยอนุโลม”

(อธิบาย: วรรคนี้จะมีผลให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกเสื้อสีที่ได้รับการประกันตัวและต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยหากถูกพิพากษาจำคุกได้รับการนิรโทษกรรมหรือลดโทษเช่นเดียวกับผู้ต้องหาทางการเมืองที่คดีถึงที่สุดก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาเหล่านี้ส่วนใหญ่เคยถูกคุมขังเกินกว่า 2 ปี จึงไม่ต้องถูกดำเนินคดีหรือจำคุกอีก)

เหตุผลที่ผมนำเสนอร่างเช่นนี้ เพราะหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่เข้าสู่รัฐสภาเป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ซึ่งมีผลให้ผู้ต้องขังทางการเมืองเสื้อเหลืองได้รับประโยชน์มากกว่า โดยเฉพาะผู้สั่งการสลายการชุมนุม ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากนำเสนอการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ต้องหาทางการเมืองที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาทางการเมืองที่คดียังไม่ถึงที่สุดจะได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ หากแม้ในเวลาต่อมาคดีของพวกเขา ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก พวกเขาก็จะได้รับการนิรโทษกรรมหรือลดโทษเหลือ 2 ปี ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ถูกคุมขังเกินกว่า 2 ปี จึงไม่ต้องถูกคุมขังอีก ส่วนผู้ต้องหาทางการเมืองที่ยังไม่เคยถูกคุมขังหรือถูกคุมขังต่ำกว่า 2 ปี ก็จะถูกคุมขังเพียง 2 ปี เท่านั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net