สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: เบื่อระอาม็อบเหลวไหล

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้ชื่อกันว่า กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) นำโดยบุคคล เช่น นายไทกร พลสุวรรณ  พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ เป็นต้น ได้เคลื่อนจากสวนลุมพินี มายึดพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ถนนพิษณุโลก แล้วประกาศค้างคืน เพื่อรอรับวันที่ 8 ตุลาคม ที่มีคำทำนายของพวกโหรการเมืองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ โดย พล.ร.อ.ชัยแถลงว่า กลุ่มของพวกเขาคัดค้านการที่นายกรัฐมนตรีจะยื่นทูลเกล้าฯร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ยกเลิกวุฒิสมาชิกสรรหา เพราะถือว่ารัฐบาลมีเจตนาจะละเมิดอำนาจพระมหากษัตริย์ และว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงให้เห็นว่า มีประชาชนไม่เห็นด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า มีประชาชนมาร่วมชุมนุมด้วยน้อยมาก ที่มาร่วมปักหลักเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่กระนั้น ในวันที่ 9 ตุลาคม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ตอบโต้โดยการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงรอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและเขตพระราชฐาน ด้วยเหตุผลคือ หวั่นเกรงจะมีการบุกรุกสถานที่สำคัญ ในโอกาสที่ นาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม หลังจากนั้น รัฐบาลได้ตั้งด่านตำรวจหลายพันคนปิดล้อมบริเวณที่เป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมทั้งหมด รวมทั้งล้อมรอบผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย

บ่ายวันที่ 10 ตุลาคม กลุ่มผู้นำการชุมนุมของ กปท. ตัดสินใจถอนกำลังกลับที่ตั้งที่สวนลุมพินี แต่กลับมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่พอใจ เช่น กลุ่มนักศึกษาอาชีวะพิทักษ์ราชบัลลังก์ กลุ่มกองทัพนิรนาม และองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงแยกตัวมาจัดชุมนุมกันเองโดยปิดถนนที่บริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 ซึ่งเป็นบริเวณนอกเขตที่ประชิดพื้นที่ประกาศควบคุมตาม พรบ.ความมั่นคง ขณะที่  กทม. ได้ส่งรถสุขาเคลื่อนที่ และรถปั่นไฟมาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ชุมนุม แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์ ได้จัดตั้งเป็น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และการชุมนุมก็ยังยืดเยื้อต่อมา

รายงานข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองส่วน ต่างก็พยายามในการเรียกระดมมวลชนฝ่ายขวาครั้งใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม เพื่อจะยกระดับการต่อสู้ให้เข้มข้นมากขึ้น  เพราะในวันนั้น ก็จะมีการเคลื่อนไหวประจำของกลุ่มหน้ากากขาวที่นัดรวมตัวกันหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ในที่สุด กลุ่มหน้ากากขาวก็เดินขบวนมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์ โดยมีคนสำคัญปรากฏตัวเข้าร่วม เช่น สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ จารุณี สุขสวัสดิ์ เช่นเดียวกับเครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) ก็ได้ประกาศสนับสนุนการชุมนุมประชาชนที่อุรุพงษ์ และ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ก็ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที เรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ครองบ้านเมืองอย่างทุจริต และเป็น”เผด็จการรัฐสภา”

แต่ในที่สุด ความพยายามในการยกระดับก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จนถึงวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม สถานการณ์ก็กลับคืนสู่ภาวะกระแสต่ำปกติ แม้ว่า กลุ่ม กปท. และ กลุ่ม คปท. จะยังไม่สลายการชุมนุมก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มฝ่ายขวาเหล่านี้ประสบความล้มเหลว ก็คือ การไม่ได้รับการสนับสนุนจากแทบทุกภาคส่วนในสังคม ประชาขนที่เป็นกลางจำนวนมากเบื่อระอากับการชุมนุมอันเหลวไหลขององค์กรเหล่านี้ เพราะการเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้อคติแห่งความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ แต่ประชาชนส่วนข้างมากในประเทศไทยเขาไม่ได้ร่วมแชร์อคติเช่นนี้ด้วย การเคลื่อนไหวจึงได้เหี่ยวเฉาไปทุกครั้ง

ปัญหาที่ชัดเจนประการหนึ่งของกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายขวาทั้งหมดนี้ก็คือ การที่ไม่สามารถจะหาข้อเรียกร้องที่เป็นที่เห็นพ้องสำหรับทุกภาคส่วนของสังคมได้ หรือแม้กระทั่งการสร้างประเด็นร่วมก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เอกภาพของกลุ่มฝ่ายขวาทั้งหมดก็ไม่มี การเคลื่อนไหวทั้งหมด เป็นตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประธานของกลุ่มเอเอสทีวี ผู้จัดการ ได้กล่าวไว้ในวันที่ 11 ตุลาคมว่า ม็อบมางวดนี้ถึงเสียเที่ยว ยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ผิด ทั้งที่ใจคนที่ไปชุมนุมเกินร้อยแล้ว พร้อมที่จะเสี่ยง ปัญหาคือ ทั้งการชุมนุมทั้งที่อุรุพงษ์และสวนลุมพินี ต่างก็มีประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น “แต่ประชาธิปัตย์ไม่ออกมาเต็มตัว ให้คนออกไปตายแทนจะได้ขึ้นเสวยสุข” คุณสนธิจึงบอกประชาชนฝ่ายเหลืองว่า อย่าไปตายแทนประชาธิปัตย์ ให้รอหน่อยก็ไม่เสียหาย ถ้าสู้แล้วไม่ชนะจะออกไปทำไม

ข้อวิเคราะห์ของนายสนธินับว่า ถูกต้อง เพราะการเคลื่อนไหวที่ดำเนินอยู่นี้ มีลักษณะอับจนในด้านยุทธวิธีที่จะสร้างผลสะเทือน แต่ปัญหาหลักคือเรื่องในทางยุทธศาสตร์ เพราะไม่สามารถเสนออย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ว่า จะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลงได้อย่างไร และถ้าหากล้มได้แล้ว รัฐบาลใหม่หรือคนกลุ่มใหม่ที่จะมาบริหารแทนจะมีวิธีการมาอย่างไร ถ้าจะหวังให้เกิดการล้มรัฐบาลในลักษณะเดียวกับรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อ พ.ศ.2551 ก็คือให้ศาลยุบพรรค แล้วให้พรรคเพื่อไทยแตกโดย มี ส.ส.กลุ่มใหญ่ย้ายข้างมาสนับสนุนประชาธิปัตย์ แล้วตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคขนาดเล็กอื่นๆ ก็ไม่เห็นทางเป็นจริง หรือถ้าหากมีการล้มโดยยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่เห็นทางที่พรรคเพื่อไทยจะแพ้เลือกตั้ง แต่ถ้าจะล้มโดยการสนับสนุนให้กองทัพก่อการรัฐประหาร ก็กลับจะยิ่งทำให้สถานการณ์การต่อต้านอำนาจรัฐลุกลาม บ้านเมืองจะกลายเป็นทุรยุค เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนรัฐประหาร เหลือวิธีเดียวคือล้มด้วยอำนาจศาล แต่ทุกวันนี้ความเชื่อถือในศาลก็เสื่อมลงมาก การล้มโดยศาลก็ไม่ได้ใจประชาชน และไม่ได้เป็นการคลี่คลายปัญหาอะไรเลย

ดังนั้นความพยายามในการก่อม็อบล้มรัฐบาลในวันนี้ จึงเป็นไปเพียงเพื่อสนองความสะใจของพวกเกลียดทักษิณสุดขั้วจำนวนน้อยนิด ไม่สามารถจะตอบได้เลยว่า การเคลื่อนไหวเช่นนี้จะก่อให้เกิดผลดีต่อชาติบ้านเมืองอย่างไร เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาบริหารประเทศตามหลักการและกติกาประชาธิปไตย ความพยายามในการล้มรัฐบาลก่อนวาระจึงต้องล้มกติกาประชาธิปไตยลงไปด้วย การเคลื่อนไหวจึงกลายเป็นความพยายามอันเหลวไหลที่ไม่มีทางบรรลุผล

ถ้าต้องการโค่นระบอบทักษิณและล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหลายกลับไปหาวิธีการใหม่น่าจะเป็นการดีกว่า นั่นคือ การคอยเวลาอีก 2 ปี เพราะนี่เป็นกรอบเวลาที่กำหนดล่วงหน้าแล้วว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะหมดวาระไม่เกินเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2558 และในระหว่าง 2 ปีนี้ก็รวบรวมข้อมูลความผิดพลาดหรือความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล แล้วมานำเสนอต่อประชาชนอย่างเป็นระบบมีเหตุผล ทำสงครามต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้เป็นสงครามแห่งความรู้ พร้อมทั้งนำเสนอทางออกใหม่แก่สังคม รวมทั้งเสนอบุคคลที่เป็นทางเลือกใหม่ที่ภาพลักษณ์ดี ไม่เป็นพวกฆาตกรมือเปื้อนเลือดแล้วโกหกปลิ้นปล้อนรายวัน โอกาสที่ประชาชนจำนวนมากจะหันมาสนับสนุนก็เป็นไปได้ แล้วการเปลี่ยนแปลงประเทศก็จะเป็นไปอย่างสันติวิธีและตามกติกา

สรุปแล้ว ถ้าจะล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แทนที่จะใช้วิธีการม็อบบังคับประชาชน ก็ใช้วิธีเคลื่อนไหวทางความคิดให้คนส่วนใหญ่เขาเห็นด้วย จะไม่ดีกว่าหรือ

 

ที่มา:  โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 434 19 ตุลาคม 2556

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท