Skip to main content
sharethis

(14 ต.ค.56) จากกรณีที่ประชุมบอร์ด กสท มีมติให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT  ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอเพิกถอน ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรคมนาคมในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2556 (ประกาศห้ามซิมดับ)  ที่ออกโดย กสทช.  เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 56

สำนักงาน กสทช.เผยแพร่บทสัมภาษณ์ สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมาย ระบุว่า กสทช. พร้อมและยินดีจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายจากกระบวนการยุติธรรม โดยมั่นใจว่ามีข้อกฎหมายรองรับชัดเจนว่าประกาศนี้ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นมาตรการทางกฎหมาย ที่จำเป็นโดยไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าที่จะสามารถคุ้มครองประโยชน์สาธารณะของประชาชนผู้ใช้บริการกว่า 18 ล้านคน

สุทธิพล กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการอ้างว่าคลื่นความถี่ 1800 MHz  หลังจากสัญญาสัมปทานสิ้นสุดเป็นสิทธิของ CAT เพียงผู้เดียว ก็เป็นเรื่องที่มีข้อกฎหมายชี้ชัดแล้วว่า CAT ไม่มีสิทธิใช้คลื่นความถี่หลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดแล้ว โดยคลื่นความถี่ต้องกลับมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. เพื่อนำไปจัดสรรใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป ข้อเรียกร้องของ CAT จึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และหากมีการไปกระทำการใดๆ เพื่อให้ CAT มีสิทธิใช้คลื่นความถี่โดยปราศจากความชอบธรรมทางกฎหมายแล้ว ก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม หากประกาศนี้ถูกยกเลิกไปเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ของ CAT เพียงรายเดียวก็จะเกิดผลเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งยังจะเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต โดย CAT ไม่สามารถไปยึดโยงโดยอ้างสิทธิตามกฎหมายเก่า ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วและกฎหมายปัจจุบันไม่เปิดช่องให้มีการยื้อสิทธิตามสัญญาสัมปทานอีกต่อไป จำเป็นที่องค์กรที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งปรับแต่งองค์กรเพื่อให้ก้าวทันต่อกฎกติกาที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ กสทช. มีข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และเหตุผลสนับสนุนที่หนักแน่นอย่างชัดเจนว่าข้อกล่าวหาของ CAT ไม่มีน้ำหนัก และไม่มีเหตุผลทางกฎหมายรองรับ โดยหาก CAT ได้พิจารณาข้อกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 อย่างละเอียดรอบคอบและตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเยียวยาผู้ใช้บริการโดยตลอดแล้ว ก็จะทำให้ทราบได้ว่า CAT ไม่อาจอ้างสิทธิใดๆ ทั้งรัฐธรรมนูญ และตามสัญญาสัมปทานต่อไปได้อีก เพราะสิทธิดังกล่าวที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญหมดสิ้นไปแล้ว เมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุด  ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ครั้นจะไปอ้างสิทธิที่เกิดจากการสิ้นสุดของสัญญาสัมปทานก็ฟังไม่ขึ้นเพราะศาลปกครองเคยมีคำพิพากษาที่วางบรรทัดฐานเอาไว้ว่า สิทธิตามสัญญาสัมปทานจะไปขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายในปัจจุบันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุด CAT จึงไม่มีสิทธิในการใช้ประโยชน์จากคลื่น 1800 MHz  อีกต่อไป คลื่นความถี่ดังกล่าวจะต้องกลับมาสู่การกำกับดูแลของ กสทช. เพื่อรอที่จะมีการจัดสรรในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ส่วนที่ CAT อ้างสิทธิในการได้รับโอนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุดเสมือนกับว่าเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสมบัติของ CAT ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะทั้งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 บัญญัติตรงกันว่าเลขหมายโทรคมนาคมอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ไม่ได้เป็นทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้มีหลายฝ่ายเข้าใจผิดและไม่ทราบว่า กติกาในเรื่องนี้ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปแล้ว โดยที่ กสทช.มีอำนาจในการอนุญาตและกำกับดูแลการใช้เลขหมายโทรคมนาคม ซึ่งหากปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขการอนุญาต โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร กสทช.ก็มีอำนาจถอนคืนเลขหมายโทรคมนาคมได้

เมื่อ CAT ไม่มีสิทธิในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ หลังจากสัญญาสัมปทานสิ้นสุดไปแล้ว CAT จึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในการที่ กสทช. ออกประกาศห้ามซิมดับ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนโดยไม่ให้บริการสาธารณะหยุดชะงัก ตรงกันข้าม ผลจากการที่บริการโทรคมนาคมยังคงดำเนินการต่อไป CAT จะยังคงมีรายได้ ที่จะเกิดจากการให้เช่าโครงข่ายที่ผู้รับสัมปทานจะส่งมอบให้หลังสัมปทานสิ้นสุด ซึ่งเมื่อตามประกาศห้ามซิมดับกำหนดให้ CAT เป็นผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการที่ต้องใช้โครงข่ายในการให้บริการคลื่น 1800  MHz จึงต้องจ่ายค่าเช่าโครงข่ายแก่ CAT ตามที่จะตกลงกัน ประกาศห้ามซิมดับนี้จึงไม่ได้ไปทำให้ CAT เสียสิทธิใดๆ แต่กลับไปทำให้ CAT มีรายได้จากการให้เช่าโครงข่าย ตรงกันข้ามหากมีการเพิกถอนประกาศนี้ CAT เองก็จะได้รับความเสียหาย เพราะไม่สามารถให้บริการโดยใช้คลื่นความถี่นี้ได้ แต่ถ้า CAT ไปให้บริการโดยไม่มีประกาศนี้รองรับ ก็จะเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายทันที

นอกจากนี้ข้อกล่าวหาของ CAT ยังขัดแย้งกันเอง โดยอ้างว่าประกาศห้ามซิมดับไม่ชอบและยอมรับว่าสัญญาสัมปทานสิ้นสุด แต่กลับยืนยันว่าจะเป็นผู้ให้บริการแต่ผู้เดียวในระหว่างระยะเวลาคุ้มครองตามประกาศดังกล่าว นอกจากนี้ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ CAT ก็มีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นตลอดกระบวนการ โดยได้ให้ความเห็นว่ายอมรับในอำนาจตามกฎหมายของ กสทช.ในการออกประกาศห้ามซิมดับ แต่ประสงค์จะเป็นผู้ดูแลผู้ใช้บริการและต้องการให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองเป็น 2 ปี ซึ่งแสดงอยู่ในตัวว่า CAT ยอมรับในหลักการและความชอบด้วยกฎหมายของประกาศแล้ว  แต่ไม่พอใจในรายละเอียดของเงื่อนไขจึงต้องการให้มีการปรับปรุงให้ชัดเจนเท่านั้น ซึ่งสามารถตรวจสอบความเห็นเรื่องดังกล่าวของ CAT ได้จากผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะที่ กสทช. ได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กสทช.

พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. แสดงความเห็นว่า การใช้สิทธิในการฟ้องร้องคดีของ CAT ในครั้งนี้น่าจะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพราะเป็นการเรียกร้องสิทธิทั้งๆ ที่ CAT รู้ดีว่าไม่มีสิทธิตามสัญญาสัมปทานที่สิ้นสุดลงแล้ว นอกจากนี้ CAT ยังเข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะของร่างประกาศนี้มาโดยตลอดและหลายประเด็นที่ปรากฎในข่าว CAT ก็ไม่ได้หยิบยกขึ้นในช่วงที่มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ จึงเหมือนมีการเพิ่มเติมประเด็นขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการฟ้องคดี

พันเอก เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาอ้าง กล่าวคือเรื่องการเร่งการโอนย้ายเลขหมายนั้น ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง คือ กสทช. ไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงสิทธิของคู่สัญญาสัมปทานก่อนที่สัญญาสัมปทานยังไม่สิ้นสุด และยึดหลักการที่ว่า การโอนย้ายต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ แม้ว่าจะมีข้อเรียกร้องของนักวิชาการบางคนที่ต้องการให้มีการโอนย้ายแบบเหมาเข่งก็ตาม แต่ กสทช. ก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม ซึ่งตัวแทนของ CAT เองก็รับรู้ในเรื่องนี้มาโดยตลอด
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net