Skip to main content
sharethis


 

15 ก.ย. ที่หน้าศาลอาญา มีการจัดกิจกรรม ‘ปฏิญญาหน้าศาล’ อภิปรายประเด็นทางสังคมเป็นประจำทุกสัปดาห์ สำหรับสัปดาห์นี้มีการจัดบายศรีสู่ขวัญ นายยุทธภูมิ มาตรนอก อดีตผู้ต้องขังคดี 112 ที่ศาลยกฟ้องไปเมื่อเร็วๆ นี้ และมีการอภิปรายในหัวข้อ “7 ปีวิกฤตการเมืองไทย...ไหลจากท้องถนนสู่การปะทะในครอบครัว : กรณีศึกษาพี่ชายฟ้อง 112 น้องชาย” โดยอรพิณ ยิ่งยงพัฒนา จากองค์กรอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน

ยุทธภูมิกล่าวว่า ประเด็นสำคัญของคดีนี้คือ การไม่ได้รับการประกันตัวในการต่อสู้คดี โดยเฉพาะกรณีของเขานั้นไปตรงนัดทุกครั้งตั้งแต่ชั้นสอบสวน แต่เมื่อถึงชั้นพิจารณาคดีศาลกลับสั่งขังไม่ให้ประกันตัว แม้จะยื่นขอไปถึง 7 ครั้ง

“สังคมต้องกลับมามอง เรื่องของผมเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีมูลอะไรเลย ประการสำคัญคือ โดนคดีนี้แล้วไม่ค่อยได้ประกันตัว ผมก็ไม่ได้รับการประกันตัว ผมเตรียมพร้อมจะสู้คดี หมายเรียกตำรวจมากี่ครั้ง นัดกี่ครั้ง ผมไปหมด ชั้นอัยการก็มาตามนัด ไม่เคยบิดพลิ้ว ไม่เคยมาสายด้วยซ้ำ ตอนอัยการส่งฟ้องผมยังหวังจะได้ประกัน เดินหน้าสู้ความจริง แต่ผิดหวัง ผิดหวังตลอด”

“แม้แต่มาสืบพยานวันแรก ศาลหัวหน้าองค์คณะมีความเห็นว่าจะประกันตัวไปเลยไหม วงเงินหกแสนบาท อันนี้ศาลท่านพูด เราก็มีความหวัง อีกสองวันต่อมายื่นประกันก็ได้รับการปฏิเสธ ตั้งแต่ถูกจับนี่ยื่นไปรวมแล้ว 7 ครั้ง”

“ผู้เกี่ยวข้องต้องหันมาดูบ้างแล้วกับกฎหมายนี้ เบื้องต้นที่สุดน่าจะให้มีการประกันตัวไปต่อสู้คดี ผมเป็นคนทำมาหากินธรรมดา ไม่ได้เป็นนักสู้อะไรเลย แต่ทุกอย่างข้างในมันก็เปลี่ยนผมไปแล้ว ออกมาแล้วก็ยากจะเหมือนเดิม แต่ผมก็ต้องบอกว่าผมไม่ใช่เสื้อแดงนะ หลายคนบอกแดงแล้วทำไม แดงแล้วติดคุก แล้วมันก็ติดคุกจริงๆ  ในศาลก็ยังสืบเยอะมากว่าคุณเป็นเสื้อแดงหรือเปล่า ดูทีวีเสื้อแดงตลอดไหม มีผ้าโพกหัวแดงไหม ผมยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรจะสืบทำไมตรงนี้”

 “เรื่องความคิดทางการเมืองที่ต่างกันมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่อง แต่จริงๆ มันไม่ขนาดนั้น ถ้าคุณยับยั้งชั่งใจบ้าง ถ้าฝ่ายการเมืองไม่มาเล่น มาจี้เรื่องนี้มันก็ไม่เป็นเรื่อง ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำคดีแบบนี้ จริงๆ นะ เกิดมาก็มีพระเจ้าแผ่นดินแล้ว มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ขนาดผมเข้ามาเรือนจำยังไม่รู้เลยว่า อาจารย์สมยศ อาจารย์สุรชัยอยู่ ผมมาเดี่ยวๆ เจอพี่หนุ่มากอดคอไป นึกว่าจะโดนตื้บเสียแล้ว แต่ปรากฏว่าเขาดูแลอย่างดี”

“เรื่องฟ้องกลับ คงไม่ ไม่แน่นอน ขอให้มันจบ แต่เมื่อมันมาถึงขนาดนี้มันคงยากที่กลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน ผมไม่แค้น ไม่โกรธเขา (พี่ชาย) แต่มันไม่ไหว ต่างฝ่ายต่างอยู่ดีกว่า” ยุทธภูมิกล่าว

 


อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ และศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ  กล่าวถึงคดีของยุทธภูมิรวมถึงภาพรวมการดำเนินคดีในมาตรา 112 หลังจากทางองค์กรเข้าสังเกตการณ์การพิจารณาหลายคดีว่า คดียุทธภูมิ เป็นตัวแทนที่ทำให้เห็นปัญหามาตรา 112 ได้ทุกข้อ ปัญหาหลักคือ อุดมการณ์มาตรา 112ที่สะท้อนว่าอุดมการณ์นี้ มันกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ชั้นตำรวจที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดี และยังควรเป็นคดีที่ผ่านคณะกรรมการพิเศษที่กลั่นกรองคดีหมิ่นฯ แต่ก็ปรากฏว่า คดีนี้หลักฐานอ่อนมาก มีเพียงประจักษ์พยานคนเดียวคือพี่ชาย และตอนตำรวจสั่งฟ้องยังไม่มีรายงานการตรวจพิสูจน์หลักฐานใดๆ ด้วยซ้ำ แต่ตำรวจก็ยังสั่งฟ้อง ซึ่งน่าจะเพราะเห็นว่าเป็นคดีหมิ่นเบื้องสูงจึ่งไม่กล้าไม่สั่งฟ้อง

อรพิณกล่าวต่อว่า ปัญหาความเป็นคดี 112  ยังลามไปถึงชั้นอัยการ ที่ก็สั่งฟ้องต่อไป แต่ปัญหาที่หนักที่สุดคือการไม่ให้ประกันตัว และน่าสนใจว่า คดีนี้เมื่อสืบพยานโจทก์จบแล้ว ศาลซึ่งฟังการสืบพยานมา ได้แนะนำให้ทนายยื่นประกัน แต่สุดท้าย ศาลเวรก็ยังทำตามคติเดิมคือไม่ให้ประกัน

“ข้ออ่อนเหล่านี้เลยเป็นช่องโหว่ของกดหมายที่ทำให้คนแกล้งกันด้วยการฟ้องคดีได้”อรพิณกล่าว

“ปัญหาหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากคดีที่ผ่านๆ มาคือ คดีที่ชนะ ต้องสู้ว่าไม่ใช่คนทำเท่านั้นแต่คดีที่สู้เรื่องเนื้อหาและสู้เรื่องเจตนา แพ้หมด” อรพิณกล่าว

อรพิณกล่าวด้วยว่า กรณี คดียุทธภูมิ มันจึงเหมือนว่า เราค้นหาความบริสุทธิ์จากสิ่งที่ไม่เป็นประเด็น เพราะความจริงแล้ว แก่นของเรื่องน่าจะอยู่ที่ว่า คำสบถและคำหยาบนั้น มีผลให้กระทบต่อความมั่นคงจริงหรือ หากจริง แสดงว่าความมั่นคงของประเทศนั้นเองที่มีปัญหา นอกจากนี้ยังไม่เคยมีคำพิพากษาคดีไหนในวิกฤตการเมืองช่วงหลัง กล้าพิพากษาที่ตัวเนื้อหาอันเป็นประเด็นของเรื่อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net