มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยกำเนิดภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในฐานะโรงเรียนผลิตข้าราชการ ด้วยเหตุนี้เครื่องแบบนักศึกษาจึงเป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศเช่นเดียวกับเครื่องแบบข้าราชการแม้ในภายหลังรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยได้จัดตั้งสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาอีกมากมายเพื่อให้การศึกษาแก่มวลชน เครื่องแบบในสถาบันอุดมศึกษาไทยยังดำรงอยู่ด้วยเหตุผลต่างๆนานา อาทิ เพื่อให้นักศึกษามีวินัย เพื่อความสุภาพเรียบร้อย เพื่อลดช่องว่างทางฐานะการเงินในหมู่นักศึกษา เพื่อแสดงเกียรติภูมิของสถาบัน
เครื่องแบบทำให้มีวินัยจริงหรือ?
ถ้าเครื่องแบบสร้างวินัยได้ ตำรวจไทยก็จะไม่รีดไถประชาชน ทหารไทยก็จะไม่ทำรัฐประหาร และพระไทยก็จะไม่มีเรื่องอื้อฉาว ที่จริงแล้วชนชาติที่มีวินัยไม่ได้สร้างวินัยด้วยเครื่องแบบ ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น เด็กอนุบาลและเด็กประถมในโรงเรียนรัฐบาลที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องแบบ แต่เด็กญี่ปุ่นมีวินัยเพราะผู้ใหญ่มีวินัยและสอนเด็กด้วยการทำเป็นตัวอย่างให้ดูโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่นมีเครื่องแบบซึ่งเลียนแบบชุดทหารเรือในชาติตะวันตกเพื่อสร้างบรรยากาศ”สากล”ให้ทัดเทียมประเทศตะวันตก ส่วนในระดับอุดมศึกษามหาวิทยาลัยญี่ปุ่นไม่มีเครื่องแบบ คนญี่ปุ่นสอนวินัยอย่างไรโดยไม่ต้องใช้เครื่องแบบก็ต้องว่ากันยาวย้อนหลังไปถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติ ไปถึงวินัยในกองทัพและวินัยในรั้วในวัง
เครื่องแบบทำให้สุภาพเรียบร้อยจริงหรือ?
ถ้าเครื่องแบบทำให้สุภาพเรียบร้อยจริง นักศึกษาจากสถาบันต่างๆจะไม่ยกพวกตีกัน ในเครื่องแบบ ที่สหรัฐฯไม่เคยมีข่าวว่านักศึกษาวิทยาลัยไหนมหาวิทยาลัยไหนยกพวกตีกัน ที่เป็นข่าวคือแฟนกีฬาตีกันตะลุมบอนกันข้างสนามกีฬา เช่น แฟนบาสเกตบอล แฟนฮ็อกกี้ ฯลฯ ไม่ก็เป็นสมาชิกแก็งค์ค้ายาเสพติดต่างแก็งค์แทงกันยิงกัน ไม่ใช่นักศึกษาต่างสถาบัน นักศึกษาในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยอเมริกันจำนวนมากต้องทำงานไปเรียนไป ไม่มีเวลาไปยกพวกตีกัน คนอเมริกันถือว่าเมื่อลูกอายุ 18 จบมัธยมแล้วเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว (จึงมีสิทธิเลือกตั้งได้) ไม่ออกค่าเรียนมหาวิทยาลัยและค่ากินอยู่ให้หมดทุกอย่าง ลูกต้องทำงานช่วยตัวเองด้วย (บ้างก็กู้เงินเรียนเองด้วย) ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องความเรียบร้อยด้านความยาวสั้นของกระโปรง ปัจจุบันนักศึกษาหญิงจำนวนมากก็ใส่กระโปรงสั้นมากและเสื้อสีขาวแนบเนื้อซึ่งเปิดเผยรูปร่างเหมือนชุดรัดรูป ไม่ว่าจะกำหนดให้มีเครื่องแบบหรือไม่นักศึกษาที่อยากใส่ชุดรัดรูปก็จะใส่อยู่ดี ที่สำคัญเราควรยอมรับว่าการใส่ชุดรัดรูปไม่ผิดกฎหมายใดๆนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 18 แล้วมีสิทธิ์เลือกตั้งได้ แล้วทำไมเลือกเสื้อผ้าเองไม่ได้? การเลือกเสื้อผ้ายากกว่าการเลือกตั้งงั้นหรือ?
การเปิดเผยรูปร่างไม่ได้ทำให้ความก้าวหน้าทางวิชาการด้อยลง ในสหรัฐฯเวลาอากาศร้อนนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างสถาบันเอ็มไอที ฮาร์วาร์ด สแตนฟอร์ด ยูซีเบิร์กเลย์ ฯลฯ ใส่ชุดบิกินีนอนอาบแดดกันที่สนามหญ้าเป็นเรื่องสามัญ นักศึกษาชายก็ใส่กางเกงว่ายน้ำอาบแดดด้วย บ้างก็กระโดดลงสระน้ำลงน้ำพุในมหาวิทยาลัย วันรับปริญญาก็ใส่บิกินีใส่ชุดว่ายน้ำกันในชุดครุยให้ครึกครื้นให้เป็นความทรงจำในวัยเรียนมหาวิทยาลัยคือโลกจำลอง การปล่อยให้นักศึกษาแสดงอัตลักษณ์โดยไม่ตีกรอบให้อยู่ในเครื่องแบบเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาคิดนอกกรอบและมีความคิดสร้างสรรค์ การอาบแดดในมหาวิทยาลัยอเมริกันมีมานานเกือบ 70 ปีแล้ว ซึ่งเห็นได้จากการโต้เถียงกันเรื่องข้อเสนอแนะด้านการอาบแดดที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อปีพศ. 2488
มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นก็ไม่มีเครื่องแบบแต่สาวญี่ปุ่นไม่นิยมอาบแดดเพราะกลัวผิวเสีย การโชว์รูปร่างของนักศึกษาญี่ปุ่นอยู่ในรูปการใส่กระโปรงสั้น ชุดรัดรูปเสื้อแขนกุด เสื้อคอลึก ฯลฯ อย่างไรก็ดี การโชว์รูปร่างของนักศึกษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ทำให้ความก้าวหน้าทางวิชาการของสถาบันศึกษาญี่ปุ่นล่มสลาย
ในทางกลับกัน นักศึกษาไทยแต่งตัวมิดชิดไม่ใส่ชุดบิกินีไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำอาบแดดที่สนามหญ้าในมหาลัย แต่มหาวิทยาลัยไทยก็ไม่เคยก้าวหน้าทางวิชาการแบบมหาวิทยาลัยอเมริกัน มหาวิทยาลัยในทวีปเอเชียที่ติดอันดับโลกอย่างมหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยเกียวโต และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ก็ไม่มีเครื่องแบบ แล้วมหาวิทยาลัยไทยจะอนุรักษ์เครื่องแบบไว้เพื่ออะไร? เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางวิชาการแบบไทยๆหรือ?
เครื่องแบบลดช่องว่างทางฐานะการเงินในหมู่นักศึกษาจริงหรือ?
เพื่อนคนญี่ปุ่นคนหนึ่งไปทำวิจัยที่เมืองไทยแล้วเล่าให้ฟังว่าประหลาดใจกับวัฒนธรรมของนักศึกษาไทย นักศึกษาไทยใส่เครื่องแบบคล้ายเด็กมัธยมญี่ปุ่นน่ารักน่าเอ็นดู แต่สะพายกระเป๋ามียี่ห้อเหมือนสาวออฟฟิศญี่ปุ่นใส่รองเท้าตามแฟชั่น ใส่ทองหยอง และนาฬิกาหรูหรา ฯลฯ เพื่อนบอกว่าบรรยากาศมหาวิทยาลัยไทยทุนนิยมยิ่งกว่ามหาวิทยาลัยอเมริกันเสียอีก เมื่อดิฉันมีโอกาสไปเมืองไทยจึงไปเดินสำรวจมหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงเทพฯ พบว่าเป็นจริงตามที่เพื่อนเล่ามา
ที่สหรัฐฯนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยรีดผ้าดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงไม่มีบรรยากาศหรูหราศักดิ์สิทธิ์ นักศึกษานิยมใส่เสื้อยืดเสื้อยับ อยากใส่อะไรมาเรียนก็ได้แม้แต่ชุดนอน กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม ฯลฯ ดิฉันยังไม่เคยพบนักศึกษาใส่บิกินีมาห้องเรียน อย่างมากเคยเห็นใส่เสื้อสายเดี่ยวและกางเกงขาสั้น แต่ถ้าใครจะใส่บิกินีมานั่งเรียนก็ไม่ผิดกฎหมาย อาจารย์ไม่มีสิทธิไล่นักศึกษาออกจากห้องด้วยเหตุผลที่ว่าเขาใส่บิกินี ถ้าเขาไม่ได้ทำเสียงดังหรือทานอาหารที่ส่งกลิ่นรบกวนนักศึกษาคนอื่นอาจารย์จะบอกให้เขาออกจากห้องเรียนได้ก็ต่อเมื่อเขาผิดกฎหมายอนาจารคือเปลือยท่อนล่าง ส่วนเปลือยท่อนบนนั้นแล้วแต่มลรัฐ บางมลรัฐห้ามหญิงเปลือยท่อนบนบางมลรัฐไม่ห้ามนักศึกษาบางคนเพิ่งคลอดลูกก็สามารถพาทารกที่นอนกลางวันอยู่ในรถเข็นเข้ามาในห้องเรียนด้วยเงื่อนไขที่ว่าทารกร้องไห้งอแงเมื่อไรต้องเข็นออกจากห้องเรียน
ประเด็นสำคัญคือว่าในสถานศึกษาในประเทศประชาธิปไตยการศึกษาคือสิทธิ ตราบใดที่นักศึกษาไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นตามกฎหมายและจ่ายค่าเทอมลงทะเบียนเรียนตามกฎเกณฑ์ อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิห้ามไม่ให้นักศึกษาเข้าห้องเรียนและห้องสอบ ถ้าอาจารย์ละเมิดสิทธินักศึกษาก็สามารถร้องเรียนไปที่คณบดีหรือไปปรึกษาทนายในมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินคดีได้
ไม่มีเครื่องแบบแล้วจะแสดงเกียรติภูมิของสถาบันอย่างไร?
มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯมีสินค้าติดโลโก้มหาลัยไว้ขายนักศึกษาและญาติมิตรทีต้องการบริโภคเกียรติยศผ่านสถาบันการศึกษา อาทิ เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อนอกหมวก รองเท้า กระเป๋า ชุดนอน ชุดชั้นใน สร้อยคอหมาแมว กรอบครอบทะเบียนรถ กระติกน้ำ เคสไอโฟนฯลฯ นักศึกษาและญาติมิตรรวมทั้งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาได้ตามใจชอบ ถ้าไม่สะดวกบินไปซื้อที่ร้านค้าของมหาวิทยาลัยก็สามารถสั่งซื้อได้ตามเว็บไซต์คลั่งมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ เว็บไซต์คลั่งสถาบันเอ็มไอที (http://mit.fanatics.com/)เว็บไซต์คลั่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (http://crimson.fanatics.com/) เว็บไซต์คลั่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (http://stanford.fanatics.com/) ฯลฯ
สินค้าเหล่านี้ขายทุกคนที่อยากซื้อ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเป็นนักศึกษา หรือผู้ปกครอง เพราะยิ่งมีคนบริโภคมากมหาวิทยาลัยก็ยิ่งมีรายได้มากจากการขายลิขสิทธิ์โลโก้ให้กับผู้ผลิตสินค้าต่างๆ และเพราะสินค้าเหล่านี้ไม่ใช่ตัววัดเกียรติภูมิที่แท้จริง เกียรติภูมิของสถาบันการศึกษาไม่ได้อยู่ที่สินค้าติดโลโก้หรืออยู่ที่นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบันแต่ขึ้นอยู่กับอดีตนักศึกษาที่ประสบความสำเร็จและผลงานวิจัยของคณาจารย์
บทสรุป
ก่อนปฎิรูปสถาบันอุดมศึกษาไทยด้วยนโยบายอันสวยหรูและใช้งบประมาณพันล้านหมื่นล้าน รัฐบาลไทยควรประกาศยกเลิกเครื่องแบบในระดับอุดมศึกษาการยกเลิกเครื่องแบบไม่ต้องใช้งบประมาณแม้แต่สลึงเดียว แต่จะมีผลกระทบต่อกรอบความคิดของนักศึกษาในเชิงบวกอย่างลึกซึ้ง ถ้าการสร้างอัตลักษณ์ของนักศึกษายังโดนจำกัดอยู่ในกรอบเครื่องแบบ เราจะหวังให้นักศึกษาคิดนอกกรอบได้อย่างไร?
การสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการส่งออกสินค้าวัฒนธรรมต้องอาศัยการสร้างนวัตกรรม ประเทศที่ส่งออกสินค้าวัฒนธรรมเป็นกอบเป็นกำจนสินค้าวัฒนธรรมเป็นฐานสร้างงานที่สำคัญคือประเทศที่ขายสินค้าเทคโนโลยีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหรัฐฯ ฯลฯ ถ้าฝรั่งเศสไม่ส่งออกเครื่องบินแอร์บัสแข่งกับเครื่องบินโบว์อิ้งจากสหรัฐฯ สินค้าวัฒนธรรมฝรั่งเศสก็จะไม่ดูดีมีระดับราคาแพงถ้าเกาหลีใต้ไม่ขายมือถือซัมซุงแข่งกะแอปเปิ้ลกะโนเกียขายทีวีซัมซุงแข่งกะโซนี่ขายรถยนต์ฮุนไดแข่งกับรถยนต์โตโยต้าละครเกาหลีใต้ก็จะไม่ตีตลาดไปทั่วโลก สินค้าวัฒนธรรมอเมริกันอย่างภาพยนตร์และดนตรีก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดโลกสูงอยู่ถ้าไทยไม่ส่งออกเทคโนโลยีของตนเลย สินค้าวัฒนธรรมก็จะตีตลาดได้ในฐานะสินค้าแปลก (exotic) เท่านั้นและจะไม่สามารถสร้างงานได้มากมายเท่าไรนัก การส่งออกบริการรักษาพยาบาลมีโอกาสสร้างงานได้เป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้มากกว่าสินค้าวัฒนธรรม แต่อย่าลืมว่าไทยผลิตอุปกรณ์การแพทย์เองไม่ได้ ยารักษาโรคที่ผลิตในประเทศก็ไม่ใช่ยาที่ตีตลาดโลกเป็นเพียงยาที่บริโภคภายในประเทศเท่านั้น
ตราบใดที่สถาบันอุดมศึกษาไทยไม่ปล่อยให้นักศึกษาคิดนอกกรอบ ควบคุมนักศึกษาด้วยกฎเกณฑ์ที่แปลกแยกจากกฎหมายของประเทศ ก็ยากที่จะสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ซื้อไม่ได้ด้วยเงินงบประมาณ แต่สร้างได้ด้วยการเลิกตีกรอบความคิด