Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

<--break->

ฉันเจอวลีที่บอกว่า “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ครั้งแรกในห้อง “โต๊ะเครื่องแป้ง” ในเวปพันทิป และต้องยอมรับว่า เวปพันทิปเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารทุกอย่างในโลกนี้โดยเฉพาะโลกแห่งความเป็นไทย ที่สนุกกว่านั้นคือ “ความเป็นไทย” ในพันทิป เป็นความเป็นไทยที่เจอการปะทะสังสรรค์ที่มีชีวิตชีวาที่สุด เพราะเราจะพบทั้งกลุ่มคนที่สมาทานความเป็นไทยในแบบฉบับ[1] กลุ่มคนที่มีความเสรีนิยม กลุ่มคนที่พยายามหาทางออกให้สังคมด้วยเหตุผลและวิทยาศาสตร์  แต่ที่สร้างเสน่ห์ที่สุดให้กับพันทิปคือพื้นที่แห่งความนิรนามอันก่อให้เกิดคำถามหรือกระทู้ที่ทำให้คนอ่านอย่างเราคาดไม่ถึงคิดไม่ได้เช่น “การกลืนอสุจิของแฟนเท่ากับการกินลูกของตัวเองหรือไม่”

เพราะฉะนั้น สำหรับฉันเวปพันทิปคือความบันเทิง ไม่นับห้องก้นครัวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของการทำอาหาร

แต่ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทู้ที่โด่งดังมากเกี่ยวกับเรื่องสวยๆงามๆในพันทิป คือการเปิดโปงขบวนการขายครีมหน้าขาวหน้าเด้งหน้าใส ที่ใช้เหล่าพริตตี้ซึ่งเรียกันว่าเน็ตไอดอลมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ – ในหน้า feed เฟซบุ๊กของฉันก็มีขึ้นมาทุกวัน –  การขายไม่มีอะไรซับซ้อน น้องเน็ตไอดอลโชว์หนังหน้าตัวเองก่อนใช้ครีมว่าเป็นสาวหน้าเหียกหน้ากร้านมาก่อน หลังจากเริ่มดูแลตัวเอง ดัดฟัน ขัดผิว จนกระทั่งมาใช้ครีมหน้าขาว สูตรซากุระ สะตอเบอรรี่ บลูเบอรี่ ฯลฯ เหล่านี้ จากสาวหน้าเหียก เอวหนา ก็กลายมาเป็นพริตตี้สาว หน้าเรียวยาว ผมสลวย จมูกโด่ง ผิวใสวิ้งๆ นมตู้ม ผลแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้อดีตสาวหน้าเหียกอย่างเธอ กลายเป็นพริตตี้เงินล้าน มีแฟนๆตามใน ig หลายแสนคน

แต่แล้วก็มีผู้กล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมแก่พริตตี้ผู้ขายครีมว่า ซื้อไปใช้แล้วแพ้อย่างรุนแรง วิวาทะนี้นำไปสู่การที่ผู้ใช้นำครีมที่ซื้อส่งไปตรวจสอบหาส่วนผสมจนพบว่ามีสารเคมีอะไรต่อมิอะไรที่มิพึงใช้กับหนังหน้าของมนุษย์ ทั้งสารเคมีกัดหน้า ฟอกผิว สารปรอท – ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผู้ใช้หน้าขาวในเจ็ดวันก่อนจะหน้าไปดำไปอีกเจ็ดสิบปีหากอายุยืนพอ

เมื่อมีผู้กล้าคนแรก ก็มีผู้กล้าคนต่อไป มีอดีตผู้อยู่ในวงการ “ค้าครีมหน้าขาว” ออกเปิดโปงห่วงโซ่ธุรกิจ โรงงานกวนครีม และส่วนผสมสำคัญอย่างวิกซอลล์ จนกระทั่งมีคนรวบรวมผลิตภัณฑ์ในแนวนี้มาให้เราดูในกระทู้เดียว http://pantip.com/topic/30909347

พอเข้าไปอ่าน – อุแม่เจ้า –  ไม่แต่ครีมหน้าขาว มีครีมหน้าเงา มีครีมหน้ากระจก มียาเม็ดลดน่อง แต่นมไม่ลด ยาลดหน้าท้อง ยาลดต้นแขน ลดกันได้ทีละส่วน มีเจลลี่กลูต้าฯ มีน้ำตื่มกลูต้าฯ มีครีมลอกผิวออกเป็นแผ่นๆ มีครีมมะหาดขายเป็นแกลลอน (น้ำป้าเช็งดูดีไปเลย) มีสบู่ที่ใช้แล้วขาวจั๊วะในเจ็ดวัน (น่าแปลกใจที่ตัวเลขจะต้องเป็นสามวันเจ็ดวัน ดูไสยศาสตร์พิลึก) ที่สำคัญมีคนกล้าซื้อไปใช้อย่างจริงจัง

เมื่ออ่านกระทู้เกี่ยวกับ “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ทั้งหมดนี้แล้ว ฉันได้เห็นภาพของผู้หญิงที่เป็น“เหยื่อ”  ซึ่งสอดคล้องกับทัศนคติที่สังคม หรือที่ใครก็ไม่รู้ล่ะสร้างสังคมแบบนี้ขึ้นมาคือสังคมที่มองมนุษย์ที่มีนมมีจิ๋มมีประจำเดือนว่า คือ มนุษย์ที่พร้อมจะถูกล่อลวง อ่อนแอ เขลา ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

ในที่นี้ผู้หญิงไทยเป็นเหยื่อของ “ค่านิยม” ผอม ขาว นมใหญ่ ผมยาว (วิตามินเร่งผมยาว) น่องเรียว ต้นขาเล็ก จมูกโด่ง (ขายที่หนีบจมูก) ผิวหน้ามันเป็นเงา มีออร่า เปล่งประกาย

ภาพต้นแบบความงามที่ว่านี้มาจาก “ภาพ” ของดาราเกาหลี ซึ่งพริตตี้ไทยไปลอกเลียนแบบมา และโดยมากได้มาด้วยการทำศัลยกรรม (ซึ่งดาราเกาหลีก็คงผ่านมีดหมอมาเหมือนกัน) ลามปามจากพริตตี้มาสู่หญิงสาวตามท้องถนนที่อาศัยคลีนิกเสริมความงาม คลีนิคหมอผิวหนังที่มีทั้งยากินยาฉีด การยิงเลเซอร์ เทคนิคการร้อยไหมให้หน้าเรียว  - เทคโนโลยีเหล่านี้ได้สร้างผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่มีความงามในแบบที่ถูกสถาปนาให้เป็นความงามมาตรฐาน เป็นความน่ารัก เย้ายวน จากนั้นผู้หญิงเหล่านี้ได้พากันถ่ายรูปตัวเองในมุมกล้องมาตรฐานของความงามชุดนี้อีกคือ เห็นเนิมนมเต่งตูม ลอนผมสลวย ตาโต คางแหลม ผิวผ่อง ปากเจ่อ เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย มีการแชร์ การชม การกดไลค์ การเข้าไปคอมเมนท์แสดงความหื่นปรารถนาในผู้หญิงที่ครอบครองความงามชุดนี้ ผลก็คือมันไปกระตุ้นให้ผู้หญิงที่ยังเข้าไม่ถึงความงามชุดนี้ต้อง “พยายาม” ปรับปรุงตัวเองเพื่อไปให้ถึงความงามชุดนั้นให้ได้

ไม่ต้องพูดถึง ภาพดารา นางแบบ พรีเซ็นเตอร์คลีนิคเสริมความงามที่ล้วนตอกย้ำอุดมคติความงามที่ไร้รอยยับ ไร้รูขุมขน ไร้ขน ไร้ไขมัน แต่ช้าก่อน พวกเราทุกคนรู้เรื่องการรีทัช พวกเราทุกคนรู้เรื่องโฟโต้ช้อป พวกเราทุกคนรู้เรื่องมุมกล้อง การจัดแสง แต่เราทุกคนก็ยังพากันเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องสำอางเพื่อซื้อสารพัดยาและโลชั่นที่ทำให้จั๊กแร้ ขาหนีบ ของเราตึงเปรี๊ยะไร้รอยยับ เหมือนจั๊กแร้ของนายแบบนางแบบทั้งหลาย รูปภาพที่ผ่านการรีทัชทั้งหมดในโลกนี้ ทำให้มนุษย์ตัวเป็นๆอย่างเราเห็นความ “ปกติ” ในร่างกายของตนเองในฐานะที่เป็นสิ่ง “ไม่ปกติ” เช่น ต้นขา สะโพกของมนุษย์ทุกคนย่อมมีเซลลูไลท์ (เว้นแต่คุณจะออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงที่สุดในโลก)  เป็นเรื่องปกติ จั๊กแร้ต้องยับ ง่ามขาย่อมกระดำกระด่าง ก้นก็พึงลายไปตามอายุขัย ร่องแก้ม ตีนกา ฯลฯ นี่คือส่วนหนึ่งของการมีชีวิต เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นมัมมี่จะได้แช่แข็งความเปลี่ยนแปลงไว้ตลอดกาล และเราก็ไม่ใช่ผีจูออนที่จะขาวเผือด ผิวไม่มีรูขุมขน

ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่ได้แปลว่า ฉันเป็นคนรู้แจ้งเห้นจริง รู้เท่าทันทุกสิ่งของการตบตาหลอกลวงให้ผู้หญิงอยากสวย เป็นหญิงวิเศษไม่ตกเป็นเหยื่อของอะไรเลย  เปล่า, ฉันอาจจะไม่อยากขาว แต่ก็อยากมีผิวเปล่งปลั่ง นวลเนียน  รู้ว่าผิวคนเราต้องมีรูขุมขน แต่ก็ยังมีรูขุมขนที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ รู้ว่าคนเราต้องมีตีนกาแต่ก็ยังชลอไว้ให้เกิดช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ฉันยอมรับว่าใช้เครื่องประทินผิว สกินแคร์ทุกสิ่งอย่างเท่าที่เชื่อว่ามันจะทำให้ฉันมีสุขภาพผิวที่ “ดี” ใช้ครีมกันแดดเต็มพิกัดเพราะไม่อยากเป็นฝ้า ฉีดโบท็อกซ์ไปหลายเข็มแล้ว เพราะอยากให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ไม่นับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้หน้าเต่งขึ้น เพราะหากหน้าเต่งขึ้น รูขุมขนก็ดูตื้นลง เพราะหน้าฟู ลงทุนลงแรงฝึกโยคะทุกวัน ก็เพราะอยากสร้างกล้ามเนื้อ ลดเซลลูไลท์ ปรับกระดูกสันหลังให้ตรง ยาว ดัดขาให้โก่งน้อยลง ลดเหนียงใต้คาง กระชับหน้าอกไม่ให้ยานลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเร็วเกินไป

แต่เส้นแบ่งที่ทำให้เราตกเป็น “เหยื่อ” ค่านิยมว่าด้วยความงามที่ทำงานอยู่ในสังคม  – ฉันพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ฉันก็คือเหยื่อคนหนึ่ง  - แต่ในฐานะ “เหยื่อ” ของค่านิยม ของอุดมการณ์ เราจะอธิบายเหยื่อที่ยอมกินยาเม็ดเพื่อลดน่องแทนการไปออกกำลังกายได้อย่างไร? หรือ เราจะอธิบายเหยื่อที่ยอมใช้ยาลอกผิวออกเป็นแผ่นๆ ชนิดที่เห็นปุ๊บ ไม่ต้องมีความรู้ ไม่ต้องเฉลียวเฉลาดมาก เราก็ต้องดูออกว่า เฮ้ยที่มันหลอกลวงเห็นๆ และมันต้องเป็นอันตรายต่อร่างกายและอาจเป็นภัยจนถึงแก่ชีวิตแน่นอน

คำอธิบายที่ง่ายที่สุดเท่าที่นึกออกในเวลานี้คือ สังคมเราต้องการ “ข้อมูล” เกี่ยวกับ “ความงาม” มากกว่านี้และหลากหลายกว่านี้ แทนการรีบร้อนประณามเหยื่อเหล่านั้น “โง่ อ่อนแอ อยากสวยตามกระแสจนไม่ใช้สมอง” เพราะถึงที่สุดเราคงต้องยอมรับกันก่อนว่า ในโลกทุนนิยมใบนี้ไม่มีใครหลุดพ้นจากการเป็น “เหยื่อ” กันสักคน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเป็นมากหรือน้อย หรือจะมีพลังทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เหนือกว่าคนอื่นจนสามารถสร้าง “ค่านิยม” ให้คนอื่นลอกเลียนแบบแทน (นี่ไง ชั้นไม่ฉีดโบท็อกซ์ซักเข็มเลย ชั้นรักรอยย่นของชั้น ชั้นคือผู้ที่ฉลาดลึกซึ้งกว่าใคร – ดูชั้นเป็นตัวอย่างนะจ๊ะ)

สำหรับฉันเราไม่มีสิทธิไปชี้หน้าเหยียดคนอื่นว่าโง่จังอยากสวยอยากขาว แต่เราพึงมีสิทธิ์ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับความงาม เวชสำอาง การทำศัลยกรรม ที่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยิ่งตลาดสินค้าความงามแข่งขันกันสูงเท่าไหร่ “ตลาด” เกี่ยวกับข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องถูกผลิตออกมาในปริมาณที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ฉันอยากอ่านหนังสือที่เล่าเบื้องหลังการถ่ายโฆษณารักแร้เนียน และหรือการถ่ายแฟชั่นทั้งหมด (ในฐานะคนแต่งหน้าทำงานหน้าจอทีวี ฉันก็อยากจะบอกว่าเราต้องถมครีมรองพื้นกันเป็นถังๆ เพื่อโบกหน้าเราให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ) อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการดูแลผิวที่อธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ให้คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจง่าย อยากมีนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่อัพเดท รีวิว วิจารณ์สกินแคร์ในท้องตลาด อย่างเป็นวิทยาศาสตร์อ่านสนุก หากเรามีวารสารวรรณกรรมอย่าง “อ่าน” คนอยากสวยอย่างฉันก็อยากเห็นวารสารที่เล่นเรื่องความงามอย่างฮาร์ดคอร์และเป็นวิชาการ วิทยาศาสตร์บวกสังคมวิทยาอย่างมาก – และมันน่าจะสนุก

แทนการเฝ้าดูถูก “เหยื่อ” อยากเห็นอุตสาหกรรมการผลิตข้อมูลและองค์ความรู้ออกมาโยนใส่หน้าทุกคนในสังคมให้มีข้อมูลอยู่กับมือตัวเองมากที่สุด เพื่อที่ว่า ในฐานะเหยื่อเราจะเป็นเหยื่อที่สามารถเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเหมาะสมกับเรามากที่สุดได้

 

 

 


[1] กลุ่มคนที่เชื่อว่าเมืองไทยเราเก่าแก่ดีงามมีสถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจมีพุทธศาสนาค้ำจุนสังคมมีชนบทที่สดสะอาดมียิ้มสยามเป็นที่รักของคนทั้งโลกมีความกตัญญูต่อบุพการีสูงสุดมีครอบครัวอบอุ่นคุณหมาคุณเมียคุณสามีคุณลูกที่เป็นแกนกลางจิตใจ เป็นต้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net