Skip to main content
sharethis

รมว.แรงงานเผยจัดหางานสำหรับคนไทยในอียิปต์แล้ว

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ทันทีที่คนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศอียิปต์ กระทรวงแรงงานได้ไปรับคนไทยทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ผู้ใดไม่มีงานทำก็มีการจัดหางานให้ ขาดเหลือ ตกหล่นอย่างไร ก็ได้นำประกันสังคมไปช่วย และได้ติดต่อกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไว้ด้วย ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ตัวเลขยังไม่ทราบว่ามีผู้ประสงค์ต้องการทำงานเป็นจำนวนเท่าไหร่
 

(มติชนออนไลน์, 20-8-2556)

พนักงาน-ลูกจ้างสวนสัตว์เชียงใหม่นัดรวมตัวทุกอังคารค้านโอนย้าย-เล็งตั้งสหภาพสู้

(20 ส.ค.) กลุ่มพนักงานและลูกจ้างของสวนสัตว์เชียงใหม่ ประมาณ 100 คน รวมตัวกันที่โบราณสถานวัดกู่ดินขาว โดยการรวมตัวดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 นอกจากจะเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนการโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ไป สังกัดภายในสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) แล้ว ยังถือเป็นการดำเนินการครั้งแรกของทางกลุ่ม หลังจากที่มีความเห็นร่วมกันว่าจะทำการรวมตัวในลักษณะเดียวกันนี้ทุกๆ วันอังคาร จนกว่าเรื่องการโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ไปสังกัดภายในสำนักงานพัฒนาพิงคน ครจะมีความชัดเจน
      
การรวมตัวกันในวันนี้ กลุ่มพนักงานและลูกจ้างที่มาร่วมงานได้ร่วมกันนมัสการพระศรีศากยมุนี สัตตบุรีลวบูชา ภายในโบราณสถานวัดกู่ดินขาว และรับประทานอาหารร่วมกัน ขณะเดียวกันยังมีการชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าของการโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ ไปสังกัดภายในสำนักงานพัฒนาพิงคนคร โดยได้มีการชี้แจงถึงรายงานข้อเท็จจริงในการรวมตัวที่วัดกู่ดินขาวของ พนักงานลูกจ้าง ซึ่งนายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ทำบันทึกข้อความส่งถึงผู้อำนวยการองค์การ สวนสัตว์เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
      
ขณะเดียวกันยังมีการชี้แจงข้อมูลกรณีที่ตัวแทนพนักงานและลุกจ้างจาก องค์การสวนสัตว์ฯ ได้จดทะเบียนเป็นสมาชิกของสนมาพันธ์แรนงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา และได้รับการยืนยันการเป็นสมาชิกแล้ว ทำให้หลังจากนี้จะสามารถดำเนินการจัดตั้งสหภาพแรงงานของพนักงานและลูกจ้าง ขององค์การสวนสัตว์ฯขึ้นได้ ซึ่งคดว่าจะมีการเปิดรับสมัครสมาชิกในเร็วๆ นี้
      
นายวิมุติ ชมพานนท์ นักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์ 3 ตัวแทนกลุ่มพนักงานและลูกจ้าง กล่าวว่า กลุ่มพนักงานและลูกจ้างเห็นพ้องกันว่าจะมีการรวมตัวที่โบราณสถานวัดกู่ดิน ขาวในทุกๆ วันอังคาร เพื่อให้เกิดการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันของพนักงานและลูกจ้าง รวมทั้งเพื่อนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีการโอนย้ายสวนสัตว์ เชียงใหม่ไปสังกัดภายในสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เนื่องจากพนักงานและลูกจ้างบางส่วนยังไม่ทราบข้อมูล รวมทั้งยังมีบางส่วนที่ไม่สะดวกในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานอาวุโสที่การติดตามข่าวสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์อาจจะไม่คล่องตัวเหมือนพนักงานรุ่นใหม่ๆ
      
นายวิมุติ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการจัดตั้งสหภาพนั้นคงเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อไป แต่สิ่งที่ถือเป็นข่าวดีก็คือ ขณะนี้สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กำลังอยู่ในระหว่างเสนอร่างพระราช บัญญัติพัฒนารัฐวิสาหกิจแห่งชาติ ซึ่งสาระสำคัญอย่างหนึ่งในร่างดังกล่าว คือ การห้ามไม่ให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นหากร่างดังกล่าวถูกประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ก็จะส่งผลดีมาถึงองค์การ สวนสัตว์ด้วย
      
สำหรับความคืบหน้าของกรณีการโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ไปสังกัดภายใน สำนักงานพัฒนาพิงคนคร นายวิมุติกล่าวว่าหลังจากมีการรวมตัวกันของพนักงานและลูกจ้างเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในวันที่ 15 ส.ค.มีผู้แทนจากกรมคุ้มครองสวัสดิภาพและแรงงานได้เข้ามาสอบถามถึงการรวมตัว ของกลุ่มพนักงานและผลกระทบต่างๆ ที่พนักงานและลูกจ้างมีความเป็นห่วง
      
ส่วนการชี้แจงจากผู้บริหารนั้นจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงหรือให้ ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มพนักงานและลูกจ้างยังคงรอว่าจะมีการชี้แจงหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การโอนย้ายอย่างชัดเจนเมื่อใด เพราะการที่ไม่ทราบข้อมูลใดๆ ทำให้กลุ่มพนักงานและลูกจ้างรู้สึกวิตกกังวลต่ออนาคตของตนเองเป็นอย่างมาก
      
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจุดยืนของกลุ่มพนักงานและลูกจ้าง ภูมิใจในการเป็นพนักงานและลูกจ้างขององค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และไม่เห็นด้วยกับการโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ไปสังกัดภายในสำนักงานพัฒนา พิงคนคร พร้อมทั้งจะติดตามตรวจสอบหากเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของ องค์กร ส่วนการที่มีข่าวว่าอาจจะมีการเลื่อนการพิจารณาหรือยกเลิกแผนการโอนย้ายนั้น ก็ได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่มั่นใจว่าข่าวดังกล่าวจะมีมูลความจริง
      
ทั้งนี้ นายวิมุติ เปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดีที่มีความเคลื่อนไหวจากพนักงานและลูกจ้างจากสวนสัตว์อื่นๆ ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ รวมถึงอุทยานทั้ง 2 แห่งและโครงการคชอาณาจักร ที่ได้ติดต่อมายังกลุ่มพนักงานและลูกจ้างของสวนสัตว์เชียงใหม่เพื่อให้กำลัง ใจและแสดงการสนับสนุนการออกมารวมตัวแสดงพลัง โดยมีการสั่งซื้อเสื้อที่มีข้อความ “I Love CM Zoo” จากเพื่อนๆ ที่อยู่ในสวนสัตว์แห่งอื่นๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีกลุ่มพนักงานของสวนสัตว์ดุสิตได้จัดทำสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า “เรารัก(ษ์) สวนสัตว์เชียงใหม่” ส่งมาให้กลุ่มพนักงานและลูกจ้างของสวนสัตว์เชียงใหม่ด้วย
      
ส่วนการเคลื่อนไหวในขั้นตอนต่อไป นายวิมุติ กล่าวว่า จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยหากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ก็อาจจะมีการยกระดับการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่ใช่ในลักษณะของการก่อม็อบหรือประท้วงอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบใดนั้นคงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง หนึ่ง

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 20-8-2556)

คนงานเลี้ยงไก่ "สหฟาร์ม"บุกขอความเป็นธรรม ผู้ว่าฯลพบุรี เดือดร้อนหนักไม่ได้เงินเดือน 

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 19 สิงหาคม    คนงานเลี้ยงไก่ของ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด เดินทางโดยรถยนต์กระบะทั้งรถส่วนตัวและจ้างเหมาประมาณ 100 คน  รวมตัวกันที่ลานหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี โดย พ.ต.อ.พรชัย ไข่สนอง ผกก.สส.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.ณัชภูม วรรณวิไล ผกก.สภ.เมืองลพบุรี นำกำลังตำรวจและ อส.จังหวัด ประมาณ 30 นายป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้

ชาวบ้านที่เดินทางมารวมตัวกล่าวว่า การเดินทางมารวมตัวกันไม่มีความประสงค์มาก่อความวุ่นวาย แต่เดินทางมารวมตัวกันเพื่อขอความเป็นธรรมจากนายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ให้ช่วยเหลือในเรื่องที่พวกตนไม่ได้รับเงินค่าจ้างทำให้ได้รับความเดือดร้อน อย่างหนัก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคอีสานและเดินทางมาทำงานเป็นคนงานเลี้ยงไก่ของบริษัท สหฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ในเขตตำบลศิลาทิพย์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 มาจนถึงปัจจุบัน  แต่ไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด เป็นเงินคนละ 20,000 กว่าบาทจนถึง 30,000 กว่าบาท แล้วแต่ฐานเงินเดือนของแต่ละคน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก เพราะมีภาระต้องจ่ายหนี้สินต่างๆ รวมถึงภาระที่ต้องรับผิดชอบ  โดยทางบริษัทฯก็ไม่ได้แจ้งว่า จะจ่ายเงินให้เมื่อไหร่
 
 ต่อมา น.ส.สมพิศ พันธุเจริญศรี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลพบุรี เดินทางมาพบและพูดคุยกับลูกจ้างเลี้ยงไก่บริษัท สหฟาร์ม  และโทรศัพท์พูดคุยกับฝ่ายบริหารบริษัท สหฟาร์ม  ซึ่งระบุว่า ทางบริษัทฯจะจ่ายเงินให้คนละ 1,000 บาทก่อน และในวันที่ 26  ส.ค. จะจ่ายให้อีกคนละ 1,000 บาท ซึ่งคนงานได้ต่อรองขอ  2,000 บาทก่อนแล้วจะเดินทางกลับ 

 “พวกเราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจริงๆ จึงรวมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม และทุกคนที่เดินทางมาในวันนี้ก็เป็นคนไทยแท้ 100 % ไม่ใช่แรงงานต่างชาติ และไม่มีความคิดก่อความรุนแรงเหมือนลูกจ้างชาวพม่า และหากวันนี้พวกเราไม่ได้เงินคนละ 2,000 บาท พวกเราจะไม่ยอมกลับ จะขอนอนค้างที่สนามหญ้าแห่งนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีต่อไป จนกว่าจะได้รับความเมตตา”ลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวและว่า หลังบริษัทฯเกิดปัญหาเรื่องการเงินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 เป็นต้นมา ทางฝ่ายบริหารไม่เคยเดินทางมาพูดคุยกับคนงานแต่อย่างใด โดยการจ่ายเงินให้ล่าสุด จ่ายให้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2556 คนละ 2,200 บาท หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย ทำให้ยอดเงินค้างมีจำนวนมากดังกล่าว   อยากทราบว่า  จะจ้างต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่จ้างก็ให้จ่ายเงินเดือนที่ค้างอยู่มา เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นทุนในการหางานใหม่ทำต่อไป


(มติชนออนไลน์, 21-8-2556)

ทีดีอาร์ไอรับกระทบแรงงานแน่ หาก GDP ต่ำ 4%

“ยงยุทธ แฉล้มวงษ์” ผอ.ทีดีอาร์ไอ ระบุกรณีเศรษฐกิจชะลอตัวอาจต้องดูอย่างน้อย 1 ไตรมาสว่าจะกระทบตลาดแรงงานหรือไม่ และต้องดูว่ากระทบธุรกิจส่งออกหรือขายในประเทศ เชื่อนายจ้างส่วนใหญ่ยังรักษาลูกจ้างไว้เพื่อรอดูยอดการสั่งซื้อ ยอมรับหากจีดีพีชะลอต่ำลงมาขยายตัว 4% จะกระทบตลาดแรงงานแน่นอน โดยเฉพาะแรงงานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานจะหางานได้ยากขึ้น

(ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, 21-8-2556)

กพร.เร่งอบรมภาษาอังกฤษแรงงานไทย เน้นพูดกับลูกค้าต่างชาติรู้เรื่อง

(21 ส.ค.) นายวิสา คัญทัพ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม “โครงการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในงานบริการ (English For hospitality )” โดยวิทยากรจากสถาบันสอนภาษา แอนดรูว์ บิ๊กส์ ณ โรงแรมบางกอกชฎา กรุงเทพมหานคร ว่า การเรียนภาษาอังกฤษ ครูผู้สอนต้องสื่อสารโดยใช้เทคนิคต่างๆ ที่เข้าใจง่าย พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ที่ต่างจากการสื่อสารภาษาไทย ที่เริ่มจากการพูดก่อนเขียน แต่ปัจจุบันภาษาอังกฤษเริ่มจากการเขียนก่อนการสอน ดังนั้น ผู้เรียนต้องกล้าที่จะสนทนา เพื่อให้สื่อสาร เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียนได้ แม้จะช้าไปบ้างในการเรียน แต่หากตั้งใจก็ไม่อยากเกินความสามารถ ล่าสุดผลสำรวจในปี 2555 ของธนาคารโลก พบว่าไทยมีอันดับในเรื่องของการสื่อสารภาษาอังกฤษต่ำกว่ากัมพูชา ที่อยู่อันดับที่ 41 ซึ่งไทยอยู่ในอันดับที่ 42 ของโลก
      
ด้านนายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวว่า เยาวชนไทยจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาต่างประเทศ เพื่อรองรับเออีซี ควบคู่กับการพัฒนาทักษะด้านไอที ให้พร้อมที่จะรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี และแข่งขันกับต่างประเทศได้ ทั้งทักษะความสามารถและการสื่อสาร ที่ไม่ด้อยกว่าชาติไหน หากจะพัฒนาจากระดับปฏิบัติการให้เป็นหัวหน้างานก็จะไม่ยากเกินความสามารถ พร้อมแนะนำให้กำลังแรงงานและเยาวชนไทยกล้าที่จะสนทนาภาษาต่างประเทศ เพื่อให้คุ้นชินและเข้าใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้หลักสูตรดังกล่าวยังเปิดอบรมที่ จ.เชียงใหม่ พังงา และ ขอนแก่น หลักสูตรละ 150 คนด้วย
      
“ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ ซึ่งส่วนใหญ่บุคคลที่จะต้องพบปะกับชาวต่างชาติมากที่สุดก็คือ พนักงานบริการในโรงแรม หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยการอบรมนี้จะเป็นเน้นการพูดเป็นหลัก เพื่อให้ผู้เข้าอบรมกล้าที่จะสนทนาภาษาอังกฤษมากกว่าการจำแค่หลักไวยากรณ์ และจะเน้นฝึกในส่วนของการบริการเป็นหลักเพราะต้องติดต่อกับลูกค้าชาวต่าง ชาติ” นายนคร กล่าว
      
ด้าน นายแอนดรูว์ บิ๊กส์ กล่าวว่า คนไทยกลัวที่จะพูด เพราะเกรงว่าพูดไปแล้วจะไม่ถูกตามหลักไวยากรณ์ที่เคยเรียนมา ทั้งที่ความเป็นจริงเมื่อมีการสนทนากับชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติเองก็พยายามที่จะทำความเข้าใจว่าคู่สนทนาพูดว่าอะไร เพราะหลักๆ แล้วการสนทนาต้องการแค่ข้อมูล และความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น อาจจะไม่ต้องพูดคล่องมากเพียงแค่สนทนา และเกิดความเข้าใจระหว่างกันได้ก็ถือว่าดีแล้ว
      
“ถ้าหากอยากที่จะเก่งภาษาอังกฤษ มีกฎอยู่ 3 ข้อคือ 1.ให้ลืมกฎหลักไวยากรณ์ที่เคยรู้มาก่อน เพราะในต่างประเทศไม่จำเป็นต้องเรียนหลักไวยากรณ์ตั้งแต่เด็ก 2.ต้องเข้าใจว่าการพูดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะการพูดผิดเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ 3.พยายามอยู่กับภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ รับฟังและตอบเป็นภาษาอังกฤษ” นายแอนดรูว์ บิ๊กส์ กล่าว

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 21-8-2556)

ประกันสังคม สั่งฟันนายจ้างเบี้ยวเงินสมทบลูกจ้างระวังเจอโทษหนัก

นางสุภาวดี ประชุมพร ประกันสังคมจังหวัดตรัง ออกเตือนนายจ้างที่มีพฤติกรรมทำผิดกฎหมายประกันสังคม กรณีหักเงินสมทบในส่วนของลูกจ้าง หรือ ผู้ประกันตนแล้ว แต่ไม่นำส่งสำนักงานประกันสังคม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายจ้างตามขั้นตอน ด้วยการให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบย้อนหลังตามจำนวนที่ยังไม่นำส่ง และจ่ายเงินเพิ่มในอัตราที่กฎหมายกำหนด

ส่วนส่วนนายจ้างที่ค้างชำระหนี้กองทุนประกันสังคม จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ของเงินสมทบที่ยังไม่นำส่ง หรือส่วนที่ขาดอยู่จนครบ ส่วนนายจ้างที่ค้างชำระหนี้ของกองทุนเงินทดแทน จะต้องจ่ายเพิ่มในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน ของเงินสมทบที่ยังค้างชำระ และหาก

กรณีที่สำนักงานประกันสังคม ได้ติดตามเร่งรัดหนี้ตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว แต่นายจ้างยังเพิกเฉย หรือไม่นำส่งเงินสมทบและเงินเพิ่ม (ค่าปรับ)ที่ค้างชำระ ทางสำนักงานประกันสังคม จะใช้มาตรการในการดำเนินคดีทางอาญากับนายจ้างตามขั้นตอนทันที ด้วยการดำเนินการยึด อายัด และขายทรัพย์สินทอดตลาด

ผลเสียจากกรณีดังกล่าวนอกจากนายจ้างจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง หรือผู้ประกันตนด้วย เพราะไม่สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขการเกิดสิทธิประโยชน์ในแต่ละ กรณีได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังลูกจ้าง หรือผู้ประกันตน หรือผู้ที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว ให้แจ้งข้อมูลเบาะแสมาที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดตรัง โทร.(075) 570-523 ได้ทุกวันเวลาราชการ

(RYT9.COM, 21-8-2556)

หอฯ เชียงใหม่คาดกำลังซื้อตก ทำ ศก.ครึ่งปีหลังชะลอตัว หวั่นแรงงานขาดแคลนกระทบลงทุน

(21 ส.ค.) นายเฉลิมชาติ นครังกุล ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าว CCC Coffee ครั้งที่ 2 ประจำเดือน ส.ค. 2556 ซึ่งเป็นการแถลงข่าวประจำเดือนต่อสื่อมวลชนของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ว่า จากการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของหอการค้า คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง พร้อมทั้งระบุว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะเป็นวิกฤตสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ เศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่
      
โดยนายเฉลิมชาติกล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน พบว่ากำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่เริ่มถดถอยลง เห็นได้จากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่เพิ่มความระมัดระวังมาก ขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการซื้อรถ โดยเฉพาะตามโครงการรถคันแรก และการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีการลงทุนเป็นจำนวนมากในจังหวัดเชียงใหม่ขณะ นี้
      
นายเฉลิมชาติกล่าวต่อว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำหรืออัตราเงินเดือน แต่จากการที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคได้ปรับตัวตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในภาพรวมแล้วรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า ในปีนี้ภาคการเกษตรมีการชะลอตัวลงอันเป็นผลมาจากการที่ราคาสินค้าเกษตรหลาย รายมีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้รายได้ที่เข้าสู่ภาคการเกษตรลดลงซึ่งมีผลต่อเนื่องให้การจับจ่ายจาก ภาคเกษตรกรรมลดจำนวนลงตามไปด้วย
      
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ ของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงชะลอตัวตามกำลังซื้อที่มีแนว โน้มถดถอย
      
อย่างไรก็ตาม ในภาคการท่องเที่ยวซึ่งยังคงมีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง นั้นจะเป็นภาคเศรษฐกิจที่ยังคงมีการเติบโต และจะช่วยพยุงเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังไม่ให้ชะลอตัวลง มากนัก
      
ขณะเดียวกัน นายเฉลิมชาติระบุว่า มีสิ่งที่น่าสังเกตคือ แม้จังหวัดเชียงใหม่จะมีการลงทุนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ภาคการลงทุนมีแนวโน้มที่จะคึกคักต่อไปจนถึงปี 2557 และปี 2558
      
แต่ปรากฏว่าข้อมูลที่ได้รับจากผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจจำนวนมากกลับพบ ว่าขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานที่จะเข้ามาป้อนตลาด ในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งๆ ที่หากพิจารณาจากภาวการณ์จับจ่ายของประชาชนที่ลดลง ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีแรงงานที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงานเพิ่มมากขึ้น แต่ปรากฏว่าแรงงานกลับขาดแคลน และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของนักธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ เริ่มมีการชะลอการลงทุนบ้างแล้ว
      
สำหรับแรงงานที่ขาดแคลนนั้นมีทั้งในส่วนของแรงงานที่มีทักษะฝีมือและแรง งานไร้ทักษะฝีมือ โดยเฉพาะในกลุ่มแรกที่ขาดแคลนอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากการที่นักเรียนนักศึกษาส่วนมากไม่สนใจการศึกษาในสาย อาชีวศึกษา แต่เลือกที่จะศึกษาในระดับอุดมศึกษามากกว่า ทำให้แรงงานในสายอาชีวศึกษาขาดแคลน ขณะเดียวกันยังพบว่าคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะเลือกงานมากขึ้นกว่าเดิม หรือสนใจการทำธุรกิจของตัวเองมากกว่า
      
นายเฉลิมชาติเปิดเผยว่า จากการสำรวจทั้งโดยส่วนตัวและจากคณะของหอการค้า พบว่าแรงงานส่วนหนึ่งไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดเมื่อ กลายเป็นผู้ว่างงาน ทำให้ข้อมูลแรงงานที่ว่างงานไม่มีความชัดเจน ขณะที่ส่วนหนึ่งมีค่านิยมทั้งโดยส่วนตัวหรือครอบครัวว่าอยากเรียนจบปริญญา ตรี จึงไม่สนใจการเรียนสายอาชีวศึกษา
      
อีกทั้งยังเห็นว่างานบางประเภทนั้นหนักเกินไป และอยากทำงานจำพวกงานสำนักงานมากกว่า นอกจากนี้บางส่วนยังเห็นว่าการประกอบธุรกิจของตนเองดีกว่าการเป็นลูกจ้างอีก ด้วย
      
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ใน อนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการหาทางแก้ไขหรือกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหา โดยในส่วนของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประสานกับสถาบันการศึกษาเพื่อ ให้ข้อมูลและแนะแนวทาง เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานมีความสนใจในช่อง ทางอื่นๆ นอกเหนือจากการเรียนในระดับอุดมศึกษา อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงแรงงานเองก็จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของตนเองด้วย
      
ทั้งนี้ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า การขาดแคลนแรงงานนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำแต่อย่าง ใด เพราะขณะนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่การที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นแล้วทำให้มีการ เลิกจ้างแรงงาน แต่เป็นการที่แรงงานขาดแคลนมากกว่า โดยในธุรกิจหลายประเภทนั้นพบว่ามีการจ้างงานในอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างแรงงาน ขั้นต่ำอยู่แล้ว
      
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการจ้างงานในอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แต่ปรากฏว่ากลับหาแรงงานได้ยาก เนื่องจากแรงงานเลือกงานหรือไม่สนใจเนื่องจากต้องการทำงานที่สบายกว่า

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 21-8-2556)

บุรีรัมย์เร่งให้ญาติแรงงานไทยในอียิปต์แจ้งขอรับความช่วยเหลือ

(22 ส.ค.) นายอนันต์ กลั่นขยัน จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ญาติแรงงานไทยมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัด บุรีรัมย์ที่เดินทางไปทำงานยังประเทศอียิปต์ ทั้งถูกต้องตามกฎหมายและลักลอบไปในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ถูกต้อง ได้เข้ามาแจ้งขอรับความช่วยเหลือหรือประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อ หลีกเลี่ยงอันตรายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมประท้วงภายในประเทศ อียิปต์ ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงบานปลายขึ้นเรื่อยๆ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
      
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีแรงงานในระบบที่เดินทางไปทำงานยังประเทศ อียิปต์ ส่วนผู้ที่ลักลอบไปโดยไม่ถูกต้องไม่สามารถตรวจเช็กยอดได้ จึงขอให้ญาติเข้ามาแจ้งรายชื่อต่อทางสำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือกรมการจัดหางานอย่างเร่งด่วน เพื่อจะได้ประสานหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
      
ล่าสุดได้มีญาติของ น.ส.สุภาพร กาวไธสง อายุ 39 ปี ที่มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ จ.บุรีรัมย์ ปัจจุบันทำงานนวดแผนโบราณอยู่ในประเทศอียิปต์ ได้เข้ามาแจ้งกับทางจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ไว้เพียง 1 รายเท่านั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ประสานให้ความช่วยเหลือ หรือนำตัวกลับประเทศไทยทันที ส่วนแรงงานรายอื่นที่ลักลอบไปทำงานในประเทศอียิปต์โดยไม่ถูกต้องยังไม่ได้ เข้ามาแจ้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 22-8-2556)

เตรียมปรับสิทธิผู้ป่วยโรคไตวาย ก่อนเป็นผู้ประกันตน

นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน กรณีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายก่อนการเป็นผู้ประกันตน จากอัตราเดิม 1,000 บาท/ครั้ง เป็นอัตรา 1,500 บาท/ครั้ง และจากสัปดาห์ละ 3,000 บาท เป็นสัปดาห์ละไม่เกิน 4,500 บาท

นอกจากนี้ สปส.ยังเห็นชอบตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เรื่องลดความเหลื่อมล้ำของระบบประกันสุขภาพ โดยได้มีการบูรณาการสิทธิประโยชน์โรคไตภายใต้การดำเนินงานของ 3 กองทุน ในส่วนของผู้ประกันตนที่เคยใช้สิทธิบำบัดทดแทนไตกรณีผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ระยะสุดท้ายกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สปสช.) หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการมาก่อนที่จะเข้าระบบประกันสังคมจะ ได้รับสิทธิต่อเนื่องโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติใหม่ด้วย

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 22-8-2556)

สถานการณ์แรงงานยังทรงตัว-อัตราเลิกจ้างไม่น่าห่วง

กรุงเทพฯ 23 ส.ค. - ปลัดกระทรวงแรงงานยืนยันสถานการณ์แรงงานยังปกติ อัตราการจ้างงานในระบบประกันสังคม ม.33 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.49 อัตราการว่างงานลดลงจากปีก่อน ขณะที่สถานการณ์เลิกจ้างยังไม่น่าห่วง

นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจการแรงงาน ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจการแรงงานว่า ข้อมูลด้านแรงงานเดือนมิถุนายน 2556 พบว่าการจ้างงานอยู่ในภาวะปกติ จากข้อมูลจำนวนลูกจ้างที่มีนายจ้างในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 จำนวน 9,600,371 คน มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 4.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 มีลูกจ้าง 9,187,828 คน มีอัตราการขยายอยู่ที่ร้อยละ 1.92 ทั้งนี้ หากพิจารณาอัตราการเปลี่ยนแปลงของเดือนมิถุนายน 2556 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2556 ในเดือนมิถุนายน 2556 อัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.49 ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2556 อยู่ที่ร้อยละ 4.75 ซึ่งถือว่าอยู่ในสถานการณ์ปกติ

ด้านสถานการณ์การว่างงาน พบว่าในเดือนพฤษภาคม 2556 มีผู้ว่างงานขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน จำนวน 109,433 คน และขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในระบบประกันสังคมจำนวน 104,259 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ผู้ประกันตนขอรับประโยชน์ทดแทนจำนวน 120,265 คน แสดงให้เห็นว่ามีผู้ว่างงานลดลงจากปีก่อน โดยมีอัตราการชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 13.31
 
เมื่อเทียบระหว่างเดือนมิถุนายนกับพฤษภาคม 2556 มีผู้ว่างงานลดลงอยู่ที่ร้อยละ 4.73 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์การว่างงานในเดือนมิถุนายน 2556 ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับสถานการณ์การเลิกจ้างพบว่า มีผู้ถูกเลิกจ้างที่มาขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากกรมการ จัดหางานในเดือนมิถุนายน 2556 มีจำนวน 5,787 คน เดือนพฤษภาคม มีจำนวน 5,015 คน ทั้งนี้ ตามสถานการณ์การเลิกจ้างยังไม่น่าห่วง เนื่องจากมีการชะลอตัวจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 2.01 อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าแนวโน้มการจ้างงานในภาพรวมของตลาดแรงงานใน 12 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.56-พ.ค.57) ยังอยู่ในภาวะปกติ

(สำนักข่าวไทย, 23-8-2556)

มติสภาฯ ผ่านร่างงบกระทรวงแรงงาน

23 ส.ค. 56 - สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ในวาระ 2 วงเงิน 2.52 ล้านล้านบาท ล่าสุดในขณะนี้ ที่ประชุมได้เข้าสู่การอภิปรายในมาตรา 21 งบประมาณในส่วนของ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วงเงิน 2,401 ล้านบาท โดยการอภิปรายยังคงเป็น ส.ส.รัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้าน สลับกันขึ้นอภิปราย ขณะที่ บรรยากาศในการประชุมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการประท้วงมีบ้างประปรายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมมีมติผ่านมาตรา 19 งบประมาณในส่วนของ กระทรวงแรงงาน วงเงิน 30,353 ล้านบาท โดยมีผู้เห็นด้วย 287 เสียง ไม่เห็นด้วย 110 เสียง งดออกเสียง 11 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง รวมทั้ง ที่ประชุมได้ผ่านมาตรา 20 งบประมาณในส่วนของ กระทรวงวัฒนธรรม วงเงิน 6,624 ล้านบาท โดยมีผู้เห็นด้วย 282 เสียง ไม่เห็นด้วย 108 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง และไม่ลงคะแนน 3 เสียง

(ไอเอ็นเอ็น, 23-8-2556)

ทปอ.เสนอตั้งงบตกเบิกพนักงานมหาวิทยาลัย 60,000 คน

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – ทปอ. เสนอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ ตั้งงบประมาณตกเบิกเงินพนักงานมหาวิทยาลัย ค้างนานถึง 21 เดือน กระทบพนักงานฯ กว่า 60,000 คน

ผศ.นพ.เฉลิมชัย  บุญยะลีพรรณ  อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  (มศว)  ในฐานะรองประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย  (ทปอ.)  กล่าวถึงผลการประชุม ทปอ. ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตหาดใหญ่ ว่า ที่ประชุมได้เสนอให้ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ช่วยสนับสนุนและแก้ไขปัญหาอุดมศึกษาในหลายประเด็น โดยเรื่องเร่งด่วน คือ การประสานกับสำนักงบประมาณ ตั้งงบกลางปี 2557 เพื่อจ่ายตกเบิกให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่บรรจุอยู่ก่อน 1 มกราคม 2555 รวม 21 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึง 30 กันยายน 2556 ซึ่งมีพนักงานฯ ได้รับผลกระทบกว่า 60,000 คน  แทนที่สำนักงบประมาณจะจัดสรรให้ในปีงบประมาณ 2558 รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณให้มหาวิทยาลัยทั้ง 27 สถาบัน ร่วมแก้ปัญหาความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการเสริมสร้างทัศนคติทางบวก พัฒนาการศึกษา  และสร้างอาชีพ

ผศ.นพ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาการช่วยเหลือมหาวิทยาลัย 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น อย่าง มศว เองมีความถนัดเรื่องการออกแบบ อาจทำโครงการแฟชั่นมุสลิม สร้างรายได้แก่แม่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนใต้  นอกจากนี้ ประเด็นอื่น ๆ ที่ ทปอ.เสนอต่อ รมช.ศธ. ได้แก่ การสนับสนุนทุนวิจัย ปรับระบบการเทียบโอนการศึกษาระดับอุดมศึกษาภายในอาเซียน การชะลอพิจารณา พ.ร.บ.เกี่ยวข้องกับอุดมศึกษาเพื่อเปิดโอกาสแสดงความคิดเห็นให้กว้างขวาง ขึ้น  รวมถึงการเสนอผลการศึกษาของ  ทปอ. ที่เห็นสมควรให้จัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษาและวิจัย โดยแยกออกจากกระทรวงศึกษาธิการเดิม

(สำนักข่าวไทย, 25-8-2556)

กพร.ฝึกอบรมอาชีพกลุ่มสตรี

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าจากการที่รัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาสตรีโดยการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุน การพัฒนาอาชีพ การสร้างโอกาสในการทำงาน และการสร้างรายได้ และเล็งเห็นว่าในปัจจุบันแรงงานสตรีมีบทบาทที่สำคัญสมควรที่จะได้รับการ พัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ง ขันในตลาดแรงงานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยกองพัฒนาศักยภาพแรงงานและ ผู้ประกอบกิจการซึ่งมีภารกิจในการพัฒนาอาชีพ จึงได้เข้ามาดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือกลุ่มสตรีให้มีความรู้และเกิด ความคิดสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดความรู้ และสร้างเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาด้านศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น การออกแบบหีบห่อและบรรจุภัณฑ์ การทำอาหารญี่ปุ่น การแกะสลักผักและผลไม้ ซึ่งอาชีพเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชนได้

นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมในครั้งนี้มีสมาชิกของกลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเข้าร่วมโครงการ จำนวน 300 คน และมีการแบ่งกลุ่มการฝึกออกเป็น 10 รุ่น ระยะเวลาการฝึกอบรมรุ่นละ 3 วัน ในระหว่างวันที่ 23-28 ส.ค.56 นี้ หากผู้ใดสนใจฝึกอบรมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่ โทร.0-2245-4035

(บ้านเมือง, 26-8-2556)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net