Skip to main content
sharethis

เครือข่ายนักศึกษา-ประชาสังคมใต้ค้านรัฐประหาร-สังหารหมู่ในอียิปต์ ย้ำรัฐบาลไทยต้องทบทวนความสัมพันธ์ไทยกับอียิปต์ พร้อมยืนจดหมายเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านศอ.บต. เผยรัฐให้นักศึกษาที่กลับจากอียิปต์เรียนต่อได้ใน 3 มหาวิทยาลัยในประเทศ

 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2556 เวลา 9.00 น. บริเวณหน้ามัสยิดกลาง จ.ยะลา เครือข่ายนักศึกษา องค์กรมุสลิมและองค์กรภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ 150 คน รวมตัวกันอ่านแถลงการณ์เรื่อง “คัดค้านการรัฐประหารการสังหารหมู่ประชาชนในประเทศอียิปต์” นำโดยนายด้นยาย อับดุลเลาะห์ นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) อ่านแถลงการณ์

นายด้นยาย แถลงว่า จากเหตุการณ์ที่กองทัพอียิปต์ที่นำโดย พล.อ.อับดุลฟัตตาห์ อัล - ซีซี่ ได้ทำการรัฐประหาร และปลด ดร.มูหัมมัด มูร์ซีย์ ประธานาธิบดีอียิปต์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของอียิปต์ ทำให้ประชาชนชาวอียิปต์ที่สนับสนุนพรรคยุติธรรมและเสรีภาพของประธานาธิบดีดร.มูหัมมัด มูร์ซีย์ ไม่พอใจและออกมาชุมนุมเรียกร้องให้กองทัพคืนอำนาจให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่กองทัพกลับใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อน ใช้อาวุธสังหารประชาชนที่มาชุมนุมโดยสันติเพื่อสลายการชุมนุมทั่วประเทศอียิปต์

นายด้นยาย แถลงต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางกระทรวงสาธารณสุขของอียิปต์รายงานว่ามีผู้ที่เสียชีวิต 800 กว่าคน บาดเจ็บ 4,000 กว่าคน แต่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมรายงานว่า มีผู้ที่เสียชีวิต 2,600 คน บาดเจ็บ 10,000 กว่าคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

“เหตุดังกล่าวนับว่าเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมและทำลายทั้งหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมทั้งหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งประชาชนทั่วโลกไม่สามารถยอมรับได้” นายด้นยาย แถลง

นายด้นยาย แถลงต่อไปว่า ดังนั้นทางเครือข่ายองค์กรนักศึกษาฯ จึงขอใคร่ขอให้ ฯพณฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยได้โปรดพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1.ออกแถลงการณ์ในนามรัฐบาลไทยเพื่อประณามการก่อรัฐประหารและเข่นฆ่าประชาชนในประเทศอียิปต์ 2.ใช้มาตรการทางการทูตทุกรูปแบบ เพื่อกดดันรัฐบาลอียิปต์ที่มาจากการรัฐประหารให้คืนอำนาจให้แก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และหยุดการกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบต่อประชาชนโดยเร่งด่วน 3.ทบทวนความสัมพันธ์ทุกด้านกับรัฐบาลอียิปต์ที่มาจากการรัฐประหาร

ต่อมาเวลา 10.30 น. เครือข่ายนักศึกษาฯ ได้เดินขบวนไปยังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เพื่อยืนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีนายวิทยา พานิชพงศ์ รองเลขาธิการศอ.บต.เป็นผู้ออกมารับ

นายวิทยา กล่าวหลังจากรับจดหมายว่า มีความรู้สึกที่ดีที่เครือข่ายองค์กรนักศึกษาฯ ออกมาแสดงจุดยืนที่ไม่ต้องการเห็นการใช้ความรุนแรง ตนจะนำจดหมายฉบับนี้มอบให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศอ.บต.เพื่อนำไปมอบให้แก่นายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ในช่วงค่ำวันเดียวกัน สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยสาขายะลา ร่วมกับมัสยิดตลาดเมืองใหม่ มัสยิดซูบูลุสสลามตลาดเก่า มัสยิดโรงเรียนพัฒนาวิทยาและเครือข่ายองค์กรนักศึกษา องค์กรมุสลิม และองค์กรภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะจัดเสวนาในหัวข้อ “วิกฤติในอียิปต์” โดยชัยคริฎอ อะหมัด สมะดี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ White Channel อ.มัสลัน มาหะมะ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา อ.อิบรอฮีม ยานยา นักวิชาการอิสระ อ.ซูฮัยมีย อาแว นักวิชาการอิสระ เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ บริเวณลานมัสญิดโรงเรียนพัฒนาวิทยา เขตเทศบาลนครยะลา

 

รัฐให้เรียนต่อได้ใน 3 มหาวิทยาลัยในประเทศ

ด้านดร.มะรอนิง สาแลมิง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยถึง แนวทางการแก้ปัญหานักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศอียิปต์ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทย เพราะเกรงจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอียิปต์ว่า รัฐบาลมีแผนที่รับจะเทียบโอนหรือรับเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ทั้งนี้มีมหาวิทยาลัยในประเทศ 3 แห่ง ที่สามารถเทียบโอนได้หรือเข้าศึกษาต่อได้ ได้แก่ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ทาง ศอ.บต.จะนัดประชุมกับนักศึกษาเหล่านี้อีกครั้ง เพื่อกำหนดแนวทางว่าจะต้องดำเนินการการอย่างไร

ดร.มะรอนิง เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้มีนักศึกษาไทยที่ยังอยู่ในประเทศอียิปต์ อีก 1,000 กว่าคน ซึ่งทางรัฐบาลได้ขอร่วมมือไม่ให้นักศึกษาเหล่านี้ไปยังสถานที่ชุมนุมต่างๆ ในประเทศอียิปต์ เนื่องจากอาจจะเกิดอันตราย นอกจากนี้ยังมีนักนักศึกษาอีกจำนวนกว่า 60 คนที่ลงทะเบียนจะกลับประเทศไทย

ดร.มะรอนิง เปิดเผยถึงการติดต่อประสานงานกับนักศึกษาที่ยังอยู่ในประเทศอียิปต์ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร และสมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ในประเทศไทยได้มีการติดต่อกับสมาคมนักเรียนไทยในไคโร เป็นชั่วโมงต่อชั่วโมง เพื่อจะประเมินสถานการณ์ในประเทศอียิปต์

 

สมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ประณามทหารฆ่าประชาชน

ก่อนหน้านี้วันที่ 21 สิงหาคม 2556 ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานสมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ในประเทศไทย ออกแถลงการณ์ประณามการรัฐประหารและเข่นฆ่าประชาชนจนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก โดยแหล่งข่าวของรัฐบาลอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 คน ขณะที่แหล่งข่าวภาคประชาชนระบุว่าผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 3,000 คน นอกจากนี้มีการเผาผู้บาดเจ็บซึ่งยังไม่เสียชีวิต เผามัสยิด และหน่วงเหนี่ยวศพมิให้ญาติรับไปทำพิธีทางศาสนา

จากเหตุการณ์รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารในอียิปต์สั่งสลายการชุมนุมของประชาชนชาวอียิปต์ ณ กรุงไคโรเพื่อประท้วงการก่อรัฐประหารและให้นำรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งกลับ มาบริหารประเทศอีกครั้ง สมาพันธ์นักเรียนเก่าอียิปต์ รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวรวมทั้งเหตุการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างสันติก่อน หน้านี้หลายครั้งด้วยความเศร้าสลดหดหู่ยิ่ง และขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง ถือเป็นการกระทำอันเกิดจากจิตใจที่โหดเหี้ยมเกินขอบเขตของคำว่าชั่ว เพราะประชาชนที่ถูกสังหารต้องเสียชีวิตไปเพียงเพราะเพรียกหารัฐบาลที่ถูก ต้องชอบธรรม และต่อต้านการรัฐประหารล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน อันเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

สมาพันธ์ฯ จึงขอประณามการปฏิวัติรัฐประหารในอียิปต์รวมทั้งการกระทำใดๆ อันเป็นการล้มล้างระบบการปกครอง หรือล้มล้างรัฐบาลซึ่งประชาชนเลือกเข้ามาบริหารประเทศอย่างชอบธรรม อีกทั้งประณามผู้อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนการปฏิวัติทุกคน เพราะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความชั่วซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ดังอัลลอฮฺทรงตรัสไว้ความว่า“จงส่งเสริมช่วยเหลือกันในเรื่องความดีและความยำเกรง แต่อย่าส่งเสริมช่วยเหลือกันในเรื่องบาปกรรมและความเป็นอริบาดหมาง”

สมาพันธ์ฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารในอียิปต์เคารพต่อสิทธิและ เจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ โดยการนำรัฐบาลที่ประชาชนเลือกแล้วกลับมาปกครองประเทศดังเดิม

ขอเรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ยุติการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนทุกรูปแบบเพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ความช่วยเหลือที่รัฐบาลทหารอียิปต์ได้รับนั้น ถูกนำมาใช้ปราบปรามและเข่นฆ่าประชาชนผู้เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนอย่างเหี้ยมโหดเพียงใด

สมาพันธ์ฯ ขอให้กลุ่มประเทศตะวันตกยึดมั่นรักษาหลักการแห่งประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด ขอให้ใช้หลักการประชาธิปไตยต่อประเทศต่าง ๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความยุติธรรมแก่คนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

สมาพันธ์ฯ ขอสนับสนุนการต่อสู้ด้วยสันติของประชาชนคนอียิปต์ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมอย่างเต็มที่ ขอให้ผู้ต่อสู้จงยึดมั่นในสันติวิธีอย่างอดทนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการนำ รัฐบาลที่ชอบธรรมกลับสู่ประเทศอีกครั้ง ตามพระบัญชาแห่งอัลลอฮฺในซูรอฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 120 ความว่า“แม้นหากพวกเจ้าอดทนและยำเกรงต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงกลอุบายใด ๆ ของพวกเขาก็จะทำลายพวกเจ้าไม่ได้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากระทำ”

สมาพันธ์ขอเรียกร้องสื่อมวลชนที่รายงานข่าวสถานการณ์ในอียิปต์ ให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้อคติรายงานข่าวอย่างเอนเอียง เพื่อช่วยเหลือฝ่ายหนึ่ง และทำลายอีกฝ่ายหนึ่งอย่างอยุติธรรม

สมาพันธ์ฯ ขอขอบคุณต่อรัฐบาลไทยและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร เป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้ความสงเคราะห์นักศึกษาไทยและคนไทยในอียิปต์เป็นอย่าง ดี และขอให้รัฐบาลไทยยืนบนจุดของความเที่ยงธรรมโดยส่งเสริมสิทธิ์และเสรีภาพตาม ระบอบประชาธิปไตยของประชาชน และควรประณามการทำลายสิทธิและเสรีภาพดังกล่าวอย่างจริงจัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net