ในวันที่ 6 ส.ค.56 เวลา 9.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายธานิศ เกศวพิทักษ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ไต่สวนนัดสุดท้าย คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย , นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ , พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. , บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด หรือ STEYR-DAIMLER-PUCH Spezial fahrzeug AG&CO KG (ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยกทม.มูลค่า 6,687,489,000 บาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นันทวัฒน์ บรมานันท์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวทีเสวนา “หลักนิติรัฐนิติธรรมกับการวางรากฐานประชาธิปไตย” ซึ่งจัดโดยสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาชนธิปไตย ว่า คำพิพากษาคดีนี้สำคัญมากเพราะเป็นโอกาสที่ศาลจะสามารถปฏิเสธการรัฐประหารได้ โดยรื้อแนวศาลฏีกาที่เคยวางไว้ในปี 2502 ที่ใช้ในการรองรับรัฐประหารเรื่อยมา
ทั้งนี้ แนวศาลฎีกาดังกล่าวคือคำพิพากษาฎีกาที่ 1662/2502 ระบุว่า “ในคำพิพากษาฎีกาที่ 1662/2502 “ศาลฎีกาเห็นว่าคณะปฏิวัติได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศได้เป็นผลสำเร็จ หัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบ้านเมือง ข้อความใดที่หัวหน้าคณะปฏิวัติสั่งบังคับประชาชนต้องถือว่าเป็นกฎหมาย”
นันทวัฒน์กล่าวว่า คดีรถดับเพลิงเกิดขึ้นในปี 2546 เริ่มต้นจากการร้องเรียนผ่านดีเอสไอ ป.ป.ช. ในปี 2549 ดีเอสไอส่งเรื่องกลับมาให้ ป.ป.ช. แล้วก็เกิดการรัฐประหาร มีการตั้ง ป.ป.ช.ชุดใหม่ รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ที่มาทำประเด็นรถดับเพลิง เมื่อครบวาระ คตส.ได้ส่งเรื่องกลับไปให้ ป.ป.ช.ทำต่อเมื่อส่งให้อัยการ อัยการส่งกลับโดยระบุว่าข้อเท็จจริงไม่ครบ แต่ ป.ป.ช.ก็ให้สภาทนายความเป็นผู้ฟ้องร้องเอง จะเห็นว่าคณะรัฐประหารไปเกี่ยวข้องทั้งกับการตั้ง คตส. และป.ป.ช.
เขากล่าวด้วยว่า แนวคำพิพากษาในการรองรับรัฐประหารไม่เคยเปลี่ยน จนกระทั่งในปี 2552 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินคดีของคุณยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา 9 คน มีผู้พิพากษาอยู่ 1 คนที่เสียงแตกออกไป โดยมีประเด็นหลักที่น่าสนใจในคำวินิจฉัยส่วนตัว 5 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่
ประเด็นที่ 1 อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ศาลเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยซึ่ง
ประเด็นที่ 2 การได้อำนาจในการปกครองประเทศโด
ประเด็นที่ 3 หากศาลรับรองอำนาจของบุคคลหรือค
ประเด็นที่ 4 ปัจจุบันอยู่ในกระแสโลกาภิวัตน์
ประเด็นที่ 5 ผู้ร้องประกอบด้วยคณะกรรมการที่
“ทั้งห้าประการนี้อยู่ในคำวินิจฉัยส่วนตัวของผู้พิพ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)