รุสลาน ดือราแม
สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
"มนุษย์จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หากปราศจากอากาศหายใจแปดนาทีหากปราศจากน้ำดื่มสองวัน และ หากปราศจากอาหารบริโภคหนึ่งสัปดาห์ แต่มนุษย์จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้เพียงแค่เสี้ยววินาทีหากปราศจาก... ”ความหวังและพลัง”
ผมได้เข้าไปศึกษาและอาศัยอยู่ในจังหวัดนราธิวาสเจ็ดปี แน่นอนว่าระยะเวลานานขนาดนี้ ย่อมทำให้ผมได้รับรู้และสัมผัสกับอะไรมากมาย
บางวัน...ต้องเจอกับการโค่นต้นไม้ขวางทางจราจร พร้อมกับมอบตะปูเรือใบเป็นของแถม
บางเวลา...ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด แทนเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ
บางครั้ง...ได้เห็นน้ำตาของบุคคลที่ต้องสูญเสียคนรัก
แต่เหตุการณ์หนึ่งที่ยังตราตรึงใจของผมถึงทุกวันนี้ และจะตราตรึงใจของผมตลอดไป คือ ...
ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนหนึ่ง ไปถึงที่นั่นก็มืดมากแล้ว และต้องการที่จะเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเข้าห้องน้ำบ้านนี้ได้ ก็เลยต้องอาศัยบ้านข้างๆที่เป็นญาติกัน และได้มีโอกาสรู้จักกับเด็กน้อยสองคน คนโตอายุประมาณสามขวบ คนเล็กเป็นผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกัน มีชื่อว่า “ซูฮัยดา”ส่วนคนโตผมจำชื่อไม่ได้สมมตินามว่า”ฮาฟิซ”
เมื่อผมเสร็จธุระแล้ว กำลังเดินออกจากบ้าน เด็กน้อยทั้งสองก็ถามผมว่า “จะไปแล้วเหรอ...จะไปไหน?” ในใจผมก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมทั้งสองต้องถามผมอย่างนั้น ทำไม?...ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกัน และทั้งสองก็ออกมาส่งผมถึงหน้าบ้าน ทำไมเด็กทั้งสองต้องทำกับผมอย่างนั้น ทำไม...ทำไม....และทำไม ?
เมื่อยามเช้าได้ก้าวเข้ามา เด็กทั้งสองออกมาเล่นตรงลานหน้าบ้านพร้อมกับไก่ทอดในมือ แต่ทำไมทั้งสองยอมให้ผมอุ้มแต่โดยดี และยอมวิ่งเล่นกับผม ดั่งคนสนิทชิดเชื้อ เหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานาน และเมื่อกำลังจะขึ้นรถกลับ ฮาฟิซก็สลามพร้อมกับจูบมือของผม ส่วนซูฮัยดาก็โบกมือ...บ๊าย บายกับผม สุดสายตาที่เธอจะเห็น ___ทำไม เธอต้องทำอย่างนี้กับผม ทั้งสองขาดอะไรไปในชีวิตหรือป่าว? คำตอบ คือ ใช่ !!! ทั้งสองขาดคำที่เรียกว่า “ความอบอุ่น” ที่มาจากผู้ชายที่เรียกว่า”พ่อ”
เด็กน้อยทั้งสองกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ (น่าเสียดายที่ จำนวนทหาร-ด่าน-และงบประมาณที่เพิ่มขึ้น กลับไม่ได้ทำให้ความสงบสุขของพื้นที่เพิ่มขึ้นเลย!) ในขณะที่ศพของพ่อกำลังถูกห่อด้วยผ้าขาว ฮาฟิซก็ถามพ่อผู้ไร้วิญญาณว่า “อาบะฮฺ...อาบะฮฺจะไปไหน?” เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา นอกจากความเงียบและหยาดน้ำตาของผู้เป็นแม่
ปกติพ่อของฮาฟิซจะทำงานที่สวนหลังบ้าน เมื่อฮาฟิซเดินไปหน้าสวน จะเรียกอาบะฮฺ และพ่อของฮาฟิซก็จะมารับเข้าไปเล่นในสวน
หลังจากวันนั้น ฮาฟิซก็เดินไปหน้าสวนและขานเรียกชื่อของผู้เป็นพ่อตามปกติ แต่ในวันนี้ไม่มีใครที่จะตอบกลับเสียงเรียก ไม่มีใครที่จะมารับเข้าไปเล่นในสวน ไม่มี...ไม่มีอะไรใดๆทั้งสิ้น และไม่รู้ว่าเมื่อไรอาบะฮฺจะกลับมา ฮาฟิซยังรออยู่น่ะ อาบะฮฺโปรดกลับมาเถอะ กลับมา กลับมาเล่นกับเราเหมือนเดิม ฮาฟิซรักอาบะฮฺมากน่ะ เมื่อไรอาบะฮฺจะกลับมา ฮาฟิซยังรออยู่น่ะ
ถ้าหากว่าผู้เป็นพ่อยังมีชิวิตอยู่ เด็กน้อยคงจะยิ้มและหัวเราะมากกว่านี้ บ้านของทั้งสองคงจะสบายกว่านี้ และครอบครัวคงจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่นี่คงเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เหตุการณ์ความไม่สงบและการสูญเสียนับว่าเป็นปัญหาที่หนักแล้ว แต่ปัญหาที่หนักกว่า คือ การที่ต้องทนเห็นเพื่อนสนิท ญาติที่รักและใครอีกหลายคนหลงมัวเมากับยาเสพติด ...น้ำกระท่อม สี่คูณร้อย กัญชา ยาไอซ์ ฯลฯ สามจังหวัดจะพัฒนาได้อย่างไร หากเยาวชนยังหลงไหลติดยาเสพติดกันงอมแงม ?
“ความหวัง คือ สิ่งที่ประกอบไปด้วยการลงมือปฏิบัติ...หาไม่แล้ว...ความหวังก็จะกลายเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน”...(อาลีย์ บิน อาบีย์ฏอลิบ ริฎิยัลลอฮูอันฮฺ)
พลังคือความหวัง เมื่อมีความหวังย่อมต้องมีพลัง ความรู้ การเรียนและ การทำงานของผม...ผมหวังเล็กๆว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคม นำความสันติสุขกลับเข้าไปในพื้นที่ได้ และเป็นพลังเล็กๆในการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่
บางครั้งพลังอันยิ่งใหญ่อาจมาจากความหวังอันเล็กๆ แต่ความหวังจะเป็นจริงได้อย่างไร หากปราศจากกระทำของคนในสังคม ? หรือต้องรอให้คนที่สูญเสียคือพ่อของเรา และน้ำตานั้น...คือน้ำตาของเรา ?