(9 ก.ค.56) คณะอนุกรรมการปฏิรูปกฎหมายด้านแรงงาน ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. .... ณ อาคารรัฐสภา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายดังกล่าวทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม อาทิ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กรมเจ้าท่า กรมประมง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) ผู้ประกอบการ ในนามสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป สภาทนายความ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านแรงงานข้ามชาติและการค้ามนุษย์ โดยมี สุนี ไชยรส รองประธาน คปก. และประธานอนุกรรมการปฏิรูปกฎหมายด้านแรงงาน เป็นประธานในการประชุมฯ
สุนี กล่าวว่า สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยควรจะดำเนินการยกร่างข้อเสนอวิธีการจ่ายค่าจ้างและสวัสดิการที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับปฏิบัติได้และไม่ขัดต่อกฎหมายแรงงาน และขอให้กระทรวงแรงงานนำข้อเสนอไปรับฟังเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงร่างกฎกระทรวง เพื่อให้ทั้งคุ้มครองแรงงาน และเพื่อให้กิจการประมงซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก สามารถเติบโตต่อไป และ คปก. จะประมวลทำความเห็นเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“สิ่งที่ท้าทายหน่วยงานภาครัฐ คือ การปรับขั้นตอนกระบวนการเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานประมงอย่างที่สะดวกกับทุกฝ่าย การมีสัญญาจ้างมาตรฐาน เพื่อมีขอบเขตการทำงานที่รัดกุม เกณฑ์มาตรฐานในการทำงาน ภายใต้มาตรฐานที่ทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม และการยกเลิกการอนุญาตให้กลุ่มที่ได้รับบีโอไอสามารถจ้างแรงงานข้ามชาติได้” สุนีกล่าว
ผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน มีความเห็นว่า กระทรวงแรงงานยอมรับในข้อท้วงติงจาก คปก. ในประเด็นกระบวนการจัดทำร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ที่ยังไม่ผ่านการรับฟังความเห็นจากแรงงานในกิจการประมงทะเล รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง ตามที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิไว้ รวมทั้งในประเด็นที่ คปก.ทักท้วง เช่น ร่างกฎกระทรวงฯฉบับนี้ ยังไม่ผ่านการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนร่วม และกรณีการอนุญาตให้ใช้แรงงานเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีในกิจการประมง
“มีประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่อาจขัดต่อกติการะหว่างประเทศ กรณีการอนุญาตให้ใช้แรงงานเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ในกิจการประมงทะเล โดยบิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองของเด็กทำงานอยู่ในเรือประมงนั้นด้วย ซึ่งอาจขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 138 ค.ศ.1973 ว่าด้วยอายุขั้นต่ำที่อนุญาตให้จ้างงานได้ และไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ค.ศ.2007 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง เนื่องจากงานประมงทะเลเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย และไม่เหมาะสมที่จะใช้แรงงานเด็ก ทั้งนี้กระทรวงแรงงานยืนยันจะปรับปรุงร่างใหม่ และจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะจากสมาคมประมง และภาคประชาสังคมที่ทำงานกับแรงงานประมงทะเล”
ขณะที่ผู้แทนจากผู้ประกอบการ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว เนื่องจากไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ แม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะผ่านเป็นกฎกระทรวงบังคับใช้ เจ้าของเรือประมงไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ โดยเฉพาะกรณีขึ้นทะเบียนแรงงานประมงที่เปิดรับเฉพาะบางช่วง และไม่ยอมให้มีการขึ้นทะเบียนทดแทน ตามที่สมาคมประมงเคยเสนอไป ทั้งที่คนงานมีการลาออก และเปลี่ยนงานบ่อยมาก ทำให้การบังคับขึ้นทะเบียนและนำส่งรายงานเป็นไปได้ยากมาก
“จะเห็นได้ว่าผู้ที่ร่างกฎกระทรวงไม่เข้าใจการทำงานของเรือประมง ว่ามีรายละเอียดต่างจากงานอื่นๆ มีเรือและเครื่องมือหาปลาหลายประเภท จะออกกฎหมายเหมารวมคงไม่ได้ อย่างเช่นการให้ขึ้นทะเบียนลูกเรือประมง หรือการจ่ายเงินเพิ่มให้แก่ลูกจ้างเพิ่มร้อยละ 5 ทุก 7 วัน ในกรณีจงใจผิดนัด เป็นอัตราที่มากเกินไป และขอให้ยกเลิกการยอมให้ใช้แรงงานข้ามชาติในอุตสาหกรรมที่ได้รับสิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)” ผู้แทนจากผู้ประกอบการ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าว