Skip to main content
sharethis

หนึ่งในกองบก. Foreign Policy นำเสนอความเห็นเกี่ยวกับการรัฐประหารล่าสุดในอียิปต์ ระบุ "รัฐประหารที่เป็นประชาธิปไตย" มีอยู่น้อยครั้งมาก อีกทั้งเตือนว่ากรณีของอียิปต์อาจมีลักษณะแบบเดียวกับตุรกีที่มีกองทัพเข้ามาแทรกแซงรัฐบาลจากการเลือกตั้งเป็นระยะๆ

โจชัว คีธติง หนึ่งในกองบรรณาธิการเว็บไซต์ Foreign Policy เขียนบทความเกี่ยวกับกรณีการรัฐประหารในอียิปต์ครั้งล่าสุด ตั้งคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การรัฐประหารจะเป็นประชาธิปไตย

โดยเมื่อช่วงคืนวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมากองทัพของอียิปต์ได้เข้ามาแทรกแซงความวุ่นวายทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นและถอดถอนประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ออกจากตำแหน่งหลังจากที่อียิปต์มีการประท้วงอย่างหนัก

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของมอร์ซีบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น "การรัฐประหารโดยกองทัพ" และคำจำกัดความดั้งเดิมของการรัฐประหารโดยกองทัพมีอยู่ว่า "เมื่อกองทัพหรือส่วนหนึ่งของกองทัพ ใช้อำนาจต่อต้านให้ผู้นำของรัฐ (apex of the state) และสถาปนาตัวเองขึ้นแทน จากนั้นทุกส่วนในรัฐก็ต้องยอมรับคำสั่งจากรัฐบาลใหม่"

โจชัว กล่าวว่ารัฐประหารในอียิปต์ตรงกับนิยามดั้งเดิมของการรัฐประหาร จากการที่ประธานสภาทหารสูงสุดของอียิปต์ประกาศให้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและให้จัดตั้งรัฐบาลผู้เชี่ยวชาญนำโดยผู้พิพากษาสูงสุดจากศาลรัฐธรรมนูญ

แล้วผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในอียิปต์จะคิดอย่างไรกับกรณีนี้ โดยพื้นฐานแล้วการรัฐประหารถูกมองว่าเป็นการขัดต่อหลักกระบวนการประชาธิปไตยจากการที่อำนาจการเมืองมาจากปากกระบอกปืนแทนที่จะมาจากคูหาเลือกตั้ง ซึ่งจริงๆ แล้วตามกฏหมายของสหรัฐฯ ระบุว่าทางการไม่สามารถให้ความช่วยเหลือรัฐบาลที่มาจากอำนาจกองทัพได้ แม้ว่ากฏหมายนี้จะค่อนข้างถูกละเลยก็ตาม

โจขัวร์ตั้งคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การรัฐประหารจะช่วยให้ประชาธิปไตยก้าวต่อไปข้างหน้าได้ แต่เขาก็อ้างอิงบทความเมื่อปี 2012 ของอาจารย์ด้านกฏหมาย โอซาน วาโรล ที่ตีพิมพ์วารสารกฏหมายนานาชาติมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บทความดังกล่าวนี้ระบุว่าการทำรัฐประหารโดยส่วนใหญ่มีลักษณะที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และทำให้เกิดรัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยลง โดยมีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่เป็น "การรัฐประหารแบบเป็นประขาธิปไตย"

บทความของวาโรลกล่าวถึงกรณีศึกษาสามกรณีที่อ้างว่าเป็น "การรัฐประหารที่เป็นประชาธิปไตย" กรณีแรกคือการรัฐประหารในตุรกีเมื่อปี 1960 ที่กองทัพโค่นล้มอำนาจพรรคเดโมเครติกที่พยายามรักษาอำนาจทางการเมืองโดยมีการปราบปรามสื่อและผู้ต่อต้านทางการเมือง กรณีที่สองคือการรัฐประหารในโปรตุเกสปี 1974 หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าการปฏิวัติดอกคาร์เนชั่น ซึ่งเป็นการโค่นล้ม "ระบอบรัฐใหม่" หรือ Estado Novo จากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและการรุกรานอาณานิคมแอฟริกา และตัวอย่างกรณีที่สามถือว่าน่าสนใจในบริบทนี้ เพราะวาโรล กล่าวถึง การโค่นล้มฮอสนี มูบารัค อดีตผู้นำอียิปต์ในปี 2011


วาโรลกล่าวว่าหากต้องการให้รัฐประหารมีความเป็นประชาธิปไตย ควรมีลักษณะ 7 ประการดังนี้

1. คือรัฐประหารต้องเป็นการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการหรืออำนาจนิยม
2. กองทัพตอบสนองต่อการต่อต้านรัฐบาลของประชาชนจำนวนมาก และมีการต่อต้านเป็นเวลายาวนาน
3. รัฐบาลเผด็จการหรืออำนาจนิยมที่ถูกต่อต้านตอบสนองการลุกฮือด้วยการปฏิเสธจะลงจากอำนาจ
4. การรัฐประหารมาจากกองทัพที่ได้รับการเคารพนับถือจากภายในชาติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นเพราะมีการบังคับเกณฑ์ทหาร
5. กองทัพต้องทำการรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการหรืออำนาจนิยม
6. กองทัพต้องจัดให้มีการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรมภายในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
7. การรัฐประหารจบลงด้วยการถ่ายโอนอำนาจให้กับผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย


แล้วการรัฐประหารล่าสุดในอียิปต์เป็นเช่นทั้ง 7 ข้อนี้หรือไม่  โจชัวกล่าวว่า ในข้อที่ 6 และ 7 ยังเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป ส่วนข้อที่ 2-5 ดูเหมือนเป็นไปตามนั้น แต่ข้อแรกซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุดดูเหมือนจะเป็นการพยายามยัดเยียดไปหน่อยไปกรณีของอียิปต์ เนื่องจากมอร์ซีเพิ่งได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา และมีการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งด้วยการที่กกต.ตัดสิทธิ์ผู้ลงสมัครที่มาจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมออก

แต่ในอีกแง่หนึ่งฝ่ายต่อต้านมอร์ซีก็อาจจะบอกว่ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมพยายาม "ทำรัฐประหารตัวเอง" (self-coup) โดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งพยายามบ่อนทำลายสถาบันทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง ซึ่งในกรณีของมอร์ซีคือการพยายามเพิ่มอำนาจบริหารของตนเองด้วยการออกประกาศกฤษฎีกาของประธานาธิบดี

ฝ่ายกองทัพของอียิปต์อาจจะอ้างว่าพวกเขาต้องปฏิบัติการเพื่อผ้องกันไม่ให้เกิดคนปกครองในระบอบอำนาจนิยมที่เข้มแข็งเกินไป โจชัวอ้างว่าในปัจจุบันการรัฐประหาทั่วโลกมักจะนำพาไปสู่กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการรัฐประหารในช่วงสงครามเย็น แต่ก็เป็นไปได้ที่อียิปต์อาจกลับไปเป็นแบบเดียวกับตุรกีที่รัฐบาลมาจากในนามของประชาธิปไตย แต่กองทัพมักจะเข้าแทรกแซงโดยอ้างคำว่าเพื่อเข้ามา "ช่วยแก้ไข" เป็นระยะๆ มีหลักฐานบางอย่างแสดงให้เห็นว่ากองทัพอียิปต์มีความสนใจในรูปแบบของตุรกีนับตั้งแต่มีการโค่นล้มมูบารัค

"การกระทำของกองทัพอียิปต์นับจากนี้เป็นต้นไปจนถึงอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นตัวชี้วัดว่าประวัติศาสตร์จะกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันที่ 3 ก.ค. อย่างไร"

"และการยอมรับว่า 'การรัฐประหารเพื่อประชาธิปไตย' มีอยู่จริง ก็เป็นเรื่องอันตรายในแง่ที่ผู้ก่อการรัฐประหารมักจะพยายามอ้างว่าพวกเขาทำไปเพื่อปกป้องประชาธิปไตย แม้ว่าพวกเขาจะพยายามรวบรวมอำนาจให้กับตนเองก็ตาม" โจชัวกล่าว

เรียบเรียงจาก

Can a Coup Ever Be Democratic?, Foreign Policy, 03-07-2013
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net