มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาได้บัณฑิตมลายูรุ่นแรกแล้ว ยืนยันมั่นใจในมาตรฐาน ผ่านการฝึกงานจากประเทศมาเลเซีย ชี้มองเห็นโอกาส จึงบังคับให้นักศึกษาทุกคนเรียนลงทะเบียนเรียน ย้ำมุ่งพัฒนาสู่อาเซียน
น.ส.พารีดา หะยีเตะ ประธานหลักสูตรภาษามลายู มหาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลามีบัณฑิตที่เรียนจบหลักสูตรวิชาภาษามลายู นับตั้งแต่มีการเปิดสอนหลักสูตรนี้เมื่อปีการศึกษา 2553 โดยบัณฑิตรุ่นแรกนี้จะมีจำนวนประมาณ 28 คน
น.ส.พารีดา เปิดเผยต่อไปว่า นักศึกษาทั้งหมดได้ผ่านการฝึกงานจากองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย(Universiti Kebangsaan Malaysia) หรือ UKM เช่น โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ศูนย์วัฒนธรรมมาเลเซีย ห้องสมุด เป็นต้น เพื่อให้เรียนรู้การใช้ภาษามลายูด้วยตัวเองในพื้นที่จริง
น.ส.พารีดา เปิดเผยอีกว่า หลักสูตรวิชาภาษามลายู สังกัดภาควิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เริ่มเปิดสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตบุคลากรด้านภาษามลายู เพื่อพัฒนาให้เป็นภาษาที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เป็นแหล่งความรู้และงานวิจัยภาษามลายู รวมทั้งยังได้จัดฝึกอบรมบุคลากรครูสอนภาษามลายูตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ด้วย
น.ส.พารีดา เปิดเผยด้วยว่า หลักสูตรวิชาภาษามลายูเปิดรับนักศึกษาทุกคน ทั้งในและนอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่มีและไม่มีพื้นฐานด้านภาษามลายู โดยใช้วิธีการสอนในระบบ 2 ภาษา คือภาษาไทยและมลายูในปีแรก เพื่อให้นักศึกษาสามารถปรับตัวได้ก่อน แล้วจะค่อยๆลดการสอนด้วยภาษาไทยลง เป็นต้น
ดร.เวคิน นพนิตย์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้กำหนดให้นักศึกษาทุกคนเรียนวิชาภาษามลายูเบื้องต้นเป็นวิชาบังคับ เพราะถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาทุกคน
ดร.เวคิน เปิดเผยต่อไปว่า เหตุที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเปิดสอนหลักสูตรภาษามลายู เนื่องจากมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย จึงจำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะภาษา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ร้อยละ 80 ใช้ภาษามลายู นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในอาเซียนใช้ภาษามลายู
นายอับดุลเลาะ สะมิง บัณฑิตรุ่นแรกของหลักสูตรภาษามลายู มหาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า แม้การเรียนภาษามลายูที่นี่อาจเสียเปรียบผู้ที่เรียนภาษามลายูในต่างประเทศ เช่น ในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ความสามารถในเชิงวิชาการไม่แตกต่างกันมาก
นายอับดุลเลาะ กล่าวว่า สำหรับการขับเคลื่อนภาษามลายูให้มีชีวิตชีวาขึ้นในพื้นที่นั้นมีหลายวิธีการ ตัวอย่างเช่น ในสมัยที่ตนเรียนอยู่มีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งกิจกรรมทางวิชาการและการจัดนิทรรศการนำเสนอเรื่องความสำคัญของภาษามลายูและวัฒนธรรมมลายู ทำให้วันนี้สังคมส่วนใหญ่ในพื้นที่ได้ให้ความสำคัญกับภาษามลายูมากขึ้น และเชื่อว่า ผู้ที่มีความสามารถด้านภาษามลายูจะมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป
นายอับดุลเลาะ เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้บัณฑิตส่วนใหญ่ยังไม่มีงานทำ โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับภาษามลายู เพราะเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ
อ่านข่าวนี้ฉบับภาษามลายูได้ที่ http://issuu.com/deepsouthwatch/docs/sinaran_vol.6
ศอ.บต.อบรมภาษามลายูให้ข้าราชการตำรวจ
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 สำนักสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รายงานว่า นายวิทยา พานิชพงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธานปิดการอบรมหลักสูตรภาษามลายูถิ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมอบวุฒิบัตรให้ข้าราชการตำรวจที่ผ่านการอบรมจำนวนกว่า 100 นาย ที่โรงแรมซีเอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี
นายวิทยา กล่าวว่า ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่สัมผัสใกล้ชิดกับประชาชน เพราะต้องรักษากฎหมาย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง อีกทั้งให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดังนั้นการเรียนรู้ภาษมลายูถิ่น จะทำให้สามารถขจัดปัญหาการติดต่อสื่อสารและสามารถลดเงื่อนไขของสังคมได้ในระดับหนึ่ง โดยเชื่อว่า ภาษามลายูถิ่นเป็นอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจของประชาชนในพื้นที่ การเรียนรู้และเข้าใจภาษา จะสามารถสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ประชาชนในทิศทางบวก