‘สุภิญญา’ สงวนความเห็น กสท.ไม่ออกหลักเกณฑ์บิวตี้คอนเทสต์

กสท.ไม่ออกประกาศเกณฑ์คัดเลือกทีวีสาธารณะ ทำเพียงหนังสือเชิญชวนแต่ไม่มีเกณฑ์การให้คะแนน ‘สุภิญญา’ สงวนความเห็นคัดค้าน ชี้บอร์ดใช้ดุลยพินิจล้วนต่อการให้ใบอนุญาตทีวีสาธารณะต่างจากเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกช่องธุรกิจ

 
วันนี้ (24 มิ.ย.56) พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) แถลงผลการประชุมคณะกรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ว่าที่ประชุม กสท. มีมติในเรื่องต่างๆ ดังนี้
 
1.ที่ประชุม กสท.มีมติเห็นชอบคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง จำนวน 94 ราย แบ่งเป็นกิจการบริการธุรกิจ 61 ราย กิจการบริการสาธารณะ 18 ราย และกิจการบริการชุมชน 15 ราย ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 2,141 ราย
 
2.ที่ประชุม กสท.ได้พิจารณา (ร่าง) ประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่มีความสำคัญตามมาตรา 37 จึงให้จัดการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม ก่อนนำเข้าที่ประชุม กสท.และที่ประชุม กสทช.และจัดการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปต่อไป
 
3.ที่ประชุม กสท.ได้พิจารณาความเห็นจากกลุ่มงานกฎหมายกระจายเสียงและโทรทัศน์ สำนักงาน กสทช.ประกอบการพิจารณา (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรทัศน์สำหรับการประกอบประเภทบริการสาธารณะเพิ่มเติม ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับทีวีดิจิตอล ทาง กสทช.ได้ออกประกาศไปแล้วทั้งสิ้น 8 ฉบับ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการสาธารณะไว้เรียบร้อยแล้ว คือ หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 และ ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล พ.ศ.2556 และจากการตรวจสอบหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ จึงไม่จำเป็นต้องออกประกาศเพิ่มเติม โดยทางสำนักงานให้ออกเป็นประกาศเชิญชวน เพื่อสร้างความเข้าใจในร่างประกาศข้างต้น
 
4.ที่ประชุม กสท.ได้พิจารณา ร่างหนังสือเชิญชวนขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล บริการสาธารณะ ประเภทที่ 3 ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการกระจายข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน มีมติให้จัดทำการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มและนำเสนอที่ประชุม กสท.อีกครั้ง
 
ในวันเดียวกัน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ได้สงวนความเห็นคัดค้านความเห็นประกอบการพิจารณาจากสำนักงานด้านกฎหมายต่อ (ร่าง) ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก ให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรทัศน์ สำหรับการประกอบกิจการบริการสาธารณะ พ.ศ. .... เพราะจริงอยู่ว่ามีการออกกฎ กติกาหลายอย่างแล้ว แต่มีจิ๊กซอว์สำคัญบางตัวหายไป
 
นางสาวสุภิญญา ยกตัวอย่าง การแบ่งช่องสาธารณะ 12 ช่อง (3:1:3:2:3) เป็นแค่มติบอร์ด กสท.ครั้งที่ 12 วันที่ 25 มี.ค.56 ที่เห็นชอบต่อแนวทางการอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทกิจการบริการสาธารณะ กำหนดให้เป็นช่องออกอากาศคู่ขนาน (Simulcast) รายเดิมจำนวน 3 ช่อง (กองทัพบก – กรมประชาสัมพันธ์ และไทยพีบีเอส) สำหรับประเภทที่เน้นรายการสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว จำนวน 1 ช่อง สำหรับกิจการประเภทที่ 1 เพื่อการส่งเสริมความรู้ด้านต่างๆ จำนวน 3 ช่อง สำหรับกิจการประเภทที่ 2 เพื่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยสาธารณะ จำนวน 2 ช่อง และสำหรับการกระจายข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาล รัฐสภากับประชาชน การสนับสนุนการเผยแพร่ประชาธิปไตย รวมถึงบริการข่าวสารแก่คนพิการ หรือกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม จำนวน 3 ช่อง
 
ขณะที่ช่องทีวีประเภทธุรกิจ (3:7:7:7) รวม 24 กลับถูกระบุใน (ร่าง)ประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. .... ที่กำลังจะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นในวันพฤหัสที่ 27 มิ.ย.นี้ ได้แก่ ช่องเด็กเยาวชนและครอบครัว จำนวน 3 ช่อง ช่องข่าวสารและสาระ ช่องทั่วไปวาไรตี้แบบความคมชัดปกติ และ ช่องทั่วไปวาไรตี้แบบความคมชัดสูง จำนวนอย่างละ 7 ช่อง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าเพียงพอหรือไม่เมื่อเทียบกับประกาศฯ เกณฑ์ของประเภทธุรกิจ กับการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อบริการสาธารณะ
 
อย่างไรก็ตาม แม้ กสท.มีมติผ่านออกหนังสือเชิญชวนขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล บริการสาธารณะ เฉพาะประเภทที่สาม ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และรัฐสภากับประชาชน และสนับสนุนเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม แต่ กสท.ยืนยันมติที่จะไม่จัดทำเกณฑ์การพิจารณา หรือคะแนน พิจารณาคุณสมบัติทีวีสาธารณะทั้ง 3 ประเภท โดยเปิดให้กรรมการใช้ดุลยพินิจเป็นตัวตั้งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตการออกใบอนุญาตทีวีประเภทธุรกิจที่คัดเลือกจากเงินประมูล
 
นางสาวสุภิญญา กล่าววแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อความสำคัญในการใช้อำนาจของ กสทช.ที่มีผลทางปกครอง ซึ่งการออกเป็นหนังสือเชิญชวนเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ เพราะอาจส่งผลทางกฎหมายต่อไปในอนาคต ส่วนตัวจึงเห็นควรออกเป็นประกาศ กสทช.และมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
 
นอกจากนี้ กสท.เห็นชอบให้จัดรับฟังความคิดเห็น Focus Group ต่อ (ร่าง) ประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์เนื้อหาการกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งนางสาวสุภิญญาฯ ได้สงวนความคิดเห็นในบางประเด็นต่อร่างฯ นี้ เนื่องจากร่างฯ ฉบับดังกล่าว มีสาระที่อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพจึงต้องใช้ความรัดกุมและมีความละเอียดอ่อนในการพิจารณา โดยเฉพาะการใช้อำนาจกำกับดูแลตามมาตรา 37 ของพ.ร.บ.ประกอบกิจการฯ
 
ทั้งนี้ กสท.มีมติรับข้อเสนอ เรื่อง “ทิศทางโทรทัศน์ช่องเด็กและเยาวชนในยุคดิจิตอล” เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำเงื่อนไขในการพิจารณาออกใบอนุญาต และเป็นข้อมูลในการกำกับดูแล ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ประเภท บริการธุรกิจระดับชาติสำหรับผู้ประกอบการโทรทัศน์ช่องเด็ก เยาวชน ตามมติ กสท.ในการกำหนดจำนวนใบอนุญาต 3 ใบสำหรับช่องรายการในหมวดหมู่เด็ก เยาวชน และครอบครัว
 
นอกจากนี้ กสท.เตรียมจัดทำ Focus Group ข้อเสนอแนวปฏิบัติ เรื่อง การรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบรอดแคสในระบบดิจิตอลประเภททางธุรกิจระดับชาติ ตามข้อความใน (ร่าง) ประกาศ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลฯ ข้อ 13.5 ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีกลไกการรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวปฏิบัติที่คณะกรรมการกำหนด โดยข้อเสนอแนวปฏิบัตินี้จะเป็นเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตมีหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหากับผู้บริโภคได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรอ กสทช.พร้อมทั้งหาทางหรือวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมซ้ำอีก โดยผู้ประกอบต้องรวบรวมฐานข้อมูลปัญหาเพื่อ กสทช.จะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการจัดทำนโยบายต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท