Skip to main content
sharethis

ม.เกษตรเพิ่มเงินพนักงานมหาวิทยาลัย

รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณบดี มก. ครั้งที่ 7/2556 มีมติอนุมัติให้ใช้เงินรายได้ส่วนกลาง ในการปรับเงินเพิ่มตามคุณวุฒิ ของปีงบประมาณ พ.ศ.2555 จำนวน 76 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ.2556 จำนวน 105 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 181 ล้านบาท ให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัย ที่บรรจุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 โดยจ่ายเป็นเงินตกเบิก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 รวม 17 เดือน และจะได้รับค่าจ้างในอัตราที่ปรับใหม่ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 เป็นต้นไป เพื่อให้พนักงาน มก.ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากร

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 มีมติเห็นชอบการปรับเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาของข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ของรัฐระหว่างปี พ.ศ.2555-2557 โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 และสำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินเดือนให้กับข้าราชการใหม่ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น รวมถึงข้าราชการที่บรรจุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 จะได้รับเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิตามเกณฑ์ที่ ก.พ.กำหนดด้วย อย่างไรก็ตาม มก.ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานแก่บุคลากรทุกระดับกว่า 10,000 คน ทั้ง 4 วิทยาเขต คือ บางเขนกำแพงแสน ศรีราชา และเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อดัชนีความสุขของประชากรในประเทศอีกด้วย

(บ้านเมือง, 4-6-2556)

 

บอร์ด สปสช. เตรียมดึงสถานพยาบาลเอกชนให้บริการฟันเทียมผู้สูงอายุ

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถึงข้อเสนอเรื่องการเข้าถึงบริการทันต กรรมประดิษฐ์ของผู้สูงอายุที่ใช้บริการของภาคเอกชนว่า จากข้อมูลศูนย์สารสนเทศทางประชากรศาสตร์ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 8.9 ล้านคนทั่วประเทศหรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2563 ตัวเลขของผู้สูงอายุจะมีถึง 15.3 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีปัญหาด้านสุขภาพทางช่องปาก โดยเฉพาะระบบการเคี้ยวบดอาหาร ไร้ฟันบดเคี้ยว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากอย่างมาก โดยเฉพาะ อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เฟ้อ เกิดภาวะทุพโภชนาการ รวมทั้งการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมา

นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติของผู้สูงอายุในปี 2555 พบว่าผู้สูงอายุที่มีฟันบดเคี้ยวหรือมีฟันน้อยกว่า 20 ซี่ มีเพียง 42.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่อีก 7.2 เปอร์เซ็นต์ไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหารเลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุในที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และภาคใต้ซึ่งประมาณมีมากถึงร้อยละ 10

นอกจากนี้แล้ว จากข้อมูลการให้บริการจากฐานข้อมูลการเบิกจ่ายชดเชยของ สปสช. พบว่า มีจำนวนผู้รับบริการฟันเทียมที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพตั้งแต่ปี 2551- 2555 ของจำนวนประชากรทุกกลุ่มอายุมีจำนวน 2.58 แสนคน โดยเป็นกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 1.43 แสนคนที่ได้รับบริการฟันเทียมซึ่งพบว่า ผู้สูงอายุยังเข้าถึงบริการในสถานพยาบาลของรัฐได้น้อยเนื่องจากต้องรอคิว มากกว่า 6 เดือน อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถเข้าถึงการให้บริการ แต่ยังมีปัญหาทางด้านอัตราการจ่ายค่าชดเชยในหลายประเด็น ดังนั้น จึงมีแนวทางที่จะกำหนดอัตราค่าบริการและการเบิกจ่ายในสถานพยาบาลเอกชนเพื่อ ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึงมาก

นพ.ประดิษฐกล่าวว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีมติได้มีการหารือเรื่องของการแก้ไข ปัญหาคิวการรับบริการของผู้สูงอายุ กรณีจัดทำฟันเทียม ซึ่งมีแนวคิดว่าจะให้นำสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วม เนื่องจากมีความสามารถในการบริการ ลดขั้นตอนและการรอคิว ด้วยมีผู้ใช้บริการมาก แต่ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการ ค่าแรงงาน ในการจ่ายให้กับเอกชนอย่างเหมาะสม เนื่องจากการรักษาในรพ.ของรัฐ ไม่มีค่าแรง ทั้งนี้จะส่งเรื่องดังกล่าวให้ชุดคณะอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ โดยคาดว่าใช้เวลาในการหารือภายใน 60 วัน จากนั้นเสนอมายัง บอร์ดสปสช.พิจารณาอีกครั้ง และใช้เวลาอีก 60 วันในการพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง

(บ้านเมือง, 4-6-2556)

 

แรงงานไทยเสียชีวิต 1 รายในเกาหลี

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สาธารณรัฐเกาหลี ว่าในวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เกิดการระเบิดของอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างรถไฟด่วน และมีกำแพงหินถล่มส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต2 ราย จากการตรวจสอบพบว่ามีแรงงานไทยทำงานในสถานที่ดังกล่าวจำนวน 19 คน และ 1ในผู้เสียชีวิตคือคนงานไทย เป็นชายอายุ 34 ปี มีภูมิลำเนาที่จังหวัดลำปางเดินทางไปทำงานได้ 1 ปี ในเบื้องต้นได้สั่งการณ์ไปยังเจ้าหน้าที่ในจังหวัดลำปางประสานญาติผู้เสีย ชีวิตและแจ้งให้รับทราบว่าผู้ตายจะได้รับสิทธิ์ค่าทำศพ 40,000 บาท จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พร้อมทั้งกำชับในเจ้าหน้าที่ของสำนักแรงงานไทยในเกาหลี เร่งประสานนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทยรวมทั้ง สิทธิอื่นๆในเกาหลีที่แรงงานจะได้รับด้วย ส่วนแรงงานไทยที่เหลืออีก 18 คนปลอดภัยดี และผู้เสียชีวิตอีก 1 คนเป็นแรงงานจากประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามสาเหตุที่มีเปิดเผยชื่อของผู้เสียชีวิตเนื่องจากเกรงว่าจะเกิด ผลกระทบทางจิตใจกับญาติผู้เสียชีวิต

(เนชั่นทันข่าว, 5-6-2556)

 

ก.แรงงานแจง กมธ.งบประมาณปี 57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 วันนี้ (6 มิ.ย.) มี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้เชิญกระทรวงแรกที่ได้รับการจัดสรรเข้าชี้แจงคือกระทรวงแรงงาน
 
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่า กระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557  จำนวนกว่า 33,400 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงบประมาณปี 2556 ประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน 1,236 ล้านบาท กรมการจัดหางาน 1,118 ล้านบาท กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 2,153 ล้านบาท กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1,082 ล้านบาท และสำนักงานประกันสังคม 27,898 ล้านบาท โดยงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจำแนกตามยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการ คือ การสร้างรากฐานการพัฒนาที่สมดุล ส่งเสริมการคุ้มครองแรงงาน การรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการพัฒนาฝีมือแรงงานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรรมาธิการเสียงข้างน้อย  อาทิ นายวิฑูรย์ นามบุตร และ นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าการได้รับการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงแรงงานมีความเหมาะสม เพราะถือเป็นกระทรวงสำคัญที่เป็นหลักในการดูแลแรงงานทั้งในและนอกระบบ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ  แต่การจัดสรรงบประมาณในส่วนของหน่วยงานในสังกัดยังไม่เหมาะสม โดยเฉพาะงบประมาณของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาขีดความ สามารถของแรงงานในการแข่งขันตามนโยบายของรัฐบาล  แต่กลับได้รับการจัดสรรที่น้อยเกินไปหากเทียบกับสำนักงานประกันสังคมที่ได้ รับการจัดสรรงบมากเกินความจำเป็น ทั้งที่สำนักงานประกันสังคมมีเงินคงค้างจำนวนมาก จึงขอให้กระทรวงแรงงานทำการจัดสรรงบในส่วนนี้ใหม่ รวมถึงปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงด้วย.

(สำนักข่าวไทย, 6-6-2556)

 

คาดศพแรงงานไทยถึงมาตุภูมิ 11 มิ.ย.-นายจ้าง ประกันเกาหลี จ่ายร่วม 4 ล้าน

นายสิงห์ หล้าสุภา อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1582/ ม.6 บ้านฮ่องฮี ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง บิดาของนายวิเชียร หล้าสุภา อายุ 34 ปี แรงงานไทยชาว ที่เดินทางไปทำงานก่อสร้างในเกาหลีใต้ผ่านกรมการจัดหางาน ซึ่งเสียชีวิตจากการเข้าทำงานระเบิดอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างรถไฟด่วน เมื่อ 3 มิ.ย.56 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางครอบครัว และญาติ นับวันรอศพของลูกชายที่จะถูกส่งกลับมาประเทศไทย

ล่าสุดได้รับการยืนยันจากกระทรวงแรงงาน ว่า จะมีการนำศพของนายวิเชียร จากประเทศเกาหลีใต้ มาถึงประเทศไทย ในวันที่ 11 มิถุนายน 2556 นี้ บรรดาญาติที่เป็นผู้ชายจึงได้เตรียมตัว ที่จะเดินทางไปรับศพ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ด้านนางกัญจนา กลิ่นทอง แรงงานจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ตน ได้เดินทางไปยังบ้านของ นายวิเชียร หล้าสุภา อายุ 34 ปี ที่ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง แล้ว โดยได้ไปให้คำปรึกษาและช่วยเหลือครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตจาก อุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมกับประสานงานกับนายจ้าง ในประเทศเกาหลีใต้โดยตรง จนได้รับสิทธิต่าง ๆ รวม 6 รายการ เป็นเงินเกาหลี กว่า 120 ล้านวอน คิดเป็นเงินไทยกว่า 4 ล้านบาท เป็นเงินค่าประกันอุบัติเหตุจะได้รับ 2 ล้านบาท ค่าปลอดขวัญอีกเกือบ 1 ล้านบาท โดยนายจ้างจะเป็นผู้จ่ายให้กับผู้เสียชีวิต ส่วนทางแรงงานประเทศเกาหลี จะจ่ายให้อีกกว่า 1 ล้านบาท เป็นค่าทำศพ และเงินคืนภาษี ถือว่าได้รับสิทธิอย่างเต็มที่

โดยเงินดังกล่าว จะมีการจัดสรรแบ่งให้กับบุคคลในครอบครัวของแรงงานที่เสียชีวิต ได้แก่ ภรรยา บุตร พ่อ และแม่ ส่วนการรับเงินนั้น ทางนายจ้างแรงงานเกาหลี จะส่งมาให้ภายใน 3 สัปดาห์ ซึ่งทางสำนักงานแรงงานจังหวัดลำปาง จะเป็นผู้ประสานติดตามขั้นตอนให้ครอบครัวได้ทราบทุกระยะต่อไป

ด้านนางนิตยา พงษ์พานิช นายอำเภอเสริมงาม จ.ลำปาง กล่าวว่า หลังได้รับการประสานงานจากญาติของผู้เสียชีวิต ตนก็ให้เจ้าหน้าที่ทางทะเบียนอำนวยความสะดวกในการรวบรวมเอกสารที่จะต้องใช้ ทั้งหมด ทั้งของผู้เสียชีวิต-ญาติ และดำเนินการจัดส่งให้กับกงสุลในประเทศเกาหลีใต้ จนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ซึ่งทางญาติก็จะรอเพียงกำหนดการที่ทางประเทศเกาหลีจะนำศพกลับประเทศไทยเท่า นั้น

(ASTVผู้จัดการออนไลน์, 6-6-2556)

 

กนกชี้อนาคตกองทุนประกันสังคมล้มละลาย

นายกนก วงษ์ตระหง่าน  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 4-7 มิ.ย. กรรมาธิการงบประมาณ ได้พิจารณางบประมาณของกระทรวงแรงงาน จำนวน 33,489 ล้านบาท ประเด็นที่น่าสนใจคือ กองทุนประกันสังคม (กรณีชราภาพ) ได้คาดการณ์จำนวนเงินที่เก็บเข้ากองทุนและเงินที่ต้องจ่ายให้ผู้ประกันตน ระหว่าง พ.ศ. 2552 - 2587 พบว่า

1. ปี 2577 เงินกองทุนสูงสุด 4.59 ล้านล้านบาท มีผู้รับบำเหน็จ 69,950 คน และรับบำนาญ 3.3 ล้านคน รวมจ่ายบำเหน็จและบำนาญ 444,610 ล้านบาท

2. ปี 2578 รายรับของกองทุนจะเท่ากับรายจ่าย (จากปี 2578 เป็นต้นไป เงินเข้ากองทุนจะน้อยกว่าเงินออกจากกองทุน กองทุนจะเริ่มติดลบมากขึ้นทุกปีจนหมดเงิน)

3. ในปี 2587 กองทุนจะติดลบ มีผู้รับบำเหน็จและบำนาญ 6.3 ล้านคน (ตั้งแต่ปี 2587 เป็นต้นไปเงินของกองทุนจะเป็นศูนย์หรือติดลบ)

แสดงว่า เมื่อถึงปี 2587 กองทุนจะหมดเงิน และไม่สามารถจ่ายบำเหน็จและบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนได้อีกต่อไป พูดภาษาชาวบ้านคือ กองทุนล้มละลาย ประเด็นที่สำคัญยิ่งต่อกองทุนประกันสังคมและรัฐบาล คือจะแก้ไขอย่างไรไม่ให้กองทุนล้มละลาย เพราะจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแรงงานกว่า 10 ล้านคน ที่ได้จ่ายเงินให้กองทุนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกองทุนเมื่อเกษียณอายุคนทำงานที่จ่ายประกันสังคม ต้องคิดเรื่องนี้
และติดตามการแก้ไขปัญหาในอนาคตของกองทุนและรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง อีก 30 ปี ประเทศไทยเกิดวิกฤติที่สาหัสอย่างไม่เคยพบมาก่อนแน่นอน

(ไอเอ็นเอ็น, 7-6-2556)

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net