Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

คงจะเป็นการตกยุคตกกระแส ถ้าหากว่า จะไม่เขียนถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ที่ผ่านมาเสียหน่อย ซึ่งเป็นที่ทราบกันแล้วว่า ชัยชนะเป็นของเบอร์ ๑๖ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นที่เป็นที่สนใจกันในขณะนี้ คือ ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่โพลแทบทุกสำนักหยั่งเสียงแล้วว่า ชัยชนะจะเป็นของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เบอร์ ๙ จากพรรคเพื่อไทย จึงนำมาซึ่งการตั้งความหวังไว้สูง และทำให้กลุ่มประชาชนคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เอาใจช่วย พล.ต.อ.พงศทัศ ต่างก็ผิดหวัง เสียใจต่อความพ่ายแพ้ในครั้งนี้

 เหตุผลที่แท้จริงในชัยชนะของ  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์คงจะอธิบายได้ยาก เพราะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรวมหมู่ของประชาชนนับแสนคน ซึ่งการทำวิจัยอย่างจริงจังคงจะลำบาก ถ้าหากใช้การสุ่มตัวอย่าง อาจจะเป็นการย้ำความผิดพลาดในลักษณะเดียวกับโพลทั้งหลาย แต่ในที่นี้ ผมจะลองขออาจหาญตั้งทฤษฎีอธิบาย จากการสำรวจคนรอบตัวอย่างไม่รอบด้าน และดูจากการโพสต์ในโลกไซเบอร์ คือผมจะอธิบายว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชนะ เพราะชนชั้นกลางในกรุงเทพฯตัดสินใจอย่างนี้อยู่แล้ว

ก่อนอื่นถ้าดูจากตัวเลขคะแนนเสียง  อาจจะถือได้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้พ่ายแพ้มากมายนัก จากการที่คุณพงศทัศได้คะแนนเสียงราว ๑.๐๗ ล้านเสียง เพิ่มจากการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ ที่ คุณยุรนันท์ ภมรมนตรีลงสมัคร และได้เสียงเพียง ๖.๑๑ แสนเสียง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เสียอีกได้เสียงเพิ่มจาก ๙.๓๔ แสนเสียงในครั้งก่อนเป็น ๑.๒๕ ล้านเสียงในครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่า คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย

แต่ปัญหาหลักมาจากความหวังของคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ประเมินว่า พล.ต.อ.พงศพัศจะได้รับชัยชนะ ซึ่งก็มีเหตุผลเพราะมีปัจจัยที่หนุนช่วยในด้านความเด่นกว่าของผู้สมัคร จากบุคคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและลักษณะประนีประนอมของ พล.ต.อ.พงศทัศ การนำเสนอนโยบายที่ชัดเจนกว่าของพรรคเพื่อไทย และการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลงมาช่วยหาเสียงด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ในทางตรงข้ามยังมาจากปัจจัยลบของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ตกเป็นรองด้านบุคคลิกลักษณะ การบริหารกรุงเทพฯมาแล้ว ๔ ปีก็ไม่มีผลงานที่โดดเด่น แต่มีความผิดพลาดที่ชัดเจนในหลายเรื่อง นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถที่จะสร้างนโยบายที่เหนือกว่าได้ และใช้กลวิธีหาเสียงด้วยการโจมตีใส่ร้ายป้ายสี กระพือความเกลียดชัง เป็นต้น หรือสรุปได้ว่า ถ้าพิจารณาในเชิงตัวบุคคล นโยบาย และหลักเหตุผล ไม่น่าที่ พล.ต.อ.พงศทัศจะพ่ายแพ้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่า คนกรุงเทพจำนวนมากนั้น ไม่ได้เลือกเพราะพิจารณาตัวบุคคล นโยบาย หรือ หลักเหตุผล แต่เลือกตามอคติ ที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว

ข้อที่น่าสังเกตประการแรกสุดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งคือ ในเฟซบุคมีผู้ที่มากดไลค์ ม.ร.ว.สุขุนพันธุ์ เป็นจำนวนที่มากกว่า พล.ต.อ.พงศทัศ ซึ่งหมายถึงว่า คะแนนนิยมสำหรับคนในโลกไซเบอร์ พรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่า และเป็นที่วิเคราะห์กันมานานในวงการวิชาการว่า ชนชั้นกลางและปัญญาชนของไทยมีลักษณะอนุรักษ์นิยมและจำนนต่อชนชั้นนำจารีตประเพณีมาก และรากฐานความคิดเช่นนี้ ทำให้ชนชั้นกลางไทยกลายเป็นผู้สนับสนุนสำคัญของฝ่ายเสื้อเหลืองและพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่สมัยแห่งการต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นต้นมา

ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากการเมืองแบบเลือกข้าง เพราะความขัดแย้งในสังคมไทยระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่เหลือใครที่จะเป็นกลาง อย่างน้อยในทางความคิดก็จะมีแนวโน้มเลือกข้างใดข้างหนึ่งอยู่แล้ว ผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ จำนวนมากไม่ได้นิยมในตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เลือกด้วยความไม่ชอบกลุ่มคนเสื้อแดง และวิตกต่อชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ที่จะทำให้”ฝ่ายทักษิณ”มีอำนาจมากเกินไป ยิ่งมีกระแสว่า พล.ต.อ.พงศทัศจะชนะเลือกตั้ง ก็ยิ่งทำให้กลุ่มชนชั้นกลางอนุรักษ์รวมตัวกัน แล้วเลิกเลือกตัวเลือกอื่น เช่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ หรือ สุหฤท สยามวาลา แต่มาทุ่มคะแนนให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จนทำให้ผู้สมัครอิสระอื่นได้คะแนนน้อยลงอย่างมาก

ข้อยืนยันในเรื่องความวิตกต่อชัยชนะของพรรคเพื่อไทย จะเห็นได้จากบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดหลายคนออกมาเสนอความคิดให้เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หรือ ชัย ราชวัตร แต่เหตุผลที่อธิบายไม่ได้เป็นเพราะว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีความเหมาะสม หรือ มีผลงานอันน่าประทับใจ แต่เป็นเพราะการป้องกันพรรคเพื่อไทยยึดเมือง คำอธิบายของคุณสุลักษณ์มีความชัดเจนมากที่กล่าวว่า “สุขุมพันธุ์ไม่ได้ดีวิเศษอะไรนักหนา ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา” แต่ผู้ที่มีจิตใจต่อต้านทักษิณต้อง “อย่าเลือกคนอื่นเพราะคะแนนจะหัวแหลกหัวแตก ต้องเลือกสุขุมพันธุ์เพราะเป็นอันเดียวที่จะชนะเผด็จการทักษิณได้”

เมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้งรายเขต จะเห็นความเป็นจริงที่น่าสนใจว่า  เขตที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะอย่างท่วมท้นคือ เขตใจกลางกรุงเทพฯ เช่น เขตยานนาวา บางคอแหลม ปทุมวัน  ป้อมปราบ สัมพันธวงศ์ สะพานสูง บางกะปิ สวนหลวง ตลอดจนได้รับชัยชนะในฝั่งธนบุรีทุกเขต ยกเว้นเขตหนองแขม ส่วนเขตที่พรรคเพื่อไทยชนะ คือ เขตลาดกระบัง ดอนเมือง บางเขน สายไหม คลองสามวา และเขตย่านใจกลางที่พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำ คือ เขตดุสิต ก็เป็นการตอกย้ำถึงทัศนคติของชนชั้นกลางชาวกรงเทพฯได้ดี

คงจะต้องกล่าวว่า  ชนชั้นกลางเหล่านี้จำนวนมากใจดำ ไม่เคยสนใจหรือให้ความสำคัญกับการเข่นฆ่าประชาชนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่กลับให้ความสำคัญแก่อาคารชอปปิงที่ถูกเผามากกว่า พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในเรื่องนี้ จึงได้นำวาทกรรมเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองมาย้ำ เพื่อให้คนเหล่านี้ซึ่งจำนวนมากจะไม่สนใจการใช้สิทธิ ต้องยอมสละเวลาออกจากบ้านเพื่อมาเลือก ม.ร.ว.สุขมพันธุ์ นอกจากนี้ กลุ่มสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยังใช้เทคนิกปล่อยข่าวในช่วงสุดท้ายว่า ถ้าเลือก พล.ต.อ.พงศทัศ จะได้คุณจตุพร พรหมพันธุ์ มาเป็นรองผู้ว่า ก็เป็นการย้ำมากขึ้น ให้ชนชั้นกลางอนุรักษ์นิยมที่ไม่ชอบคนเสื้อแดงอยู่แล้ว ต้องออกมาลงคะแนน

สรุปแล้ว  ชัยชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จึงมาจากการรวมมิตรของกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งหมด ภายใต้กรอบแนวคิดเรื่องกลัวเสียเมืองหลวงแก่ฝ่ายทักษิณ มีคำอธิบายว่า พรรคประชาธิปัตย์ชนะเพราะได้เปรียบในเรื่องคะแนนจัดตั้ง แต่ความจริงแล้วการจัดตั้งอย่างเดียวเอาชนะไม่ได้ หากไม่ประสานกับปัจจัยทางความคิด เพราะประชาชนไม่ได้เลือกตามหัวคะแนนอย่างปราศจากความคิด แต่เลือกตามกรอบความคิดต่างหาก หรือถ้าการจัดตั้งของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนก็มาจากการทีประชาชนยอมให้จัดตั้ง เพราะมีระบบคิดในกรอบเดียวกันอยู่แล้ว

สำหรับฝ่ายพรรคเพื่อไทย ในครั้งนี้ใช้การหาเสียงด้วยนโยบาย ไม่เน้นการตอบโต้ทางการเมือง ใช้การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี นี่เป้นวิธีการต่อสู้แบบอารยะ และดีอยู่แล้ว อย่าได้ไปใช้วิธีหาเสียงน้ำเน่าแบบสายล่อฟ้าประชาธิปัตย์เลย ให้ถือว่า สงครามต่อสู้ทางความคิดยังคงต้องต่อสู้แบบระยะยาว โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้ายังเป็นไปได้มาก

แต่ต้องอย่าลืมหาทางให้ชาวต่างจังหวัดได้มีโอกาสเลือกตั้งผู้ว่าราชการของตนเองบ้าง นอกจากนี้แล้ว ในฐานะที่เป้นรัฐบาล  ก็อย่าลืมผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และช่วยนิรโทษพี่น้องที่ยังคงอยู่ในคุกเป็นนักโทษการเมืองโดยเร็ว ก็จะเป็นผลดีต่อประชาชนไทยอย่างมาก

สำหรับชนชั้นกลางในกรุงเทพฯเมื่อตกลงใจเลือก  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นผู่ว่าราชการแล้ว ก็ปล่อยให้เขารับผลจากการเลือกของตนเองไปในระยะ ๔ ปีข้างหน้าก็แล้วกัน

 

 

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ที่มา: โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 402  วันที่9 มีนาคม 2556

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net