Skip to main content
sharethis

อดีต จนท.กองอำนวยการหน่วยข่าวกรองกองทัพอากาศซีเรีย ทนไม่ได้ที่เห็นผู้ต่อต้านรัฐบาลรวมถึงครูสอนศาสนาถูกรัฐบาลจับมาทรมาน เขาจึงหนีกลับบ้านเกิด และใช้มัสยิดซึ่งถูกระเบิดถล่มเป็นที่สอนคัมภีร์อัลกุรอานแก่เด็กๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ และเพื่อเป็นการเยียวยาทั้งจิตใจตัวเองและจิตใจของเด็กผู้สูญเสียจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย

ชีค อาบู โมฮัมหมัด เคยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ชาวซีเรียหลายคนรู้จักและยำเกรง เขาเคยประจำอยู่ในหน่วยงานข่าวกรองของกองทัพอากาศซีเรีย แต่ในเวลาหนึ่งปีหลังเกิดเหตุการณ์ลุกฮือขึ้นในซีเรีย อาบู โมฮัมหมัด ก็บอกว่าเขาไม่สามารถทนกับภาพความโหดเหี้ยมทารุณที่เขาได้เห็นในกองบัญชาการ

อาบู โมฮัมหมัด เปิดเผยว่า ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลมักจะถูกจับกุมและถูกทรมานก่อนที่จะถูกขังในคุกให้ดินที่มืดและแคบ จนกระทั่งเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว เขาตัดสินใจรวบรวมความกล้าที่จะออกจากงาน เขาบอกว่าจุดที่ทำให้เขาถึงขีดสุดความอดทนคือการที่เขาได้เห็นครูสอนศาสนาหรืออิหม่ามถูกทารุณต่อหน้าเขา

"พวกนั้นเหยียบเคราของเขา (อิหม่าม)" อาบู โมฮัมหมัดกล่าว "พวกนั้นดูหมิ่นศักดิ์ศรีและกล่าววาจาเหยียดหยามตัวเขาและศาสนาของเขา"

โมฮัมหมัดบอกว่าเขาทำงานเป็นกองอำนวยการของหน่วยข่าวกรองกองทัพอากาศซีเรีย ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนในการทำงานในคุกหรือการทรมานผู้ต้องขัง แต่เขาไม่สามารถทนดูการกระทำอันโหดร้ายได้อีกต่อไป ภาพความโหดร้ายตามหลอกหลอนเขา เขาจึงหนีจากเมืองหลวงกรุงดามาสกัสและกลับไปที่บ้านเกิดในเมืองฮันตูติน เขาผลัดจากชุดเครื่องแบบมาสวมผ้าคลุมขาว และตัดสินใจออกตามความฝันของเขาที่มีมานาน คือการเป็นคนสอนศาสนาอิสลามแก่เด็กๆ

โมฮัมหมัดตั้งห้องละหมาดและส่วนของเก้าอี้นั่งในมัสยิดท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของรัฐบาล ในปัจจุบันจะมีเด็กๆ เดินทางเข้าไปในมัสยิดผ่านช่องกำแพงที่เกิดจากการถูกทิ้งระเบิดใส่ โดยมีอาบู โมฮัมหมัดจัดชั้นเรียนให้ท่องคัมภีร์อัลกุรอานและสอนหลักการของศาสนาอิสลามให้แก่เด็กๆ วันละหนึ่งชั่วโมง

"มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด" โมฮัมหมัดกล่าว "สามปีก่อน ตอนที่ผมยังเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ ผมได้อนุปริญญาในการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอาน แล้วก็เข้าไปเรียนในชั้นเรียนศาสนาอย่างลับๆ เพราะถ้าหากว่ารัฐบาลรู้เรื่องที่ผมศึกษาด้านศาสนา พวกเขาจะกลั่นแกล้งหรือแม้กระทั่งจับกุมตัวผม"

สำนักข่าวอัลจาซีร่ากล่าวว่ารัฐบาลซีเรียยกย่องตนเองว่าเป็นป้อมปราการของฆราวาสนิยมท่ามกลางโลกอาหรับมาหลายสิบปี พวกเขาใช้กำลังปราบปรามผู้เคร่งครัดอิสลามและใช้อิทธิพลบังคับการศึกษาเรื่องศาสนา

เยียวยาจิตใจเหยื่อความรุนแรง

โมฮัมหมัดบอกว่า การลุกฮือต่อต้านประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นแรงผลักดันให้เขาออกจากงานที่เขาเกลียด ในตอนนี้เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการเติมช่องว่างด้านการศึกษาในบ้านเกิดของเขาซึ่งถูกทิ้งระเบิดและเด็กๆ ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ

อัลจาซีร่ารายงานว่ารถถังของรัฐบาลได้ทำลายทั้งโรงเรียนและมัสยิดในฮัสตูติน เมืองเล็กๆ แห่งนี้ถูกยิงถล่มต่อเนื่องนับตั้งแต่ฝ่ายกบฏเข้ายึดครองเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่ผ่านมา (2012) ครูในโรงเรียนพากันหนีตาย นักเรียนไม่ได้เข้าเรียนเลยตลอดปี

อาห์หมัดเด็กนักเรียนอายุ 10 ปี บอกว่าเขาคิดถึงโรงเรียน พ่อแม่ส่งเขาไปเรียนคัมภีร์อัลกุรอานที่มัสยิดซึ่งเขาชอบ พ่อของอาห์หมัดบอกว่าเขาหวังว่าอาห์หมัดจะได้เรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่ก็เป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป เขาไม่อยากให้ลูกเขาอยู่นอกบ้านเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน ขณะเดียวกันก็บอกว่าการท่องคัมภีร์จะช่วยให้ลูกของเขาได้ฝึกฝนภาษาอาหรับดั้งเดิมไปในตัว

อาห์หมัดถือคัมภีร์อัลกุรอานวิ่งไปเรียนท่ามกลางเสียงระเบิด เขาบอกว่าเขาเริ่มชินกับเสียงพวกนี้แล้ว แต่อาบู โมฮัมหมัดก็พยายามสอนนักเรียนให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

โมฮัมหมัดกล่าวว่า แนวคิดเรื่องการสอนของเขาไม่ได้แค่ต้องการสอนอัลกุรอานแก่เด็กๆ แต่ต้องการช่วยพวกเขาให้สามารถจัดการเยียวยาจิตใจตนเองจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตปกครองอิดลิบจากการที่ทั้งฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาลพยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์แห่งนี้

"มีเด็กบางคนที่มาเข้าเรียนเป็นลูกของผู้พลีชีพ เด็กหลายคนสูญเสียพ่อและแม่ของตนจากการถูกทิ้งระเบิด พวกเขาต้องการความช่วยเหลือทางอารมณ์และการเอาใจใส่ ผมพยายามช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" โมฮัมหมัดกล่าว

อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศกล่าวอีกว่าเขายังคงรู้สึกผิดกับการที่ได้แต่นิ่งเงียบเฝ้าดูการกระทำอันโหดร้ายขณะที่เขายังอยู่ในหน่วยข่าวกรองซึ่งเป็นสิ่งรบกวนจิตใจเขามาก แต่หลังจากที่เขาได้เริ่มสอนหนังสือ เขาก็รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น

"เวลาได้เห็นเด็กๆ รู้สึกมีความสุขตอนเดินออกจากมัสยิด มันทำให้ผมจิตใจสงบ" โมฮัมหมัดกล่าว


เรียบเรียงจาก

Teaching Quran to escape Syria torture horror, Aljazeera, 21-01-2013
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net