"สำนักข่าวอิระวดี" รายงานว่ามีการโจมตีอีกระลอกบริเวณป้อมของทหารคะฉิ่น KIA ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ก่อนถึงเมืองไลซา ฐานที่มั่นใหญ่ ขณะที่มีเด็กผู้อพยพชาวคะฉิ่น 3 รายเสียชีวิตหลังอุบัติเหตุบังเกอร์หลบภัยถล่ม
ทหารกองทัพแห่งอิสรภาพคะฉิ่น KIA ที่แนวหน้า (ที่มา: Lachid-Kachin/แฟ้มภาพ)
สำนักข่าวอิระวดี รายงานเมื่อ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า กองทัพรัฐบาลพม่าและกองทัพแห่งอิสรภาพคะฉิ่น (Kachin Independence Army - KIA) ได้รบกันอย่างดุเดือดบริเวณเทือกเขาที่เป็นจุดยุทธศาสตร์รอบเมืองไลซา ฐานที่มั่นสำคัญของกองทัพแห่งอิสรภาพคะฉิ่น นอกจากนี้กองทัพพม่ายังเปิดการโจมตีทางอากาศบริเวณดังกล่าวด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลของผู้บัญชาการฝ่ายคะฉิ่น KIA
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ยังให้ข้อมูลด้วยว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 ม.ค.) ทางตอนเหนือของรัฐคะฉิ่น ยังมีเด็กสามรายเสียชีวิตในค่ายผู้อพยพหลังอุโมงค์หลบภัยที่พวกเขาเข้าไปเล่นเกิดพังถล่ม
ทั้งนี้ พ.ต.มิน เท นายทหารของกลุ่มแนวหน้านักศึกษาพม่าทั้งมวลเพื่อประชาธิปไตย (ABSBF) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของนักศึกษาพม่าที่สู้รบร่วมกับฝ่ายกองทัพคะฉิ่น KIA ให้ข้อมูลว่ารัฐบาลได้โจมตีป้อมของฝ่ายกบฎที่ตั้งอยู่บนยอดเขา 2 แห่ง คือยอดเขาคารา และยอดเขาลิมบุมเมื่อบ่ายวันอังคารนี้ "เราได้สู้กับทหารของรัฐบาลในวันนี้" เขากล่าวกับสำนักข่าวอิระวดีทางโทรศัพท์ "กองทัพรัฐบาลได้โจมตีภาคพื้นดินใส่ป้อมบนยอดเขาคารา แต่พวกเราได้ยิงโต้กลับ"
เขากล่าวด้วยว่าในช่วงที่มีการสู้รบ กองทัพพม่าได้เรียกให้มีการโจมตีทางอากาศโดยถล่ม 2 เฝ้าหมายซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไลซา ฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพคะฉิ่น KIA บริเวณชายแดนจีน-พม่าไปไม่ถึง 10 กิโลเมตร
"เมื่อวันอังคารเวลาราว 14.30 น. มีเครื่องบินเจ็ท 2 ลำทิ้งระเบิดใส่ป้อมที่ยอดเขาคารา และลิมบุม" พ.ต.มิน เท กล่าว และให้ข้อมูลด้วยว่าการสู้รบดำเนินไปถึงบ่ายวันอังคาร
ทั้งนี้เมื่อไม่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพรัฐบาลพม่าได้ยึดป้อมของฝ่ายคะฉิ่น KIA ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาได้อย่างน้อย 2 แห่ง คือป้อมที่เนิน 771 และป้อมที่ยอดเขาฟุนพยันบุม
ประชาชนในเมืองไลซากล่าวว่าเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่ใส่ย่านจันจ็อดกลางเมืองไลซาอีก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ย่านดังกล่าวจนทำให้พลเรือนเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย
"มีการยิงปืนใหญ่สองครั้งเมื่อคืนวันจันทร์ราว 22.45 น." ชาวไลซาคนหนึ่งกล่าว "เรารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเรา" ทั้งนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในการโจมตีเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่รอบแรก ได้แก่ เด็กหญิงอายุ 10 ขวบ และหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งได้รับบาดเจ็บบริเวณช่วงล่าง ทั้งคู่ถูกนำส่งไปยังมณฑลยูนนานของจีนแล้วเพื่อรีบการรักษา
ขณะเดียวกันแมรี่ ทอวน์ เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ขององค์กรแสงแห่งประชาชนคะฉิ่น (Wun Tawng Ningtwey หรือ Light of the Kachin People) กล่าวด้วยว่าเมื่อวันอังคารนี้ (15 ม.ค.) ที่ค่ายผู้ลี้ภัยบาร์คา เทาท์ในรัฐคะฉิ่น มีเด็กชายสี่คนถูกบังเกอร์ที่ชาวบ้านสร้างขึ้นเองถล่มทับหลังเกิดเหตุโคลนถล่ม โดยช่วงที่เกิดเหตุเด็กๆ เล่นกันอยู่ในบริเวณดังกล่าวพอดี
โดยมีเด็กสามคนอายุระหว่าง 11 ถึง 13 ปีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว "มีเพียงเด็กหนึ่งคนจากสี่คนที่รอดชีวิต เรื่องเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที" แมรี่ ทอวน์กล่า "พวกเราคลาดจากเด็กเหล่านั้นซึ่งออกไปเล่นในช่วงเวลาอาหารกลางวัน"
แมรี่ ทอวน์ ระบุด้วยว่าบังเกอร์ที่ชาวบ้านทำขึ้นอันตรายสำหรับเด็กเล็ก แต่ก็จำเป็นต้องขุดเนื่องจากการสู้รบเข้าใกล้บริเวณค่ายผู้อพยพเรื่อยๆ "ยิ่งมีการโจมตีทางอากาศและการยิงปืนใหญ่ใกล้กับแคมป์ เราจำเป็นต้องขุดบังเกอร์มากขึ้น" เธอกล่าวกับอิระวดี
นอกจากนี้นี้องค์กรแสงแห่งประชาชนคะฉิ่น ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านราว 10,000 คน ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อยพยพ 6 แห่งทางตอนเหนือของรัฐคะฉิ่น โดยช่วยแจกอาหาร ที่พัก และจัดการเรียนการสอนให้เด็กในค่าย นอกจากนี้องค์กรแสงแห่งประชาชนคะฉิ่นยังเปิดโรงเรียนประถมที่ค่ายบาร์คา เทาท์ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองไมจายัง ห่างจากไลซาไปทางเหนือหลายร้อยกิโลเมตร
ทั้งนี้มีการประมาณการว่ามีชาวบ้านคะฉิ่นราว 100,000 รายต้องอพยพหลังการสู้รบในรัฐคะฉิ่นเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนปี 2554 ซึ่งทำให้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกองทัพแห่งอิสรภาพคะฉิ่น KIA และรัฐบาลพม่าถูกยกเลิก
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Airstrikes, Ground Fighting Continue Near Laiza, By NYEIN NYEIN / THE IRRAWADDY| January 15, 2013