Skip to main content
sharethis

กรณีช่างภาพเนชั่น ล้มป่วยขณะปฏิบัติหน้าที่รัฐสภา แต่รถพยาบาลสภาไม่รีบนำส่ง จนได้รถจากศูนย์นเรนทรส่ง รพ.กลางนั้น ล่าสุดแพทย์เจ้าของไข้ระบุเริ่มควบคุมความดันได้แล้ว ผลการผ่าตัดออกมาดี แต่อาการยังถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ส่วนปธ.ชมรมช่างภาพการเมืองเรียกร้องให้พิธีกร "Wake Up Thailand" ขอโทษช่างภาพ ด้าน "ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข" พร้อมขอโทษด้วยใจจริง

กรณีข่าวนายสกล สนธิรัตน ช่างภาพศูนย์ภาพเนชั่น ประจำรัฐสภา เกิดอาการความดันโลหิตสูงกำเริบจนล้มลงหมดสติขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ถ่ายภาพการแถลงข่าวของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่เจ้าหน้าที่และพยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าปฏิเสธที่จะนำรถพยาบาลฉุกเฉินประจำรัฐสภาส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยชี้แจงว่า“เคยมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นไปส่งคนไข้ แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในสภาฯ ซ้อนขึ้นมา หากนำรถออกไปกลัวผู้ใหญ่ต่อว่า ต้องรอให้รถอีกคันมาก่อน” (ข่าวที่เกี่ยวข้อง) จนในที่สุดต้องประสานขอรถฉุกเฉินของศูนย์นเรนทร นอกรัฐสภา นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง โดยขณะนี้อาการนายสกลยังอยู่ในห้องไอซียูนั้น

 

แพทย์แถลงอาการช่างภาพเนชั่นยังอยู่ในภาวะวิกฤตต้องดูแลใกล้ชิด

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเผยแพร่ภาพ น.ส.อมรรัตน์  มหิทธิรุกธ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กรรมการและเจ้าหน้าที่สมาคมร่วมกันไปเยี่ยมไข้และให้กำลังใจนายสกล สนธิรัตน ช่างภาพหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ที่ล้มป่วยขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับให้กำลังใจญาติของนายสกล เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา (ที่มาของภาพ: เว็บไซต์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย)

ล่าสุด เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ม.ค. โรงพยาบาลกลางออกแถลงการณ์สรุปอาการของนายสกลว่า ยังมีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมโดยยา และยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น ซึ่งจะต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

นพ.ชูวิทย์ ประดิษฐบาทุกา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง กล่าวว่า อาการของนายสกลดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังถือว่าทรงตัว ขาสามารถขยับได้เล็กน้อย แต่ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และรักษาอาการอยู่ในห้องไอซียู เฝ้าดูอาการใกล้ชิดอีกหลายวัน

นพ.ชูวิทย์ กล่าวว่า จากที่ได้ผ่าตัดเจาะน้ำในสมองออกเพื่อลดอาการสมองบวม จะต้องรอให้สมองฟื้นตัว ขณะที่อาการเส้นเลือดในสมองแตกบริเวณสมองส่วนกลาง เนื่องจากความดันสูง จนเป็นเหตุให้นายสกลหมดสติขณะทำงานอยู่ที่อาคารรัฐสภาเมื่อ 2 วันก่อนนั้น ถือว่าเป็นจุดสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนใหญ่ ซึ่งพบว่าสมองหลายส่วนถูกกดทับ

ด้าน นพ.ชัยพล วุฒิโอภาส ประสาทศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลกลาง และแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า แรกรับคนไข้เข้ามาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนั้น อาการถือว่ายังใช้ได้อยู่ พูดจาถามตอบ ลืมตา และทำตามคำสั่งของแพทย์ได้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะยังไม่มีเลือดไหลซึมออกมามาก แต่ภายหลังเมื่อมีเลือดไหลออกจากแกนสมองเป็นจำนวนมากจนอาการทรุดลงไปนั้น ก็ได้ปรึกษาญาติว่าจะทำการผ่าตัดเอาเลือดที่แตกเข้าไปคั่งอยู่โพรงน้ำในสมองออกมา

"หลังผ่าตัดได้เอกซเรย์สมองอีกครั้งก็พบว่าเลือดหยุดไหลแล้วแต่ยังมีน้ำคั่งอยู่ในโพรงน้ำในสมองอยู่ จึงผ่าตัดต่อสายยางระบายน้ำออกจากสมองอีกครั้งหนึ่ง" นพ.ชัยพล กล่าว

แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวต่อว่า อาการของคนไข้ในขณะนี้เริ่มควบคุมความดันได้แล้ว ผลการผ่าตัดออกมาดี แต่อาการยังถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ เนื่องจากสมองถูกทำลายไปมาก คนไข้ก็ยังไม่มีอาการตอบสนองแต่อย่างใด

"อาการเลือดออกในแกนสมองนั้น คนไข้อาจจะเสียชีวิตได้ภายใน 24-48 ชม. สำหรับคนไข้รายนี้ก็เช่นกันหากปล่อยไว้ไม่ทำอะไรก็จะเสียชีวิตแน่นอน แต่แพทย์กับญาติได้ปรึกษากันแล้วว่าจะผ่าตัดเพื่อสู้ต่อสักตั้ง แม้ความหวังจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม ซึ่งทางแพทย์ก็ยังต้องเฝ้าติดตามอาการกันตลอดเวลา" นพ.ชัยพล ระบุ

 

ปธ.ชมรมช่างภาพการเมืองเรียกร้องพิธีกร Wake Up Thailand ขอขมาช่างภาพเนชั่น

รายการ Wake Up Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Voice TV เมื่อ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนกรณีที่พิธีกรรายการ Wake Up Thailand รายการเล่าข่าวช่วงเช้าทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Voice TV ได้แก่ มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ และนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการบริหาร นสพ.ออนไลน์ประชาไท กล่าวถึงข่าวนายสกล สนธิรัตน ช่างภาพเครือเนชั่น ที่ล้มป่วยขณะปฏิบัติหน้าที่รัฐสภา ในระหว่างการออกอากาศเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา และต่อมาถูกวิจารณ์นั้น

ล่าสุดวันนี้ (12 ม.ค.) นายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ได้โพสต์แถลงการณ์ของชมรมในหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง มีใจความว่า "หลังเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อนายสกล (เอ๋) สนธิรัตน ช่างภาพในเครือหนังสือพิมพ์เนชั่น และคณะกรรมการของชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งต่อมาพิธีกรในรายการ “Wake Up Thailand” รายการเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV ที่ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นายชูวัส ฤกษ์ศรีสุข และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ได้สร้างวาทกรรมกล่าวหาอาการป่วยของนายสกลว่าเป็นดราม่าของผู้สื่อข่าวนั้น ผมเสียใจต่อพิธีกรทั้ง 3 คนนี้จริงๆ ที่บิดเบือนเรื่องทั้งหมดต่อกรณีที่ช่างภาพสำนักข่าวเนชั่นเกิดอาการผิดปกติสะดุดล้ม แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าใช้รถพยาบาลที่ประจำอยู่รัฐสภา เนื่องจากต้องคอยบริการ ส.ส. จนความล่าช้ากว่าครึ่งชั่วโมง"

"การกล่าวหามีการบิดเบือนประเด็นให้เป็นเรื่องห้องพยาบาลรัฐที่มีจำนวนไม่เพียงพอ จนไปถึงการระบุว่า“คุณหมอพยาบาลอยู่ในที่นั้นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปโรงพยาบาล" ทั้งที่พิธีกรทั้ 3 คน ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง และไม่รู้ว่าอาการของผู้ป่วยในขณะนั้นเป็นอย่างไร มีอุปกรณ์มากเพียงพอในการรักษาที่อาคารรัฐสภาหรือไม่ โดยไปพูดออกอากาศต่อสาธารณชนสร้างความเสียหายต่อสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยไม่มีข้อมูลที่แท้จริง อาศัยคราบผู้ดีใส่สูท วิพากษ์วิจารณ์แต่สิ่งที่กลุ่มตนเองได้ประโยชน์ ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนขูดเลือดเนื้อประชาชน หาแต่ผลประโยชน์ใส่ตัวเอง"

"ผมเสียใจครับต่อ 3 พิธีกรในรายการนี้ ที่อาศัยคำว่าสื่อ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ระดับมันสมองอย่าง 3 พิธีกรในรายการนี้ ไม่ใช่แค่เม็ดถั่วเขียวที่ไม่มีสายตาอันกว้างไกล ต้องตระหนักเสมอว่า การที่จะนำข้อมูลข้อเท็จจริงไปวิพากษ์วิจารณ์นั้นมีเนื้อหาเท็จจริงประการใด มิใช่แต่จะสร้างกระแส แก้ดำให้เป็นขาว เพื่อเป็นการเอาใจใครบางกลุ่ม ถ้ามีจิตสำนึกควรตระหนักในเรื่องนี้บ้าง การจะทำหน้าที่สื่อถามว่าเราไม่อยากที่จะต้องคอยมาตรวจสอบกันเองหรอกว่าใครดีใครเลว"

"ผมในฐานะประธานชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรเล็กๆที่รวมตัวก่อตั้งกันขึ้นมาจากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างสังคมที่โรยราให้เข้มแข็งขึ้น มุ่งมั่นจะทำในสิ่งที่ดีต่อสังคมเพื่อเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการสื่อเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ไม่มุ่งมั่นหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง"

"ในท้ายสุดนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่าน 3 พิธีกรในรายการ “Wake Up Thailand” รายการเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV ควรที่จะมีจิตสำนึกของความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เอาความจริงมาพูดกัน สัตว์เดรัจฉาน มันยังรักพวกพ้อง มันไม่หากินบนซากของพวกมันเองเลย แต่เรามันเป็นมนุษย์ที่มีความคิด อย่าทับถมกันเลยครับ และถ้าเป็นการดีควรจะขอโทษ ควรจะไปกราบตีนนายสกล (เอ๋) สนธิรัตน ช่างภาพในเครือหนังสือพิมพ์เนชั่น และคณะกรรมการของชมรมช่างภาพการเมือง เพื่อเป็นการขอโทษเพื่อนสื่อด้วยกัน ที่ยังนอนรักษาตัวอย่างไร้สติ ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกลางครับ จากใจประธานชมรมช่างภาพการเมือง" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าในแถลงการณ์ของนายฉลาด ที่ระบุว่าพิธีกรรายการ Wake Up Thailand "สร้างวาทกรรมกล่าวหาอาการป่วยของนายสกลว่าเป็นดราม่าของผู้สื่อข่าว" นั้น เมื่อตรวจสอบเทปออกอากาศของ Wake Up Thailand เมื่อ 11 ม.ค. ที่ผ่านมาไม่มีข้อความจากพิธีกรรายการกล่าวหาอาการป่วยของนายสกล แต่อย่างใด มีเพียงการกล่าวถึงวิธีนำเสนอข่าวดังกล่าวของสื่อมวลชนว่าเป็น "ดราม่าเพื่อด่านักการเมือง" โดยรายละเอียดของเทปออกอากาศช่วงดังกล่าวสามารถอ่านได้ท้ายข่าว

ทั้งนี้มีสื่อบางสำนักที่นำเสนอถ้อยคำของพิธีกรรายการ Wake Up Thailand ดังกล่าวแบบคาดเคลื่อนไปจากที่ออกอากาศ เช่น เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวโดยพาดหัวว่า "พิธีกร VoiceTV หยาม “ช่างภาพ” วูบดรามาด่านักการเมือง" ส่วนไทยโพสต์ พาดหัวข่าวว่า "อัปรีย์‘สื่อแดง’ มองข้ามชีวิต ช่างภาพรัฐสภา"

ขณะที่ก่อนหน้านี้มีการชี้แจงจากประธานรัฐสภา ภายหลังเกิดเหตุว่าไม่มีนโยบายที่ว่าไม่ให้รถพยาบาลออกไปจากรัฐสภา ซึ่งสามารถนำรถออกไปได้ และให้รถพยาบาลคันใหม่เข้ามาแทน และเนื่องจากกรณีนี้ต่อไปหากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นใครในสภาฯ ก็สามารถใช้รถพยาบาลได้ทันที

 

ผู้สื่อข่าวอาวุโสแนะพิธีกรปรับปรุง ด้าน "ชูวัส" เผยตั้งใจขอโทษด้วยใจจริง

ด้านนิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุคส่วนตัว ว่า "งานนี้พิธีกรรายการ Wake Up Thailand ของวอยซ์ทีวี พูดไม่สวย ความเป็นความตายของคนไม่ใช่เรื่องสำหรับเอามาวิจารณ์กันเรื่อยเปื่อย จริงอยู่ แม้จะมีแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฎออกมาแก้ข่าวแล้วว่า ไม่ได้ปฏิเสธ ไม่ได้ชักช้า ทำตามขั้นตอน บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังสงสัยว่าถ้าผู้ป่วยเป็นคนอื่นที่มีชื่อเสียง จะเร็วกว่านี้ไหม และถ้าเร็วกว่านี้ อาการคุณสกลจะดีกว่านี้ไหม?

นอกจากนั้น ก็เป็นความจริงว่า มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์พูดว่า ไม่กล้านำรถพยาบาลพาช่างภาพไปส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวถูกผู้ใหญ่ดุ เนื่องจากเป็นรถสำหรับ สว สส ของรัฐสภา

ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่พูดอย่างนี้ คำอธิบายของโรงพยาบาลพระมงกุฎอาจน่าฟังกว่านี้

โปรดทราบว่า นักข่าว ช่างภาพ มิได้มีสิทธิพิเศษเหนือผู้ใดในสังคม การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ประจำรัฐสภาในกรณีคุณสกลนั้น มิใช่เพราะคุณสกลเป็นคนในวงการสื่อสารมวลชน แต่เพราะคุณสกลเป็น "คน" ที่มีสิทธิและศักดิ์ของคน คุณสกลและญาติพี่น้องมิตรสหายของคณสกล มีสิทธิสงสัยว่าคุณสกลได้รับการปฏิบัติอย่างคนเสมอคนหรือไม่ และหากกรณีนี้ไม่ใช่คุณสกล แต่เป็นแม่ค้าขายน้ำในรัฐสภา ก็ต้องพิจารณาแบบเดียวกัน

ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว คุณตี้ กรรมาชน (หมายถึง นายกิติพงษ์ บุญประสิทธิ์ ศิลปินวงกรรมาชน) เพื่อนผู้ล่วงลับ เคยมีอาการแบบเดียวกันนี้ และหลายๆ คนที่อยู่แวดล้อมก็เคยคิดว่า ไม่เป็นไร ยังพูดโต้ตอบได้ คงไม่เป็นไร แต่ความจริงคือ "เป็น" การพูดจาโต้ตอบได้บ้างของผู้ป่วย มิได้เป็นเครื่องหมายของความปลอดภัยเสมอไป

"คนทั่วไปยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยและการรักษาโรคน้อยบ่อยครั้งคนไข้และผู้เกี่ยวข้องกับคนไข้มักโกรธหมอว่าไม่รักษาทั้งๆ ที่หมอรักษาแล้วหรือกำลังรักษาตามขั้นตอน หากคนไข้และผู้เกี่ยวข้องกับคนไข้ไม่เข้าใจ แต่บ่อยครั้งก็มีเหตุที่คนไข้และผู้เกี่ยวข้องกับคนไข้สมควรหงุดหงิดกับหมอ พยาบาล และคนทำงานฝ่ายต่างๆ ในโรงพยาบาล......"

นิธินันท์แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า "ประเด็นของดิฉันคือ คุณชูวัส ในฐานะสื่อ พิธีกรทีวี ไม่ควรรีบพูดอย่างนั้นออกอากาศน่ะค่ะ ก็ควรต้องวิพากษ์วิจารณ์กันได้ เพื่อปรับปรุงนะคะ"

ล่าสุดนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข ได้โพสต์ในสเตตัสของ นิธินันท์ว่า "ขอบคุณครับ ผมตั้งใจขอโทษด้วยใจจริง"

 

สำหรับการออกอากาศของรายการ Wake Up Thailand วันที่ 11 ม.ค. เฉพาะช่วงที่กล่าวถึงกรณีข่าวการป่วยของนายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพเครือเนชั่น ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ประจำรัฐสภา แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ปฏิเสธไม่นำรถพยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎที่รัฐสภามารับตัวนายสกลไปส่งโรงพยาบาลมีรายละเอียดดังนี้

เทปช่วงหนึ่งของรายการ Wake Up Thailand วันที่ 11 ม.ค. 56 (ที่มา: Voice TV)
 

มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ดูภาพจากเหตุการณ์ที่นายสกล สนธิรัตน ผมดูจากไทยโพสต์นะครับ ช่างภาพของเดอะเนชั่น ช็อคเส้นเลือดในสมองแตก แพทย์ประจำรัฐสภาไม่ได้เร่งรีบนำส่งโรงพยาบาล  เมื่อวานนี้ผู้สื่อข่าวก็งงกันใหญ่ที่สภาว่า ทำไมปล่อย ไม่เข้าไปช่วยช่างภาพคนนี้แบบที่ควรจะทำแบบรวดเร็ว

ซึ่งก็คือต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวานนี้นิดหนึ่งที่อาคารรัฐสภา ระหว่างที่มีการแถลงข่าวของประธานสภาที่เตรียมแถลงข่าวเรื่องวันเด็ก ปรากฏว่าช่างภาพของเนชั่น คุณสกล สนธิรัตน์ เกิดอาการผิดปกติสะดุดล้ม ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องประคองตัวมานั่งพัก อาการก็ไม่ดีขึ้นในช่วงนั้น เสร็จแล้วคนที่นั่งใกล้ๆ บอกว่าต้องพาไปส่งโรงพยาบาล

คราวนี้เมื่อเจ้าหน้าที่พยาบาลมาถึงปรากฏว่านี่คือในไทยโพสต์เขียนว่า ยังมัวแต่ถาม ซักไซร้อาการราวกับว่าเป็นอาการธรรมดาทั่วไป ไปวัดความดัน ไปถามไถ่นานกว่า 10 นาที นะฮะ ช่วงแรกคุณสกลยังตอบได้ แต่เมื่อถูกซักถามมากๆ เจ้าตัวเลยตะโกนออกมาบอกว่า ผมไม่ไหวแล้ว ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว

ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข - ครับ

มล.ณัฏฐกรณ์ - ทีนี้หลายคนก็ตั้งคำถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่พยาบาลไม่เอาขึ้นรถไปโรงพยาบาลเลยทันที คือในที่สุดก็มีคนประสานนำเตียงพยาบาลมารับผู้ป่วย และรถพยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎที่นำส่งนายสกลไปโรงพยาบาลกลาง แต่ประเด็นก็คือว่า มีช่วงหนึ่งที่มีการปล่อยนาน และเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ประจำที่สภาดันไม่ช่วย นักข่าวบางคนก็ตั้งคำถามในเฟซบุคว่ามีไว้เฉพาะช่วย ส.ส. หรือ ส.ว. หรือไง ทำไมไม่ช่วยช่างภาพที่เป็นแบบนี้

ชูวัส - ก็เลยกลายเป็นประเด็นนั้นไป

มล.ณัฏฐกรณ์ - กลายเป็นประเด็นว่า แพทย์ พยาบาลไม่ทำหน้าที่

ชูวัส - ประเด็นนั้นก็น่าสนใจนะครับ แต่ผมไม่เชื่อว่าใครจะไร้มนุษยธรรมแบบนั้น หมายถึงว่าตัวนักการเมืองหรือผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้ทรงเกียรติเลือกตั้งเข้าไปแล้วจะไม่เข้าใจประเด็นแบบนี้ ประเด็นแบบนี้กับชาวบ้านก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ชาวบ้านก็รู้สึกยอมไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าปัญหาเรื่องการแพทย์ทั้งหมด เป็นปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิคซึ่งเกิดเสมอ เช่น เวลาคุณไปหาหมอ .คุยนานเกินไป รักษาไม่รักษาสักที" โดนหมอกับคนไข้ทะเลาะกันเยอะ แต่ก็ดีนะฮะเรื่องนี้ไม่ดราม่ามากเกินไป แต่ถามว่า หมออยู่ในที่นั่นหรือไม่ อยู่แล้วนะฮะ คุณหมอพยาบาลอยู่ในที่นั้่นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปโรงพยาบาล

มล.ณัฏฐกรณ์ - เดี๋ยวนะ แต่ว่าประธานสภาชี้แจงเรื่องนี้ว่าไม่มีนโยบายไม่ให้รถพยาบาลออกไปจากรัฐสภา จริงๆ สามารถนำรถออกไปได้และให้รถพยาบาลคันใหม่เข้ามาก็ได้ ไม่ได้มีอะไรห้ามอยู่

ชูวัส - ครับ คือพยาบาลและบุคลากรทางแพทย์ที่อยู่ที่นั่น เขาก็ต้องวินิจฉัยก่อนที่จะนำส่ง ใช่ไหมฮะ เขาวินิจฉัยขึ้นต้น มีหมออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เขาต้องใช้เวลาวินิจฉัย แต่เวลามันสัมพัทธ์ มันไม่ทันใจกับเพื่อนมิตรที่อยู่ตรงนั้นซึ่งเป็นห่วงอาการ ซึ่งบอกไม่ถูกหรอกเรื่องนี้ใครผิดใครถูก เป็นเรื่องที่เห็นใจน่ะ เพื่อนที่กำลังจะไม่รู้จะเป็นอะไร ก็อยากให้ส่งโรงพยาบาล ไม่ทันใจ ช้า ช้าเร็วสำหรับหมอมันไม่ช้า แต่สำหรับคนไข้มันช้า

มล.ณัฏฐกรณ์ - คราวนี้อาการแสกนสมองเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยมีเลือดออกบริเวณแกนสมอง แต่ยังอยู่ในส่วนที่ดียังไม่ต้องผ่าตัด อาการยังไม่แย่ แต่ก็ดูน่ากลัวมากเมื่อวานนี้

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ - ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ จริงๆ แล้วโรงพยาบาลของรัฐจำนวนมาก มีห้องพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ ในต้นสังกัดของโรงพยาบาลใน กทม. จำนวนมาก เช่น ถ้าเราเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาล ถ้าเราขอห้องเขาจะบอกว่าเต็ม แต่ในความเป็นจริงคือโรงพยาบาลเหล่านี้จะมีห้องพิเศษ 3-4 ห้องเก็บไว้ให้ผู้บริหารของโรงพยาบาลหรือผู้ใหญ่ของ กทม. เสมอ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจระบบโรงพยาบาลรัฐของประเทศไทยเหมือนกัน

ชูวัส - ครับเหตุผลที่เขานั่นก็คือ รถพยาบาลต้องเผื่อไว้ฉุกเฉินสำหรับผู้ทรงเกียรติอะไรอย่างนี้ใช่ไหม คือการสื่อสารอย่างนี้เป็นปัญหา

ศิโรตม์ - อันนี้เป็นดราม่าเพื่อด่านักการเมือง แต่ผมคิดว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้คนที่โวยวายเรื่องนี้ไปตามคือโรงพยาบาลรัฐจำนวนมากมีห้องไม่ให้คนธรรมดาใช้ เก็บไว้เป็นห้องว่างอย่างน้อย 3-4 ห้องให้ผู้ใหญ่ของหน่วยงานต่างๆ เข้าไปรักษาได้ตลอดเวลา คิดว่าเรื่องนี้ก็ต้องตามดู

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net