Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

สังคมเขมรเรียกกลุ่มชายรักชายว่า “เขฺตย” (exÞIy) หรือ “เปเด” (คำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า Pédé หรือ Pédérastie  เนื่องจากเขมรเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาก่อน จึงยืมคำศัพท์ในภาษาฝรั่งเศสมาใช้)   คนกลุ่มนี้ไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงมากนัก เพราะสังคมยกย่องความเป็นชายเป็นหญิงเท่านั้น  และไม่ยอมรับกลุ่มรักร่วมเพศ (ชายรักชาย,หญิงรักหญิง) ที่เรียกว่า “กลุ่มเพศที่ 3” (®kumePTTIbI) ซึ่งถูกตีตราว่า “ผิดปรกติ” เท่าที่ควร

ขณะที่สังคมกำลังปฏิเสธความผิดปรกติดังกล่าว  กลุ่มชายรักชายในสังคมเขมรก็ได้สร้าง “พื้นที่” เพื่อที่จะทำให้กลุ่มของตนได้สามารถตอบสนองแรงขับทางเพศ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้น และเป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อยไปกว่าการกิน  การนอน และการขับถ่ายเลย   พื้นที่ของกลุ่มชายรักชายที่ว่านี้  ได้แก่ ซาวน่า  สปา  รวมทั้งบ้านพักที่เปิดให้บริการทางเพศในลักษณะแอบแฝง

 ซาวน่า (Sauna) มีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้น ภายในประกอบไปด้วยห้องอบซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ห้องออกกำลังกาย (fitness) อ่างน้ำวน (jacuzzi) ห้องชมวีดีทัศน์ (ภาพยนตร์เรท X ที่แสดงการร่วมเพศระหว่างชายกับชายอย่างโจ่งแจ้ง)  ห้องสำหรับบริการอาหารและเครื่องดื่ม ห้องมืดหรือเขาวงกต  รวมทั้งห้องเล็กๆ อีกเป็นจำนวนมาก สำหรับใช้ประกอบกิจกรรมทางเพศ ซาวน่าในกรุงพนมเปญมีอยู่ 2 แห่ง คือ ซาวน่า“อาร์” ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์คุกตวลแสลง เปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 7 ปี โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00 – 22.00  น.  ค่าบริการครั้งละ 4 ดอลลาร์ โดยผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎของซาวน่า คือ เปลี่ยนชุดโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ ส่วนซาวน่าอีกแห่งหนึ่งคือ ซาวน่า“เค” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตลาดตวลตอมปูง  ซาวน่าแห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการมาได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ค่าบริการครั้งละ 3 ดอลลาร์​​​  ลักษณะของซาวน่า  เวลาเปิดปิด และกฎระเบียบต่างๆ ของซาวน่านั้น  ไม่ต่างจากซาวน่าอาร์แต่อย่างใด

ซาวน่าเป็นสถานที่ที่กลุ่มชายรักชายได้มีโอกาสพบปะกัน โดยอาศัยความพึงพอใจระหว่างบุคคลกับบุคคล จึงไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด ต่างจากสถานที่บางแห่งที่มีการซื้อขาย ซึ่งผู้ชายที่ขายน้ำ (กาม) นั้น  นอกจากจะเป็นกลุ่มชายรักชายแล้ว ยังมีกลุ่มชายแท้อีกด้วย​​

กลุ่มที่ให้บริการแอบแฝง  มักจะอยู่ในรูปของสปา ที่ให้บริการเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย สปาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกรุงพนมเปญชื่อ สปา“เอช”  เปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 – 24.00 น.  ค่าบริการนวดน้ำมันครั้งละ 10 ดอลล่าร์ / 1.5 ชั่วโมง ไม่รวมบริการเสริม  ที่ต้องจ่ายเพิ่มพิเศษให้แก่ผู้นวดอีกประมาณ 20 ดอลล่าร์ โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกผู้นวด ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี มีรูปร่างบึกบึนสมชายชาตรี  นั่งเรียงกันเป็นแถวอยู่ในภายตู้กระจก สปาเอชมีสาขาอยู่ที่จังหวัดเสียมเรียบด้วย  ความพิเศษของสปาแห่งนี้ คือ มีบริการส่งตรงถึงที่พักอีกด้วย

นอกจากสปาแล้ว  ยังมีบ้านพักที่เปิดให้บริการทางเพศแก่กลุ่มชายรักชาย  เจ้าของบ้านเป็นกะเทย โดยเปิดบ้านให้เป็นโรงแรม คิดค่าบริการครั้งละ 5 ดอลล่าร์ ในกรณีที่ผู้มาใช้บริการไม่ได้พาคู่นอนมาด้วย  เจ้าของบ้านจะเป็นผู้จัดการหาเด็กให้  โดยเจ้าของบ้านจะโฆษณาสรรพคุณของเด็กคนนั้น  ทั้งในเรื่องของขนาดและลีลา ราคาแล้วแต่จะตกลงกันระหว่างผู้ใช้บริการกับเด็กที่ขายบริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 5 ดอลล่าร์​​​ 

บ้านของพี เป็นตัวอย่างของบ้านที่มีการขายบริการทางเพศดังกล่าว ผู้ที่มาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา มีชาวต่างชาติเพียงเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย พีเป็นกะเทยเฒ่า  ไว้ผมยาว แต่งกายเป็นผู้หญิง อายุ 50 ปี อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ลักษณะเป็นห้องแถวชั้นเดียว ใกล้กับวัดมหามนตรี และสนามกีฬาแห่งชาติ  หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายกาแฟเล็กๆ  พีมีเด็กผู้ชายในสังกัดอยู่ประมาณ 40 คน ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมานั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเธอเป็นประจำตลอดทั้งวัน  เด็กเหล่านี้มีอายุอยู่ระหว่าง 15–25 ปี  ซึ่งแรงจูงใจที่ทำให้มาขายบริการทางเพศนั้น เป็นเพราะต้องการหาเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของครอบครัว โดยมีเพื่อนสนิทเป็นคนชักจูงมา 

ตัวอย่างของเด็กที่มาขายบริการทางเพศ เช่น  นายเอ กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หนีออกจากบ้านจากจังหวัดกำปอต มาขายแรงงานอยู่ในกรุงพนมเปญ  เนื่องจากบิดามีภรรยาใหม่ และไม่สนใจดูแลเขาเลย ในแต่ละวันเขาจะไปเรียนหนังสือในตอนเช้า  และใช้เวลาในช่วงบ่ายรับจ้างล้างรถจักรยานยนต์ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง รายได้ประมาณเดือนละ 200, 000​​ เรียล (ประมาณ 2,000​ บาท) ซึ่งถือว่าต่ำมาก  เมื่อเทียบกับการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง  เขาจึงต้องใช้เวลาในช่วงค่ำมาขายบริการทางเพศ  เพื่อให้มีรายได้เสริม

เอ ได้ชักชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียน คือ บี ให้มาขายบริการทางเพศด้วย  เขาเป็นลูกคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คน พี่ชายของเขาเรียนครู  ส่วนน้องสาวของเขาเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เขาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าเล็กๆ หลังหนึ่ง  พ่อของเขามีอาชีพขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รายได้ไม่แน่นอนนัก ส่วนแม่ของเขาเป็นแม่บ้าน เขาต้องการแบ่งเบาภาระของครอบครัว จึงได้มาขายบริการทางเพศ

เช่นเดียวกับซี ที่มาขายบริการทางเพศ  เพราะต้องการเงิน  ซีเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5  เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ที่มีแฟนเป็นผู้หญิง และเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง  เขามาขายบริการทางเพศเป็นครั้งคราว  เพื่อหาเงินไปเรียนหนังสือ  เนื่องจากพ่อแม่มีลูกหลายคน และฐานะทางบ้านยากจน

ผู้ชายที่มาขายบริการทางเพศที่บ้านของพี ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน และมีจำนวนไม่น้อยที่ครอบครัวแตกแยก  บ้านของพีเปิดให้บริการในลักษณะนี้มาหลายสิบปีแล้ว  โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด   นอกจากบ้านของพีแล้ว  ยังมีบ้านของดี ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับวัดพนม ดีเป็นกะเทย อายุประมาณ 44  ปี อาศัยอยู่บ้านเช่า ซึ่งปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมตามความเหมาะสม โดยเขาจะคิดค่าบริการครั้งละ 5,000 เรียล (ประมาณ 50 บาท) ส่วนราคาที่ผู้ใช้บริการทางเพศจะจ่ายให้แก่เด็กนั้น  ตามแต่จะตกลงกัน ดีมีเด็กในสังกัดอยู่ประมาณ  40 คน ซึ่งเด็กบางคนก็รับงานทั้งที่บ้านของพีและดี

การใช้บริการในลักษณะนี้  เจ้าของบ้านจะรับประกันความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการว่า  จะไม่มีการชิงทรัพย์  หรือทำร้ายร่างกายผู้มาใช้บริการ  ต่างจากกลุ่มที่ขายบริการทางเพศแบบอิสระ ซึ่งไม่มีสังกัด ส่วนใหญ่จะขายบริการทางเพศอยู่บริเวณสวนสาธารณะหน้าวิมานเอกราช หรือสนามกีฬาแห่งชาติ  การให้บริการนั้น  ผู้ใช้บริการจะเดินเข้าไปพูดคุยและสอบถามราคาจากผู้ให้บริการ ซึ่งยืนอยู่ทั่วไปรายรอบสวนสาธารณะ  ราคาค่าบริการครั้งละ 30 – 50  ดอลล่าร์ ขึ้นอยู่กับหน้าตา  ผิวพรรณ  หากแต่ไม่ปลอดภัยนัก โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  เพราะอาจถูกชิงทรัพย์หรือถูกทำร้ายร่างกายได้

การเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้ชายขายน้ำนั้น  เป็นเสมือนเครื่องชี้วัดความล้มเหลวทางด้านเศรษฐกิจและสังคม  สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความยากจน ที่ทำให้ผู้ชายเลือกที่จะประกอบอาชีพดังกล่าว  เนื่องจากรายได้ดี  อีกทั้งงานสบาย และไม่ต้องอาศัยความรู้  รวมทั้งปัญหาจริยธรรมที่เสื่อมทรามลง เนื่องจากผู้ชายขายน้ำส่วนใหญ่ยังคงเป็นเด็กและเยาวชน ที่ยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน แต่กลับต้องเข้าสู่วงจรอุบาทว์ ที่อาจพาชีวิตเข้าใกล้มหันตภัยร้ายอย่างโรคเอดส์ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน

“ผู้ชายขายน้ำ” คือ ความจริงที่มีอยู่ในสังคมเขมร และเป็นเสมือนภาพสะท้อน ที่ทำให้เรามองเห็นถึงการดำรงอยู่ และการเคลื่อนที่ไปของกลุ่มชายรักชายในสังคมเขมร  เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย (วังสราญรมย์ กรุงเทพฯ, ทุ่งศรีเมือง  อุบลราชธานี เป็นต้น) หรืออีกหลายๆ พื้นที่ในโลก




[1] ชื่อสถานที่และชื่อบุคคลในเรื่องนี้เป็นนามสมมติ เพื่อปกป้องผู้ให้ข้อมูลจากการเสียหายและละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net