Skip to main content
sharethis

หนุนสภาประชาสังคมฯ ขับเคลื่อนเวทีจัดการตนเอง พร้อมอาสาขยายผลแนวคิดการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษต่อนักศึกษาและเครือข่าย

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2555 ที่ห้องประชุมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จังหวัดยะลา สภาประชาสังคมชายแดนใต้จัดเวทีนโยบายสาธารณะชายแดนใต้จัดการตนเอง พลังการเมืองภาคประชาชนกำหนดอนาคตชายแดนใต้ โดยกลุ่มเป้าหมายในการจัดเวทีครั้งนี้ คือ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัดยะลา

นายธนัติ ทองนุ่น ข้าราชการเกษียณอายุและอาจารย์พิเศษสถาบันราชภัฎยะลา กล่าวว่า การกำหนดรูปแบบการปกครองพิเศษต้องตอบสนองกับวีถีชีวิตของคนในพื้นที่ เนื่องจากในพื้นที่แห่งนี้มีศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลายต่างกับพื้นที่อื่น และต้องดึงพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ และคนทุกกลุ่มเป้าหมายมาเป็นแรงขับเคลื่อนด้วย การตั้งชื่อกิจกรรมการขับเคลื่อนจะต้องคิดให้มากเพราะจะส่งผลต่อจิตวิทยาในการตัดสินใจเลือกและรับข้อเสนอของภาคประชาสังคม

นายธนัติ กล่าวต่ออีกว่า การสื่อสารเป็นหัวใจของการพัฒนา ดังนั้นการขับเคลื่อนแนวคิดการจัดการตนเองจึงต้องมีการสื่อสารที่ดี การให้ความรู้หรือให้การศึกษาเรื่องการจัดการตนเองแก่ชนชั้นรากหญ้าในมากขึ้นและกระทำอย่างต่อเนื่อง หลักใหญ่อยู่ที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถจัดการตนเองได้ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐไม่ได้ทำให้ประชาชนจัดการตนเองได้เลย

“หลังจากเกษียณผมเป็นอาจารย์พิเศษ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ผมจะนำประเด็นการปกครองรูปแบบพิเศษนี้ไปบอกต่อนักศึกษา ผ่านครูอาสาสมัครและเครือข่าย กศน.ในพื้นที่ รวมถึงจะนำไปบอกต่อในชมรมผู้สูงอายุ จ.ยะลา ชมรมครู กศน.จ.ยะลา ชมรมมิตรบำรุง ชมรมเพื่อสุขภาพ และสภากาแฟ นอกจากนี้จะนำไปบอกต่อสมาคมศิษย์สถาบันรัชภาค ซึ่งมีศิษย์เก่า 7-8 แสนคน” นายธนัติ กล่าว

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาคนหนึ่ง กล่าวว่า รูปแบบการกระจายอำนาจในปัจจุบัน มีอยู่แล้ว ซึ่งหากเปลี่ยนแปลงแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เกิดผลดีหรือผลเสียกันแน่ การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องส่งผลกระทบต่อกลุ่มผลประโยชน์เดิม เช่น สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) หรือสมาชิกองค์การบริการส่วนท้องถิ่นในส่วนอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งตามมาอีกก็เป็นได้

“ผมมองว่าการแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้มองว่าปัญหาอยู่ที่ไหนให้แก้ที่นั้น เช่น หลายคนบอกว่าปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดจากความอยุติธรรม ก็ต้องกลับกลับไปเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมาให้ได้” นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลากล่าว

ผู้เข้าร่วมเวทีคนหนึ่งกล่าวว่า การให้ประชาชนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองด้วยจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด และควรนำบทบัญญัติศาสนาเข้ามาใช้ในการปกครองรูปแบบพิเศษด้วย เช่น การจัดตั้งกองทุนซากาต หรือกองทุนชารีอะฮ์ และหากมีการปกครองรูปแบบพิเศษจริงต้องดูแลให้ครอบคลุมทุกศาสนิกด้วย

นายอาซิ อาแวปูเตะ อาจารย์จากวิทยาลัยชุมนกล่าวในที่ประชุมว่า ปัจจุบันการปกครองท้องถิ่นมีหลายระดับ มีนายกอบจ. นายกอบต. นายกเทศมาตรี ในระดับตำบลมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งยิ่งมีมากยิ่งคอรัปชั่นมาก การตรวจสอบทำได้ยาก หากการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษมีนายกคนเดียวและมาจากการเลือกตั้งจะตรวจสอบง่ายกว่า อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลว่าแม้จะมีการปรับโครงสร้างแล้วแต่อาจจะได้คนหน้าเดิมเข้ามาบริหาร

ทั้งนี้ นักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมต่างอาสาที่จะนำแนวทางจังหวัดจัดการตนเองในกรอบข้อเสนอของสภาประชาสังคมชายแดนใต้ไปขยายผลต่อให้กับนักศึกษาและเครือข่ายของตนเอง พร้อมกับเสนอให้มีการศึกษาให้รอบด้านมากขึ้น เช่น มีงานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องมากขึ้น การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้กับประชาชนมากขึ้นเพื่อให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

นายมันโซร์ สาและ กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้และผู้ประสานงานการประชุมครั้งนี้กล่าวกับที่ประชุมว่า การจัดเวทีในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนจังหวัดจัดการตนเองที่จะมีเวทีระดมความคิดเห็น 200 เวทีในพื้นที่ 3 จังหวัด และการขับเคลื่อนแนวทางจังหวัดจัดการตนเองไม่ได้มีเพียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่ขณะนี้มีกว่า 40 จังหวัดที่กำลังขับเคลื่อน โดยแกนนำหลักมี 2 จังหวัด คือเชียงใหม่มหานครและปัตตานีมหานคร

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net