คอป. เปิดรายงานสมบูรณ์ ยันฝีมือ‘ชายชุดดำ’ 9 ศพ- ศอฉ.อนุญาตใช้สไนเปอร์

สมชาย หอมลออ แถลงข้อเท็จจริงความรุนแรง เมษา-พ.ค.53 ไล่สาเหตุตั้งแต่ รธน.40  ยันมีหลักฐานว่าทหาร-พลเรือนเสียชีวิตเพราะชายชุดดำ 9 คน  หลายคนใกล้ชิด เสธ.แดง การ์ด นปช. รู้เห็นเป็นใจ แต่ไม่มีหลักฐานโยงแกนนำ ยัน ศอฉ. อนุญาตใช้สไนเปอร์และไม่มีระบบตรวจสอบเจ้าหน้าที่ หลายคนยังคิดว่าใช้กระสุนปลอม

17 ก.ย.55 เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน รัชดา คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) แถลงข่าวสรุปผลรายงานฉบับสมบูรณ์คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ก.ค. 53 – ก.ค. 55 หลังครบวาระการทำงาน 2 ปี โดยเนื้อหาในรายงานฉบับสมบูรณ์มีจำนวน 276 หน้า พร้อมภาคผนวก แบ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคณะกรรมการ สาเหตุและรากเหง้าของปัญหา ข้อเสนอแนะ  รวมทั้งสรุปสถานการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนหลังนี้มี นายสมชาย หอมลออ หนึ่งในกรรมการ คอป. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริงเป็นผู้แถลง

นายสมชาย หอมลออ ขณะแถลง

 

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า รายงานความจริงนี้จะนำไปสู่ความปรองดอง  เพราะสังคมมีความจริงกันคนละชุด ขึ้นอยู่กับชุดความจริงและมูลเหตุจูงใจของแต่ละคนแต่ละฝ่าย ดังนั้น รายงานคอป.จะทำให้เกิดข้อเท็จจริงที่เข้าใจตรงกันไม่มากก็น้อย  โดยการทำงานที่ผ่านมาเป็นการทำงานด้วยจิตอาสาและใช้ข้อเท็จจริงตามหลักวิทยาศาสตร์

วัตถุประสงค์ของ คอป. ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในขณะนั้น(อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปัจจุบัน ให้ตรวจสอบความจริงจากความรุนแรงในเหตุการณ์ เม.ย. – พ.ค. พ.ศ.2553 ว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่จะเป็นข้อเสนอต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในการป้องกันเหตุความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นต่อไป ซึ่งต่างจากพนักงานสอบสวนที่ต้องการค้นหาความจริงเพื่อหาผู้กระทำผิด

คอป. ตรวจสอบความรุนแรง 10 กรณีที่เกิดขึ้นในช่วง เม.ย.-พ.ค 53 ตั้งแต่เหตุการณ์ที่สถานีไทยคม เหตุการณ์ 10 เม.ย.53  เหตุการณ์ 6 ศพ วัดปทุมวนาราม ไปจนถึงการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และสถานที่ราชการในต่างจังหวัด ฯลฯ มีการตรวจสอบร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และองค์กรต่างประเทศเพื่อให้ได้ความจริงที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด รวมทั้งมีการศึกษาภาพรวมและภูมิหลังของเหตุการณ์ มีการใช้หลักนิติธรรมเพื่อทำความเข้าใจว่าการชุมนุมของ นปช. เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐว่ามีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุหรือไม่

นายสมชาย หอมลออ กล่าวถึงปัญหาของ คอป. ว่า มีข้อจำกัดเนื่องจากแต่งตั้งโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจที่จะไปคุ้มครองพยานหรือออกหมายเรียกพยาน จึงใช้การแสวงหาความร่วมมือเป็นหลัก รวมทั้งบางกรณีการสอบสวนคดีอาญาเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดได้ทำคู่ขนานกันไปกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ คอป. ทำให้พยานมีความระมัดระวังในการให้ความร่วมมือกับ คอป. เพราะกลัวว่าจะกระทบต่อรูปคดีในศาล เหล่านี้จึงเป็นข้อจำกัดในการค้นหาความจริงของ คอป.

“รายงาน คอป. ไม่ใช่รายงาน ฉบับสุดท้าย และสถานการณ์จะคลี่คลายความจริงก็จะเปิดมากขึ้น แต่อย่าถือว่าเราเป็นความจริงที่เป็นจริงที่สุด แต่เราเป็นความจริงที่เชื่อถือได้ และอย่าคิดว่าเป็นความเห็นของ อ.คณิต หรือของสมชาย หอมลออ แต่เกิดจากการประชุมซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง” นายสมชาย หอมลออ กล่าว

 

ไล่ปมปัญหาใหญ่ ต้นเหตุความรุนแรง

สำหรับข้อค้นพบจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง แถลงว่า คู่ขัดแย้งขณะนี้มักพยายามที่จะยกปัญหาแบบตัดตอน เช่น บางฝ่ายยกเพียงรัฐประหารปี 49 บางฝ่ายพูดถึงความไม่ชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ คอป.ทำความเข้าใจเหตุการณ์ เมษา – พ.ค. 53 โดยย้อนไปถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 40 พบปมปัญหาที่ไม่ได้รับการคลี่คลาย 2 ปม

คือหนึ่ง การใช้อำนาจโดยไม่ชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 40 ให้อำนาจฝ่ายบริหารมาก แต่การตรวจสอบโดยรัฐสภาและองค์กรอิสระที่ถูกตั้งจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวกลับล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่

สอง การรัฐประหารปี 49 โดยการสนับสนุนจากกลุ่มบางกลุ่มที่ไม่อดทนอย่างเพียงพอที่จะปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยจัดการปัญหาเอง

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า จากปัญหาปมขนาดใหญ่ นำไปสู่ความไม่เป็นธรรมในการจัดการปัญหาจนนำมาสู่ความรุนแรงในปี 53 นอกจากนี้การสลายการชุมนุมในปี 52 ทั้งที่พัทยาและสงกรานต์เลือดเป็นปมปัญหาที่สำคัญสำคัญมากที่นำมาสู่ความรุนแรงในปีต่อมา

 

มีหลักฐานว่าเสียชีวิตเพราะชายชุดดำ 9 คน

กรรมการ คอป. กล่าวว่า ความรุนแรงในช่วง เมษา – พ.ค. 53 มีผู้เสียชีวิต 92 คน ไม่รวมกรณีที่สมานเมตตาแมนชั่น ในจำนวนนี้มีทหาร 8 นาย ตำรวจ 2 นาย นอกนั้น 82 คนเป็นพลเรือนและส่วนใหญ่เป็น นปช.  มีหลักฐานว่าเสียชีวิตเพราะชายชุดดำ 9 คน แยกเป็นทหาร 6 คน  ตำรวจ 2 คน และประชาชนกลุ่มคนรักสีลม 1 คน รวมทั้งมีประชาชนถูกยิงจากกระสุนที่มาจากพื้นที่ที่ทหารประจำอยู่

 

รัฐบาลปิดพีเพิลชาแนลเป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง

ปธ.คณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง แถลงถึง เหตุการณ์วันที่ 9 เม.ย. 2553 ที่สถานีดาวเทียมไทยคมมีความรุนแรง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ในเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ได้นำอาวุธสงครามติดไปด้วย แต่เก็บไว้ในรถเสบียง โดยแยกเก็บกระสุนกับปืนออกจากกัน และผู้ชุมนุมได้ยึดมาและแถลงกับสื่อที่เวที นำไปสู่ความไม่เข้าใจของผู้ชุมนุมต่อการนำเอาอาวุธสงครามมาใช้ แต่เจ้าหน้าที่ทหารก็ให้เหตุผลของการเอาอาวุธสงครามมาว่า “เป็นทหารต้องมีอาวุธประจำกาย” “เอามาป้องกันเหตุสุดวิสัย” เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตุว่าการใช้อำนาจของรัฐบาลในการปิดสถานีพีเพิลชาแนล เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง

กรณีวันที่ 10 เมษา ที่สี่แยกคอกวัวและหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา  มีผู้เสียชีวิต 26 คน เป็นพลเรือน 21 คน รวมสื่อต่างประเทศคือ 1 คน ทหาร 5 คน บาดเจ็บรวมกว่า 864 คน ในจำนวนนี้เป็นทหารกว่า 300 คน พบหลักฐานว่ามีชายชุดดำ โดยไม่ทราบฝ่ายแน่ชัด ใช้อาวุธสงครามปฏิบัติการทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ โดยโจมตีด้วย M79 และปืนเล็กยาวยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารที่สีแยกคอกวัวเวลา 20.00 น. และมีทหารเสียชีวิต 1 นายที่บริเวณนั้น 

 

ระเบิด M67 จากบ้านไม้โบราณ สังหาร พ.อ.ร่มเกล้า

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า ส่วนที่ถนนดินสอ ต่อเนื่องกับวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเจ้าหน้าที่ทหารถูกโจมตีเวลา 20.44 น. แต่ก็มีการพบรอยกระสุนที่มีวิถีกระสุนที่ยิงมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ไม่พบรอยกระสุนจากฝั่งผู้ชุมนุมยิงสวนไป ในขณะที่ถนนตะนาว(คอกวัว)พบรอยกระสุนยิงสวนกลับไปจากฝั่งผู้ชุมนุม แต่ไม่มากนัก ที่ถนนดินสอพบร่องรอยระเบิด M67 2 ลูก รวมทั้งมีรอย M79 ด้วย ซึ่งระเบิด M67 คาดว่าน่าจะถูกกว้างมาจากบ้านไม้โบราณที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา ระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบริเวณนั้นเสียชีวิต 4 นาย รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ด้วย ที่ก่อนหน้านี้มารางงานข่าวว่าเสียชีวิตจากกระสุนปืนนั้น จากการตรวจสอบเสียชีวิตจากระเบิด M67

 

ชุดดำบางคนเป็นคนใกล้ชิด เสธฯ แดง

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า การปฏิบัติการของชุดดำได้รับการสนับสนุนจากการ์ด นปช.บางคน และในเหตุการณ์ 10 เมษา ไม่พบทหารยิงตอบโต้กันเอง ไม่พบว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากชายชุดดำ พบชายชุดดำบางคนเป็นคนใกล้ชิดพล.ต.ขัตติยะ  สวัสดิผล และมีพยานพบ ว่า พล.ต.ขัตติยะ ปรากฏตัวบริเวณที่เกิดเหตุในช่วงบ่าย  ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์รุนแรง

 

ทหารไม่ได้ยิงกันเอง ชุดดำไม่ได้ยิงผู้ชุมนุม

กรรมการ คอป.  ยืนยันว่า ไม่พบหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ทหารและบาดเจ็บจำนวนมากเกิดจากการโจมตีหรือต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารด้วยกันเอง แต่น่าเชื่อได้ว่าเกิดจากการโจมตีด้วยระเบิดสังหารโดยคนชุดดำ และไม่พบพยานหลักฐานว่ามีผู้ชุมนุมรายใดเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการปฏิบัติการของชายชุดดำ

 

ไม่มีการยิงจากอาคารสูงที่คอกวัว

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า ที่สี่แยกคอกว่ามีภาพที่เห็นเหมือนมีคนซุ่มยิงอยู่บริเวณกองสลากฯ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเงาใบปาล์ม ไม่ใช่พลซุ่มยิง และพบว่าทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ชุมนุม รวมทั้งชุดดำต่างเข้าใจเป็นพลซุ่มยิงจึงยิงไปยังจุดดังกล่าว โดยพบหลักฐานแกนเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระสุนอาก้าที่ถูกยิงแล้ว อยู่บริเวณจุดนั้น และจากการตรวจสอบบริเวณสี่แยกคอกวัวไม่มีการยิงมาจากที่สูง สวนบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาจากช่างภาพต่างประเทศและผู้ชุมนุมเห็นว่ามีการยิงมาจากดาดฟ้าโรงเรียนฯ มายังวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายหลังเหตุการณ์สงบผู้ชุมนุมพยายามเข้าไปตรวจสอบ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและยามที่อยู่บริเวณนั้นห้าม

 

มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตตั้งแต่บ่ายใกล้สะพานมัฆวาน

ปธ.คณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง เห็นว่าเหตุการณ์ 10 เม.ย. คนมักพุ่งความสนใจไปที่แยกคอกวัวทั้งที่เหตุรุนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบ่าย  ใกล้สะพานมัฆวานมีผู้เสียชีวิต 1 คน ด้วยกระสุนความเร็วสูง และดึกคืนวันนั้นในสวนสัตว์ดุสิตมีพนักงานสวนสัตว์ถูกยิงเสียชีวิต และในสวนสัตว์มีทหารอยู่ 1 หน่วยพักอยู่

 

ปืนพร้อมกระสุนถูกผู้ชุมนุมยึดไปส่งคืนยังไม่หมด

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ทหารได้เคลื่อนกำลังมาบนสะพานพระปิ่นเกล้าเพื่อมาสมทบฝั่งพระนคร พบ เจ๋ง ดอกจิก และการ์ด นปช.ไปขัดขวางเจ้าหน้าที่และยึดอาวุธทหารไป และ มี พล.ต.ขัตติยะ  สวัสดิผล ปรากฏตัวบริเวณใกล้เคียง  และในวันที่ 10 เม.ย. นั้น ทหารถูกการ์ด นปช.ยึดอาวุธไป 2 จุด คือ สะพานพระปิ่นเกล้าถูกยึดปืนลูกซอง 35 กระบอก  ปืนทราโว้ 12 กระบอก กระสุนจริง 700 นัด และที่โรงเรียนสตรีวิทยาถูกยึดปืนเล็กยาว 9 กระบอก และอื่น ๆ  โดยอาวุธเหล่านี้ถูกส่งคืนเพียง 13 กระบอก โดยปืนเหล่านี้การ์ด นปช. ได้นำไปให้เวที นปช.ตรงสะพานผ่านฟ้า

 

28 เม.ย.ทหารเสียชีวิตจากความเข้าใจผิดของทหาร

กรรมการ คอป. ระบุว่า วันที่ 28 เม.ย.53 ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย นั้นถูกยิงด้วยความเข้าใจผิดจากเจ้าหน้าที่ทหาร

 

กระสุนสังหารเสธ. แดง มาจากอาคารสูง ตั้งข้อสังเกตเป็นส่วนหนึ่งในวันรุ่งขึ้นหรือไม่?

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า ความรุนแรงที่ศาลาแดง วันที่ 13 พ.ค.53 การเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ  สวัสดิผล จากการตรวจสอบถูกกระสุนที่ยิงมาจากอาคารสูงที่อยู่โดยรอบด้านขวา เช่น โรงแรมดุสิตธานี สีลมพลาซ่า ไล่ไปถึง รพ.จุฬาฯ ซึ่งในช่วงนั้น ศอฉ.ได้อนุญาตและจัดให้มีพลแม่นปืนและซุ่มยิงประจำอาคารต่างๆ แล้ว โดยตั้งข้อสังเกตไว้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของของปฏิบัติการปิดล้อมที่จะมีในวันรุ่งขึ้นหรือไม่? หลังจากที่ พล.ต.ขัตติยะ  ถูกยิงมีนักข่าวต่างประเทศเห็นคนชุดดำวิ่งไปหยิบปืนเล็กยาวที่เต๊นท์ออกมายิงไปทางโรงพยาบาลจุฬาฯและโรงแรมดุสิตธานี เพราะเข้าใจว่าถูกยิงจากที่นั่น

พบมีการปฏิบัติการคนชุดดำในบริเวณถนนพระราม 4 ยิงจากอาคารอื้อจื่อเหลียง และสะพานไทย-เบลเยียม ยิงไปทางใต้ทางด่วนพระราม 4 ซึ่งมีผู้ชุมนุมอยู่ มีการพบกระสุนปืนลูกกรด หรือแม็กนั่ม ซึ่งกระสุนนี้เจ้าหน้าที่ไม่มีในการปฏิบัติการ

 

เหตุการณ์ 19 พ.ค. พบรอยกระสุนที่มีทิศทางยิงมาจากแยกศาลาแดง

นายสมชาย หอมลออ กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันที่ 19 พ.ค.53 ว่า จริงๆ แล้วไม่ได้มีการเสียชีวิตแค่ 6 ศพที่วัดปทุมฯ แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเคลื่อนเข้าไปในสวนลุมฯ และถนนราชดำริมุ่งหน้าแยกราชดำริ-สารสิน มีผู้เสียชีวิต 6 คน ในจำนวนนี้มี ทหาร 1  คน นายฟาบิโอ นักข่าวต่างประเทศ 1 คน  ที่เหลือเป็นผู้ชุมนุม ที่รวมถึงชายไม่ทราบชื่อ 1 คน  โดยครั้งนั้นทหารเสียชีวิตเพราะเอ็ม 79  ที่ยิงมาทางทิศเหนือ ส่วนฟาบิโอและผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูง จากการตรวจสอบพบรอยกระสุนที่มีทิศทางยิงมาจากแยกศาลาแดง โดยปฏิบัติการในวันที่ 19 พ.ค. เจ้าหน้าที่ทหารใช้ปืนเล็กยาวและกระสุนจริง

 

ชุดดำปะทะกับทหารก่อนทหารเล็งปืนเข้าวัดปทุมฯ

ปธ.คณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง แถลงว่า กรณีวัดปทุม ก่อนที่ทหารบนรางรถไฟฟ้า BTS จะมีการเล็งปืนไปยังวัดปทุมฯ มีการปะทะกันระหว่างคนชุดดำกับเจ้าหน้าที่ทหารที่พยายามเข้าไปคุ้มกันการดับเพลิงที่โรงหนังสยาม จนชายชุดดำหนีมาแยกเฉลิมเผ่า จนพบมีการยิงโต้กันกับชายชุดดำที่อยู่ใต้สกายวอล์กกับเจ้าหน้าที่อยู่ด้านบน และชายชุดดำวิ่งเลียบกำแพงวัดปทุมฯไป

สำหรับคำถามที่ว่าในวัดปทุมฯ เป็นที่ซ่องสุมของชายชุดดำหรือไม่ มีการยิงจากในวัดมายังสถานีรถไฟหรือไม่ จากการตรวจสอบพบมีรอยแตกบนอาคารที่สถานีสยามแต่ไม่ทราบเป็นรอยกระสุนหรือไม่ เพราะอยู่ที่สูงจึงไม่มีการตรวจสอบ แต่ถ้ารอยแตกนั้นเป็นรอยกระสุนจริงก็แสดงว่ามีการยิงมาจากในวัด

20 พ.ค. 53 มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ M16 ในวัดและปืนกระบอกดังกล่าวเป็นกระบอกเดียวกับที่เจ้าหน้าที่โดนผู้ชุมนุมยึดไปในวันที่ 14 พ.ค.53 ที่ดินแดง

 

เผาเซ็นทรัลเวิลด์ขณะทหารยังไม่ได้เข้าไป

ส่วนเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า ไฟได้ไหม้จากห้าง CEN แล้วลามไปยังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งในระหว่างไฟไหม้นั้นมีผู้ชุมนุมอยู่ และทหารยังไม่ได้เข้าไป

 

ชุดดำหลายคนใกล้ชิดกับ เสธฯแดง การ์ด นปช.รู้เห็นเป็นใจ แต่ไม่มีพยานหลักฐานโยงแกนนำ

ปธ.คณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง ยืนยันว่ามีชายชุดดำจริงและมีการก่อวินาศกรรม แต่มีเพียงคดีเดียวที่จับได้คือคดียิงกระทรวงกลาโหม ชายชุดดำพบว่าหลายคนใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ  สวัสดิผล พบการปฏิบัติการของชุดดำบางเหตุการณ์ เช่น 10 เมษา ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากการ์ด นปช. รวมถึงที่ราชปรารภ ใกล้ประตูน้ำ ก็ได้รับความรู้เห็นเป็นใจจากการ์ด นปช. แต่ไม่มีพยานหลักฐานโยงไปถึงแกนนำ จะมีจำนวนเท่าไรสรุปได้ยาก เป็นใครก็สรุปได้ยาก

กรณีชายชุดดำที่ยิงจากตึกชีวาทัย(สามเหลี่ยมดินแดง)ก็เป็นมุมมองต่างๆ ซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบ

 

ข้อค้นพบเกี่ยวกับพฤติกรรมการชุมนุม

นายสมชาย หอมลออ กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แต่ผู้จัดการชุมนุมต้องจัดให้อยู่ในกรอบกฎหมายและประสานกับเจ้าหน้าที่ให้อยู่ในกรอบของการชุมนุมโดยสงบและโดยปราศจากอาวุธ และการชุมนุมไม่ใช่สิทธิอันสัมบูรณ์ รัฐสามารถจำกัดสิทธิได้ตามสมควรแก่เหตุและสถานการณ์ พบว่าผู้ชุมนุมบางคนมีลักษณะใช้ความรุนแรงและใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ การปราศรัยบนเวทีมีการส่งเสริมความรุนแรง มีการใช้สิ่งเทียมอาวุธ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เพื่อบังคับใช้กฎหมายได้

 

การใช้อาวุธสงครามตอกย้ำความไม่ไว้วางใจและความกลัวต่อผู้ชุมนุม

กรรมการ คอป. ยันว่า การใช้กำลังทหารไม่เหมาะกับการควบคุมฝูงชนด้วยประการทั้งปวง รวมทั้งมีการใช้อาวุธสงครามในการควบคุมฝูงชน เช่น รถสายพานลำเลียง ปืนเล็กยาว กระสุนจริง เฮลิคอปเตอร์ เป็นการตอกย้ำความรู้สึกไม่ไว้วางใจและความกลัวต่อผู้ชุมนุมที่โยงเข้ากับเหตุการณ์ เมษายน 2552

 

ศอฉ. ไม่มีระบบติดตามตรวจสอบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่

นายสมชาย หอมลออ กล่าวถึงศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ด้วยว่า ไม่มีระบบติดตามตรวจสอบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ หลายๆ คนยังคิดว่าใช้กระสุนปลอมอยู่ แต่ปรากฏว่ามีการใช้กระสุนจริงทั้งยิงขึ้นฟ้าและยิงไปในทิศทางที่มีผู้ชุมนุมอยู่ ไม่มีการหาทางอย่างเพียงพอและได้ผลในการป้องกันยับยั้งการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ความรุนแรงได้เกิดขึ้นตลอกเวลาเกือบ 2 เดือน

 

ข้อค้นพบเกี่ยวกับการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่

สมชาย หอมลออ ฉายสไลด์กราฟอัตราส่วนกระสุนประเภทต่างๆ ที่เบิกสนับสนุน ศอฉ. โดยมีกระสุนเปล่าเพียงร้อยละ 2

นายสมชาย หอมลออ ได้ฉายสไลด์พาวเวอร์พอยท์ ที่ระบุว่า ในการปฏิบัติ ศอฉ.มีคำสั่งให้วางกำลังบนพื้นที่สูงข่มรอบจุดวางกำลังและพื้นที่ชุมนุม มีการใช้ปืนเล็กยาว กระสุนจริง และอนุญาตให้ใช้พลแม่นปืน(Markmen)และพลซุ่มยิง(Sniper) พบอุปกรณ์และอาวุธดังต่อไปนี้

1. อุปกรณ์ปราบจลาจลทั่วไป เช่น โล่ กระบอง แก๊สน้ำตา

2. อาวุธ ได้แก่ ปืนลูกซองและกระสุนยางกระสุนลูกซองเบอร์ 12 (ลูกเก้า)

3. ปืนเล็กยาว เช่น  M16 รุ่นต่างๆ ปืนเล็กกล ทาร์โว TAR 21 ปืนเล็กกล เอช เค33 ปืนคาร์บิน เอ็ม4 และปืนพกสั้น

4. อาวุธประจำสำหรับหน่วยพลแม่นปืน(Markmen) ได้แก่ ปืนเล็กยาว M 16 พร้อมกล้องเล็ง

5. อาวุธอื่นๆ ที่ตรวจพบภาพถ่ายแลพภาพวิดิโอที่บันทึกระหว่างช่วงเหตุการณ์ความรุนแรง ได้แก่ ปืนซุ่มยิงชนิด SR-25 ใช้กระสุนขนาด 7.62x51 มม.นาโต้ ปืนเล็กยาว M1 Garand ปืนเล็กยาวซุ่มยิง SSG 3000 ใช้กระสุนขนาด 7.62x51 มม.นาโต้

 

ยกคำพิพากษา ยันแม้ทหารถูกโจมตีก็ไม่สามารถยิงเข้ายังผู้ไม่มีอาวุธได้

“การใช้อาวุธที่จะละเมิดชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถึงแม้มีผู้ถืออาวุธปะปนอยู่ในผู้ชุมนุมนั้น ถ้าการยิงปืนออกไปทำให้หรืออาจทำให้ผู้ที่ไม่มีอาวุธบาดเจ็บล้มตายก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งในส่วนนี้เองเคยมีคำพิพากษาของศาลในคดีการชุมนุมปี 52 เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับหลักการสากล ศาลได้มีคำพิพากษาว่าการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ ถึงแม้จะถูกยั่วยุ ถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม การจะใช้อาวุธต่อผู้ที่ไม่มีอาวุธปืนอยู่ในมือทำให้มีการบาดเจ็บและล้มตายนั้น กองทัพต้องรับผิดชอบ ศาลได้มีคำพิพากษาให้กองทัพได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับโจทย์ 2 คน” นายสมชาย หอมลออ กล่าว

 

คนสนิทชี้คนตายพูดไมได้ ยันเสธ.แดงไม่อยู่พื้นที่ 10 เม.ย.ตามรายงาน

ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว คอป.ได้เปิดเวทีให้ผู้เข้ารับฟังซักถาม นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ อดีตเลขาธิการพรรคขัตติยะธรรม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในรายงานของคอป.มีกล่าวถึงเสธ.แดงเยอะมาก ขอยืนยันว่าวันที่ 10 เม.ย.53 เสธ.แดงไม่ได้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ และจากบทบาทที่ผ่านมา เสธ.แดงไม่เคยคิดทำร้ายหรือประชาชนหรือทหาร ขอเรียกร้องให้ทบทวนข้อมูลในรายงานและเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีรายชื่อปรากฏในรายงานได้เข้าชี้แจงบ้าง

ขวัญระวี วังอุดม ตัวแทนจากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค.พ.ค.53 หรือ ศปช. ตั้งคำถามว่า รายงาน คอป. ส่วนใหญ่เป็นการอิงคำสัมภาณ์ทหาร แถลงการณ์ ศอฉ. โดยไม่มีการวิเคราะห์ว่าการปฏิบัติเป็นไปตามนั้นหรือไม่ คำสัมภาษณ์จำนวนมากดำเนินการในเดือนมิ.ย.ปีนี้นี่ เหตุใดจึงล่าช้าและเกี่ยวข้องกับการใช้งบหรือไม่  นอกจากนี้เรื่องหลักการชุมนุมนายสมชายพูดขัดแย้งกับหลักสากล หากมีผู้ชุมนุมบางส่วนใช้อาวุธ แกนนำบางคนพูดยุยง หลักสากลระบุว่าให้ใช้กฎหมายดำเนินคดี ไม่สามารถประกาศว่าการชุมนุมทั้งหมดเป็นการชุมนุมไม่สงบ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ คอป.เปิดเผยรายงานการใช้วิถีกระสุนที่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศทั้งหมด และข้อมูลทั้งหมดที่คอป.ได้มาอยากให้เป็นสมบัติสาธารณะ

ชัยวัฒน์ สุรวิชัย  ยืนยันว่า รายงานคอป.ทำได้ดีแล้ว แม้จะมีข้อมูลน้อยไปแต่เข้าใจข้อจำกัด และยืนยันว่า  เหตุการณ์การชุมนุมที่รุนแรงมาจากแกนนำสายเหยี่ยวซึ่งมีคำสั่งตรงจากอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และการชุมนุมในครั้งนั้นก็มีเขาอยู่เบื้องหลังทำให้ไม่เห็นว่าการชุมนุมไม่เคยพูดถึงเรื่องความไม่เป็นธรรมอื่นๆ ในสังคม

นายคณิต ประธาน คอป.ตอบคำถามท้ายที่สุดว่า  ในอดีต ปรีดี พนมยงค์ ไม่มีอะไรติดตัวเลย แต่ท่านไม่กลับเมืองไทย เสตทแมนต้องทำอย่างนั้น ข้อโต้แย้งทั้งหลายคงต้องใช้เวลามากในการถกเถียง สิ่งที่เราเสนอไปขอให้ไปศึกษาก่อน อ่านให้เข้าใจเสียก่อน เราเคารพในความคิดเห็นของท่านที่แตกต่างไปจากเรา สิ่งที่เราทำมา ยืนยันว่า เราทำเพื่อส่วนร่วมโดยแท้ เราตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อประชาชนและรายงาน คอป.จะอยู่ในที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ตลอด

 

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

2 ปี คอป.เสนอ 13 ข้อไขปมขัดแย้ง http://prachatai.com/journal/2012/09/42692

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท