Skip to main content
sharethis

 

พบศพหนุ่มใหญ่ตายปริศนาริมทาง ชาวบ้านเห็นคนร้ายแต่งกายคล้ายตำรวจอุ้มฆ่า ศูนย์ทนายมุสลิมลงพื้นที่เก็บข้อมูล เจ้าหน้าที่ปัดลงปฏิบัติงานคือเกิดเหตุ ระวังชนวนเพิ่มไฟ ความหวาดระแวงขยายวง
 
 
 
ภรรยาและลูกๆ ของนายอับดุลรอเซะ บือแน ชาวบ้านปูลาฆาซิง หมู่ที่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเมื่อนายอับดุลรอเซะ ถูกคนร้ายอุ้มฆ่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2555
 
ช่วงสายของวันที่ 12 กันยายน 2555 บรรดาญาติมิตรของนายอับดุลรอเซะ บือแน อายุ 42 ปี ชาวบ้านปูลาฆาซิง หมู่ที่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ต่างร่วมทำพิธีศพของนายอับดุลรอเซะที่บ้านพัก หลังจากเขาถูกพบเป็นศพบริเวณสะพานในหมู่บ้าน เมื่อช่วงกลางคืนก่อนหน้านั้น
 
เหตุร้ายเกิดขึ้นหลังจากนายมาหามะ มุกตากูลี เจ้าของร้านน้ำชาประจำหมู่บ้าน ได้ไปตะโกนเรียกนางสาวรอปีอะ สามะ ภรรยาของนายอับดุลรอเซะ ที่บ้านพักเลขที่ 24/4 ช่วงประมาณ 4 ทุ่มของวันที่ 11 กันยายน 2555 ว่านายอับดุลรอเซะ ถูกเจ้าหน้าที่เอาตัวไป
 
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางสาวรอปีอะจึงขอช่วยชาวบ้านให้ช่วยกันออกตามหา กระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ชาวบ้านจึงพบเป็นศพ จึงช่วยกันนำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลยะรัง จากนั้นจึงมีการพูดต่อๆ กันไปในกลุ่มชาวบ้านว่า นายอับดุลรอเซะ อาจถูกเจ้าหน้าที่ฆ่าตาย?
 
“สภาพศพสามีคือ ปากบวม มือบวม มีรอยคล้ายถูกใส่กุญแจมือบริเวณข้อมือ มีรอยคล้ายเชือกรัดบริเวณรอบคอ และมีรอยกระสุนปืนบริเวณหลังใบหู 1-2 จุด” นางสาวรอปีอะ กล่าว
 
นางสาวรอปีอะ เปิดเผยว่า สามีมักออกจากบ้านไปร้านน้ำชาช่วง 2 ทุ่มเป็นประจำ โดยไปคนเดียว ปกติจะกลับถึงบ้านเวลาประมาณ 4 ทุ่ม สามีมีอาชีรับจ้างทั่วไป มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 1 คน คนโตเป็นผู้หญิง อายุ 20 ปี แต่งงานและมีครอบครัวแล้ว คนที่สองเป็นชายกำลังเรียนที่ปอเนาะแห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี คนที่สามเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 โรงเรียนสามัญใน อ.ยะรัง และคนสุดท้ายเรียนชั้นประถมปีที่ 3 ใน อ.ยะรังเช่นกัน
 
“สามีทำงานหนักมาก ไม่ค่อยมีวันหยุดเลย เวลาทำงานไม่ค่อยแน่นอน ขึ้นอยู่กับนายจ้าง ส่วนดิฉันไม่สบาย ไม่ได้ทำงานหลายเดือนแล้ว รายได้ในครอบครัวมาจากสามีคนเดียว ก่อนหน้านี้สามีเป็นคนขับรถโครงการชลประทานปัตตานีมา 2 เดือน แต่ต่อมามีคนจ้างให้ขับรถสิบล้อขนไม้ แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเงินที่มีก็พอมีพอกินไปวันๆ”นางสาวรอปีอะ กล่าว
 
วันเดียวกันนั้น นายมูหมัดอัสมิง เปาะแมรีซอ ผู้ประสานงานอาสาสมัครผู้ช่วยทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะได้เดินทางมาที่บ้านของนายอับดุลรอเซะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมถ่ายรูปที่เกิดเหตุด้วย
 
นายมูหมัดอัสมิง ได้แนะนำให้ญาติร้องเรียนต่อมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานีโดยเร็วที่สุด หากล่าช้าอาจส่งผลต่อรูปคดี และจะได้ยื่นขอเงินช่วยเหลือเยียวยาจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ รวมถึงเรียกร้องให้หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาจิตใจอีกด้วย
 
“มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจะช่วยหาข้อเท็จจริงและเรียกร้องความเป็นธรรมคืนให้อย่างเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานด้วย ว่าใครทำให้นายอับดุลรอเซะตาย” นายมูหมัดอัสมิง กล่าว
 
นายมาหามะ มุกตากูลี เจ้าของร้านน้ำชา บอกว่าผู้ตายชอบมานั่งพูดคุยอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกับเพื่อบ้านคนอื่นๆ ในช่วงหลังเวลาละหมาดประมาณ 2 ทุ่ม เพราะร้านตั้งอยู่ใกล้มัสยิด ทั้งที่ร้านของตนเปิดตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น และในคืนเกิดเหตุนายอับดุลรอเซะก็ไม่ได้มานั่งดื่มน้ำชาที่ร้านตน เพียงแต่เวลาประมาณ 2 ทุ่ม นายอับดุลรอเซะขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นดรีม มาจอดหน้าบ้านฝั่งตรงข้าม แล้วเดินเข้ามาบอกตนว่า “มีตำรวจมามากับรถกระบะ” 
 
จากนั้นนายอับดุลรอเซะก็ได้นั่งพูดคุยกับตนได้ครู่หนึ่งก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ เดินเข้ามาที่หน้าบ้าน แต่เนื่องจากมีแสงสว่างไม่เพียงพอ จึงมองไม่ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายใด
 
“เจ้าหน้าที่เข้ามาถามเป็นภาษาไทยว่า จักรยานยนต์คันนี้เป็นของใคร นายอับดุลรอเซะก็ออกไปบอกว่าเป็นของเขาเอง ส่วนผมยังนั่งอยู่ที่เดิม เห็นนายอับดุลรอเซะยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ซักพักผมก็เห็นเจ้าหน้าที่จับตัวนายอับดุลรอเซะไป ผมจึงรีบวิ่งไปบอกภรรยาของนายอับดุลรอเซะ ว่าสามีของเธอถูกเจ้าหน้าที่อุ้มไปแล้ว” นายมาหะมะ กล่าว
 
ในบันทึกข้อเท็จจริงของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานีกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า กลุ่มบุคคลที่นำตัวนายอับดุลรอเซะไป มาด้วยรถกระบะแบบแค็บยกสูง สีบรอนเงิน 1 คัน 
 
กลุ่มชายฉกรรจ์ลงมาจากรถมา 3 คน โดย 1 ใน 3 สวมชุดไอ้โม่ง ทั้งหมดแต่งกายชุดดำ ถืออาวุธสงครามคนละกระบอก สวมเสื้อเกราะกันกระสุน คล้ายเจ้าหน้าที่ จากนั้นหนึ่งในสามคนนั้นเดินไปที่รถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แล้วถามชาวบ้านคนหนึ่งว่า เห็นมอเตอร์ไซขับผ่านมาทางนี้ไหม
 
จากนั้นทั้ง 3 คน เดินมุ่งตรงไปที่รถจักรยานยนต์ของนายอับดุลราเซะ พร้อมถามว่ารถของใคร? เมื่อนายอับดุลราเซะรับว่าเป็นของตน ทั้ง 3 คนจึงตรวจเช็คความร้อนของท่อไอเสีย จากนั้นก็ควบคุมตัวนายอับดุลราเซะ จับมือไขว้หลังพร้อมใส่กุญแจมือ แม้นายอับดุลราเซะพยายามขัดขืนแต่ก็ยอมไปแต่โดยดี ซึ่งคนที่ควบคุมตัวบอกว่าจะพาไปสถานีตำรวจภูธร(สภ.) โสร่ง อ.ยะรัง นายอับดุลรอเซะ จึงตะโกนว่า ต้องพาไปที่บ้านกำนันก่อน แต่ไม่เป็นผล เขาถูกนำตัวขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
 
หลังจากญาติทราบเรื่อง จึงพยายามโทรศัพท์สอบถามนายอิสมาแอ บือแน กำนันตำบลกอลำ ซึ่งกำนันบอกว่า ไม่มีใครมาที่บ้านในคืนนั้น จนทำให้ชาวบ้านรู้สึกผิดสังเกต รวมทั้งได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง สภ.โสร่งว่า ได้ควบคุมตัวนายอับดุลรอเซะไว้หรือไม่
 
ทว่าไม่ทันจะได้คำตอบ เวลาประมาณ 22.00 น. ชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงแจ้งว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด รวมทั้งมีชาวบ้านแจ้งว่า เห็นคนนอนอยู่ริมถนนคล้ายศพ จึงพากันออกไปดู จึงพบว่าเป็น ศพของนายอับดุลราเซะนั่นเอง
 
เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.)คนที่เข้าไปดูศพ ระบุว่า สภาพของศพถูกยิงที่ศีรษะ ทะลุต้นคอ 1 นัด สภาพคว่ำหน้า มือยังไขว้หลังและมีรอยถูกรัดคอด้วยเชือด มีร่องรอยของกุญแจมือทั้งสองข้าง พร้อมมีขวดเบียร์ไม่ทราบยี่ห้อ 1 ขวด และยังได้กลิ่นเบียร์อยู่ ถูกวางไว้ใกล้ศีรษะของศพ
 
ระยะทางจากบ้านปูลาฆาซิง กับสถานที่พบศพนายอับดุลราเซะ ห่างกันประมาณ 5 กิโลเมตร
 
ในบันทึกข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังระบุข้อสังเกตด้วยว่า ในที่เกิดเหตุพบขวดเบียร์ตั้งอยู่เหนือศีรษะของผู้ตาย และเจ้าหน้าที่วิทยาการไม่ได้เก็บหลักฐานในบริเวณศพผู้ตายหรือแม้กระทั้งร่องรอยตามเสื้อผ้าและศพเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรม หรือ DNA แต่อย่างใด
 
ด้านพ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านโสร่ง ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังสืบพยานในคดีนี้อยู่ ทราบแต่เพียงว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.กอลำ และเป็นสายข่าวให้ทหารด้วย ส่วนสาเหตุการตายยังไม่ทราบแน่ชัด และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ
 
“ในคืนเกิดเหตุ ตำรวจไม่ได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนแต่อย่างใด ตำรวจจะลงพื้นที่รักษาความปลอดภัยในช่วงกลางวันและรักษาความปลอดภัยบนถนนสาย 410 (สายปัตตานี – ยะลา) เท่านั้น ในพื้นที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านทำหน้าที่สอดส่องดูแลรักษาความเรียบร้อยอยู่แล้ว” พ.ต.อ.ศักดา ยืนยัน
 
ขณะที่พ.ท.นิสิต สมานมิตร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ(ฉก.)ปัตตานีที่ 21 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่พูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริงในชุมนุมที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งชาวบ้านบอกว่าคนร้ายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นยุทธวิธีเดิมๆ ของผู้ก่อการไม่สงบที่ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ แต่คืนวันเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารจาก ฉก.ปัตตานี 21 ลงไปลาดตระเวนในพื้นที่อย่างแน่นอน
 
ขณะที่นายอิสมาแอ บือแน กำนัน ต.กอลำ ระบุว่า ก่อนที่นายอับดุลรอเซะจะเสียชีวิต เขาโทรศัพท์มาเล่าว่า ช่วงกลางคืนรู้สึกเหมือนมีคนมาคอยแอบฟังอยู่ข้างบ้าน และรู้สึกว่าไม่สบายใจ จึงแนะนำให้พกปืนไว้ตลอด คืนเกิดเหตุตนประสานให้ทหารช่วยกันสกัดรถยนต์คันก่อเหตุ แต่ก็ไม่มีวี่แวว
 
แม้คดีนี้ ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อาจสร้างความรู้สึกหวาดระแวงจะนำไปสู่การสร้างความแตกแยกได้ เป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหาทางป้องกันก่อนที่จะสายเกิดแก้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net