Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อวัยเด็กผู้เเขียนได้รับการอบรมจากทางบ้านมาเสมอว่าให้ตั้งใจเรียนเพื่อโตไปจะได้รับราชการและเป็นเจ้าคนนายคน ประโยคดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของครอบครัวไทยที่มีรากฐานมาจากการเป็นข้าราชการเพื่อสั่งสอนลูกหลานของตนให้เข้าสู่แวดวงข้าราชการเพ่อที่จะได้มีหน้ามีตาและมีเกียรติสืบต่อไปในวงศ์ตระกูล หากแต่ในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการเปิดโอกาสทางการศึกษาไม่ว่าจะเป็นลูกชาวนาลูกตาสีตาสาก็สามารถที่จะเข้าศึกษาในระดับที่สูงขึ้นได้เนื่องมาจากการกระจายโอกาสทางการศึกษาที่ต้องการให้ครอบคลุมในระดับภูมิภาคโดยสังเกตได้จากการที่มีสถาบันอุดมศึกษาเปิดแข่งกันเป็นจำนวนมากในระดับภูมิภาคทั้งสถาบันของรัฐและเอกชนปัญหาสำคัญที่ตามมาจากการกระจายโอกาสทางการศึกษาคือตลาดแรงงานของไทยนั้นมีความพร้อมในการรองรับบัณฑิตที่จบการศึกษาเป็นจำนวนมากในแต่ละปีหรือไม่เพราะหากมองกันในความเป็นจริงแล้วนั้นจะพบว่าตลาดแรงงานส่วนมากมักจะกระจุกกันอยู่ในเมืองหลวงหรือเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ข้อเท็จจริงอีกประการที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือเมื่อคนมีความรู้มากหรือได้รับการศึกษามามากย่อมไม่ต้องการประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงกายเป็นหลักอาจเป็นเพราะค่านิยมหรือทัศนคติของความเป็นทุนนิยมที่ผลักดันพวกเขาเหล่านั้นให้เข้ามาแสวงโชคในเมืองใหญ่เพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่มากกว่าการทำงานในต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาแสวงโชคของผู้หญิงที่อาจจะมีความโชคดี(หรือความโชคร้าย)มากกว่าผู้ชายเมื่อไม่สามารถหาตำแหน่งงานที่รองรับกับวุฒิการศึกษาได้นั้นผู้หญิงบางกลุ่มเลือกที่จะเข้าสู่ธุรกิจกลางคืนซึ่งมีหลายระดับตั้งแต่ระดับสีขาว สีเทาจนไปถึงสีดำ

การกระจายโอกาสให้แก่ส่วนภูมิภาค

การกระจายโอกาสนั้นหากมองผิวเผินก็อาจอนุมานได้ว่าเป็นการกระจายสิ่งที่คนในเมืองหลวงมีให้แก่คนในต่างจังหวัดหรือในระดับภูมิภาคเช่นการกระจายการศึกษาหรือสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆทั้งนี้การกระจายโอกาสนั้นก็ยังอยู่บนหลักการพื้นฐานของความเสมอภาคกล่าวคือรัฐต้องจัดให้ประชาชนทุกคนได้รับบริการจากรัฐอย่างเสมอภาคกันโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นด้านเพศที่กำเนิดเชื้อชาติหรือภาษา ความเป็นจริงคือประชากรทุกคนของรัฐต่างได้รับบริการจากรัฐอย่างเสมอภาคกันเช่น นาย ก จากจังหวัดมุกดาหารก็สามารถที่จะเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาหรืออุดมศึกษาได้เช่นเดียวกับ นาย ข ที่เป็นชาวกรุงเทพโดยกำเนิด หากมองอย่างผิวเผินเราต่างสรรเสริญเหตุการณ์นี้ว่ามันช่างเสมอภาคเสียจริงเมืองคนจากส่วนภูมิภาคสามารถเรียนจนได้ถึงระดับเดียวกับคนจากเมืองหลวง แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับไม่ได้สวยหรูเฉกเช่นที่กล่าวมา สิ่งที่ต้องพิจารณาคือการกระจายโอกาสนั้นในความเป็นจริงแล้วเป็นการกระจายอย่างเท่าเทียมหรือไม่

กล่าวคือหากนำเอาตัวอย่างเดิมเรื่องการศึกษามาเป็นตัวตั้งนั้นสมมุติฐานที่ต้องตั้งควบคู่ไปกับการได้เข้าสู่ระบบคือมาตรฐานของการจัดการนั้นเท่าเทียมกันหรือไม่และงบประมานที่ได้รับการสนับสนุนมานั้นเหมาะสมเพียงใด ? ดังที่ได้กล่าวไปแล้วตอนต้นว่าแทบจะทุกคนมีเป้าหมายคือการได้ทำงานในเมืองหลวงดังนั้นการที่จะให้มีบุคคลากรที่มีคุณสมบัติทัดเทียมกันกับบุคลากรในเมืองหลวงนั้นย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้หรือยากเต็มทีแต่ไม่ได้หมายคววามว่าบุคคลากรในระดับภูมิภาคนั้นจะมีศักยภาพที่ด้อยกว่าในเมืองหลวงหากแต่เป็นเรื่องของการสนันสนุนด้านงบประมานไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำวิจัยที่เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคหรือแม้แต่เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานปัญหานี้เองที่ทำให้ระบบการจัดการศึกษาในระดับภูมิภาคนั้นไม่อาจตอบสนองต่อค่านิยมในปัจจุบันได้ดังนั้นบรรดานักเรียนที่มาจากครอบครัวผู้มีอันจะกินในระดับภูมิภาคจึงเลือกที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาต่อในเมืองหลวงโดยหวังวาจะสามารถยกระดับความเป็นอยู่และสามารถที่จะโอ้อวดได้ว่า ลูกหลานตนศึกษาอยู่ในเมืองหลวงอย่างไรก็ตามยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาศึกษาต่อในเมืองหลวงโดยหวังว่าจะโชคดีและได้รับโอกาสในการทำงานในเมืองหลวงต่อไปบุคคลกลุ่มนี้เองที่ผู้เขียนบทความนี้พยามที่จะทำการศึกษาและค้นหาถึงความจำเป็นในการเข้ามาแสวงโชคในเมืองหลวงว่าเพราะเหตุใดเขาเหล่านี้จงเลือกที่จะเข้ามาแสวงโชคในเมืองหลวงโดยที่เขาเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆเลยกับเมืองหลวงทั้งด้านเครือญาติหรือเครือข่ายต่างๆ

เมื่อเศรษฐกิจถูกทำให้กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง

ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าเมืองหลวงนั้นเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญทั้งหลายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศด้อยพัฒนาอย่างประเทศไทยเราจะสังเกตได้จากความเจริญทางวัตถุเช่นตึกสูงที่โตเร็วกว่าต้นไม้ใหญ่ในเมืองหลวงโดยบรรดาตึกสูงเหล่านี้เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของการพัฒนาความเจริญต่างๆในเมืองหลวงแน่นอนว่าเราไม่อาจหาตึกสูงเกินกว่าห้าชั้นได้ในต่างจังหวัด(ยกเว้นโรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยว)เราคงไม่อาจพบเห็นคนในมาดนักธุรกิจที่ใส่ชุดสากลผูกเนกไทเดินกันขวักไขว่ในต่างจังหวัดเช่นเดียวกับที่เห็นในย่านเศรษฐกิจของประเทศเช่นย่านสีลมหรือสาทรสิ่งที่ต้องนำมาคิดต่อคือเพราะอะไรระบบเศรษฐกิจหรือพลังทางการเงินนั้นถึงมากระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวงทั้งๆที่ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศเกษตรกรรมแต่ส่วนภูมิภาคกลับถูกผลักออกให้ไปอยู่ในชายขอบของระบบเศรษฐกิจทั้งๆที่ส่วนภูมิภาคเป็นแหล่งผลิตรายได้ที่สำคัญของประเทศโดยเฉพาะภาคการเกษตรปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจถูกทำให้กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวงอาจเป็นเพราะเมืองหลวงเป็นหน้าตาของประเทศเราคิดว่านักธุรกิจต่างชาติคงไม่ยินดีนักหากมีการเจรจาตกลงด้านธุรกิจกันในพื้นที่แห้งแล้งหรืออยู่ท่ามกลางทุ่งนาดังนั้นระบบเศรษฐกิจการเงินต่างๆจึงมากระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง เมื่อระบบเศรษฐกิจการเงินถูกทำให้มาอยู่ที่เมืองหลวงแล้วนั้นสิ่งที่ตามมาและไม่อาจปฏิเสธได้คือตำแหน่งงานทั้งหลายย่อมที่จะมารวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นเมืองหลวงในปัจจุบันจึงไม่ใช่เพียงแต่หน้าตาของประเทศหากแต่ยังเป็นโอเอซิสแหล่งใหญ่ของบรรดาผู้แสวงโชคที่หวังจะได้รับโอกาสนั้น

เมื่อตำแหน่งงานมีจำกัดการแย่งชิงตำแหน่งงานย่อมมีสูงผู้ที่พ่ายแพ้ต่อการแข่งขันย่อมมีทางเลือกเสมอคือตั้งตัวใหม่หรือยอมแพ้และกลับไปเสี่ยงโชคในบ้านเกิดหรือเมืองอื่นต่อไป อย่างไรก็ตามบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่จะละเลยไม่กล่าวถึงไม่ได้คือเหล่าผู้แสวงโชคที่เป็นสตรี คำกล่าวที่ว่าอันนารีมีรูปเป็นทรัพย์นั้นคงจะไม่เป็นคำกล่าวที่เกินเลยไปสำหรับสังคมในยุคปัจจุบันหากดูจากอัตราการเกิดใหม่และรายได้ของสถานบันเทิงโดยเฉพาะสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่จัดให้มีสตรีให้บริการ การจัดให้มีสตรีให้บริการในสถานบันเทิงในที่นี้จะไม่กล่าวถึงสถานบริการประเภทอาบอบนวดหรือสถานบริการประเภทอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเป็นสถานให้บริการสปาต่างๆที่อยู่ในประเภทของธุรกิจสีเทาแต่ในบทความนี้จะกล่าวถึงสถานบันเทิงที่จัดให้มีสตรีให้ปริการในลักษณะของการนั่งเป็นเพื่อนพูดคุยหรือที่เรียกกันว่าเด็กนั่งดริงก์

การเข้าสู่วงการผีเสื้อราตรีจำใจหรือยินยอม

ในธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่กำลังจะพูดถึงนี้ถูกจัดให้อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติสถานบริการฉบับที่สี่ พ.ศ.2547 โดยได้นิยามคำว่าสถานบริการไว้ในมาตรา 3 ว่า "สถานบริการ" หมายความว่า สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในทางการค้า ดังต่อไปนี้
(1) สถานเต้นรำ รำวง หรือรองเง็ง เป็นปกติธุระประเภทที่มีและประเภทที่ไม่มีคู่บริการ
(2) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายและบริการ โดยมีผู้บำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า
(3) สถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า เว้นแต่

(ก) สถานที่ซึ่งผู้บริการได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทยตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือได้รับยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทยตามกฎหมายดังกล่าว หรือสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
(ข) สถานที่เพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมสวยที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องมีลักษณะของสถานที่ การบริการหรือผู้ให้บริการเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ประกาศดังกล่าวจะกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสอบเพื่อการรับรองให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้นด้วยก็ได้ หรือ
(ค) สถานที่อื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(4) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายหรือให้บริการ โดยมีรูปแบบอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) มีดนตรี การแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิงและยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้นักร้อง นักแสดง หรือพนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้า
(ข) มีการจัดอุปกรณ์การร้องเพลงประกอบดนตรีให้แก่ลูกค้า โดยจัดให้มีผู้บริการขับร้องเพลงกับลูกค้า หรือยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้พนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้า
(ค) มีการเต้นหรือยินยอมให้มีการเต้น หรือจัดให้มีการแสดงเต้น เช่น การเต้นบนเวทีหรือการเต้นบริเวณโต๊ะอาหารหรือเครื่องดื่ม
(ง) มีลักษณะของสถานที่ การจัดแสงหรือเสียง หรืออุปกรณ์อื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(5) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 นาฬิกา
(6) สถานที่อื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง"

สถานบันเทิงที่จะกล่าวต่อไปนี้อยู่ตามอนุมาตรา 4 และ 5 ลักษณะของสถานบริการประเภทนี้ได้แก่สถานบริการที่จัดให้มีการจำหน่ายสุราและมีการแสดงดนตรี หากมองกันแต่เปลือกคือผับแอนด์เรสโตรองค์ทั่วไปแต่สิ่งที่กำลังจะสื่อต่อไปนี้คือความจริงที่ปรากฏต่อสายตาของคนทั่วไปอย่างโจ่งแจ้งนั่นคือสถานบริการที่เรียกอีกอย่างว่าเลาจน์แอนด์คาราโอเกะหรือในความเข้าใจทั่วไปคือโคโยตี้ผับ บิวตี้ฟูลคลับตามแต่จะตั้งชื่อสถานบริการประเภทนี้จะจัดให้มีการแสดงดนตรีและจัดให้มีการแสดงอื่นเพื่อความบันเทิงเช่นการจัดให้มีการแสดงตลกซึ่งกำลังเสื่อมความนิยมในปัจจุบันแต่สิ่งที่มาแทนที่นั้นกลับได้รับความนิยมมากกว่าและสามารถล่อหลอกเหล่านักเที่ยวราตรีบุรุษเพศได้มากกว่านั่นคือการแสดงโคโยตี้แดนซ์เซอร์ (coyote dancer)โดยจะเป็นการแสดงของสตรีเพศในลักษณะชุดนุ่งน้อยห่มน้อยหรือชุดบิกินี่เป็นต้น นอกจากนั้นสถานบริการเหล่านี้จะจัดให้มีสตรีไว้คอยให้บริการนั่งเป็นเพื่อนเหล่านักเที่ยวโดยจะเรียกสตรีเหล่านี้ว่า PR โดยราคาในการนั่งเป็นเพื่อนนั้นก็ขึ้นอยู่กับระดับของสถานบริการซึ่งโดยมากแล้วจะอยู่ที่ราคา 290 บาทสำหรับสมาชิกต่อสี่สิบนาทีหรือหนึ่งดื่มโดยเริ่มต้นที่สองดื่มสำหรับระดับ PR โดยรายได้จากค่าดื่มนี้ในบางสถานบริการจะแบ่งกับตัว PR กันในสัดส่วนที่ตกลงกันไว้เช่นหกสิบสี่สิบหรือห้าสิบห้าสิบเป็นต้นหรือหากนักเที่ยวคนใดเกิดติดใจหรือถูกใจ PR คนใดอาจทำการเหมาดื่มหรือซื้อดื่มเพื่อขอให้อยู่เป็นเพื่อนได้ตลอดจนร้านปิดก็ได้โดยราคาค่าเหมาดื่มโดยมากจะอยู่ที่ 2,900-3,190 บาท ขึ้นอยู่กับระดับของพนักงานหรือจะทำการซื้อเหมาดื่มเพื่อให้พนักงานไปเที่ยวนอกร้านกับตนได้

กับรายได้ที่ค่อนข้างดีในระดับนี้ย่อมล่อใจเหล่าสตรีที่มีรูปเป็นทรัพย์ให้เข้ามาสู่วงการผีเสื้อราตรีได้โดยง่ายแต่การเข้าสู่วงการหรือธุรกิจกลางคืนนี้ย่อมเกิดคำถามในใจต่อบุคคลทั่วไปรวมถึงนักเที่ยวทั่วไปว่าเข้ามาเพราะสมัครใจหรือว่าจำยอม แน่นอนว่ารายได้ขนาดสี่ถึงห้าหมื่นบาทต่อเดือนนั้นย่อมล่อใจเหล่าผีเสื้อราตรีแต่ฉากหลังของเธอเหล่านั้นเราไม่อาจทราบได้ว่าเธอเหล่านั้นยินดีที่จะมาทำเพราะต้องการเงินไปปรนเปรอชีวิตให้ทันกับระบบทุนนิยมปัจจุบันหรือเพราะความจำเป็นของครอบครัวที่ผลักดันให้เธอเหล่านั้นต้องเข้าสู่วงการนี้

จากการสัมภาษณ์ในพื้นที่จริงของผู้เขียนบทความทำให้ได้ทราบถึงเหตุผลของเหล่าผีเสื้อราตรีบางคนเช่น บางคนเดินทางมาจากภาคอิสานเพื่อเรียนและหางานทำแต่เมื่อไม่สามารถแข่งกับสภาพสังคมในเมืองหลวงได้เธอตัดสินใจที่จะเข้าสู่ธุรกิจกลางคืนโดยเริ่มจากการเป็นนักแสดงบนเวทีแลกกับรายได้ที่ไม่มากมายนักเมื่อรายได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของครอบครัวประกอบกับสภาพสังคมที่บีบคั้นเข้ามาเธอจึงตัดสินในเข้าสู่การเป็นPRและเป็นโคโยตี้แดนซ์เซอร์ในที่สุด ต่อคำถามที่ได้ตั้งไว้ในตอนต้นว่าเพราะเหตุใดจึงเลือกเข้าสู่เส้นทางสายนี้คำตอบที่ได้รับนั้นก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้มากนักคือความจำเป็นเมื่อไม่สามารถหางานในบ้านเกิดของเธอได้ประกอบกับความจำเป็นของครอบครัวที่เรียกร้องเงินจำนวนมาก (ประมาน 20,000 บาทต่อเดือน) เธอจึงตัดสินในเข้ามาทำงานในเส้นทางนี้อย่างเต็มตัวโดยให้เหตุผลว่าเปลืองตัวไม่มากเพียงแค่อาจจะถูกลูกค้าลวนลามบ้างแต่สามารถปัดป้องได้แต่หากพบลูกค้าที่ดีเธอก็เหมือนกับได้พักผ่อนไปในตัวผู้เขียนสัมภาษณ์ต่อไปอีกว่าพ่อแม่ของเธอรับรู้ถึงงานของเธอหรือไม่คำตอบนั้นผิดจากที่คาดมากคือพ่อแม่ของเธอนั้นรับรู้ถึงงานของเธอทุกอย่างคำถามสุดท้ายที่ได้ถามคือจะประกอบอาชีพนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ คำตอบที่ได้กลับมานั้นเป็นคำตอบที่น่าตกใจมากสำหรับผู้เขียนคือเธอยืนยันว่าจะทำไปจนกว่าจะทำไม่ไหวหรือมีคนมารับเลี้ยงเนื่องจากไม่รู้จะไปทำงาน

อะไร(ปูมหลังของผู้ถูกสัมภาษณ์คือจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรงเทพ) เมื่อผู้เขียนซักต่อไปว่าหากอยู่ในสภาพภริยาน้อยและต้องนอนกับผู้รับเลี้ยงนั้นสามารถรับได้หรือไม่คำตอบมีเพียงน้ำตาและการตอบแบบเบาๆว่าไม่มีทางเลือก

บุคคลอีกกลุ่มที่เข้ามามีบทบาทในธุรกิจนี้ได้แก่เซลล์หรือเรียกกันในแบบเก่าว่าแม่เล้าจน์บุคคลกลุ่มนี้มีหน้าที่ในการเชียร์ให้ลูกค้าเลือกPRไปนั่งเป็นเพื่อนเข้าเหล่านี้จะได้รับส่วนแบ่งจากค่าดื่มที่กำหนดไว้ในระเบียบของสถานบันเทิงแต่ละแห่งหากคืนใดไม่มีลูกค้าของเซลล์เหล่านี้เข้าร้านแน่นอนว่าเขาเหล่านี้ย่อมไม่ได้ค่าดื่มในวันนั้นๆ จากการสัมภาษณ์เซล์ลรายหนึ่งเธอให้ข้อมูลว่าในอดีตเธอเคยเป็นสาวนั่งดริงก์ในคาราโอเกะแห่งหนึ่งต่อมาเมื่อวัยเริ่มสูงขึ้นเธอจึงผันตัวมาเป็นเซลล์ประกอบกับมีลูกสองคนจึงทำให้เธอไม่สามารถที่จะดื่มสุราได้มากเฉกเช่นเมื่อก่อน

การเข้าถึงสวัสดิการด้านสุขภาพของเหล่าผีเสื้อราตรี

จากการสอบถามในเบื้องต้นพบว่าบรรดาพนักงานในสถานบริการเหล่านี้ไม่ได้เข้าอยู่ในระบบเงินเดือนเหมือนกับงานประเภทอื่นในกลางวันดังนั้นพนักงานในสถานบริการเหล่านี้จึงไม่อยู่ในระบบประกันสังคมนั่นหมายความว่าเมื่อยามเจ็บป่วยเขาเหล่านั้นต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเองทั้งหมด จากสภาพการทำงานที่ชีวิตงานเริ่มต้นประมานสี่ทุ่มและลากไปจนถึงประมานตีสามเธอเหล่านั้นจะต้องคอยบริการลูกค้าในทุกๆความต้องการโดยส่วนมากจะเป็นการดื่มเหล้ากับลูกค้าเมื่อวงจรชีวิตเป็นเช่นนี้ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าผลร้ายที่ตามมาคือสุขภาพที่ทรุดโทรมมากกว่าคนทั่วไปรายได้ต่างๆของเหล่าผีเสื้อราตรีนั้นจึงหมดไปกับค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพซึ่งรวมถึงการรักษาและแต่งเติมความงามเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ต่อไปในตลาดกลางคืนอันเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันกันหนักสนามหนึ่ง

กลับบ้านหรือสู้ต่อในสมรภูมิยามราตรี

เมื่อจำนวนงานนอกเมืองหลวงนั้นมีจำนวนน้อยมากหากเทียบกับในเมืองหลวงทางเลือกของเหล่าผีเสื้อราตรีนอกจากนั้นจำนวนของค่าตอบแทนยังไม่สามารถเทียบกันได้สิ่งที่ต้องพิจารณาถึงแนวทางในการพัฒนาของประเทศนั้นคือเราเดินมาถูกทางหรือไม่เมื่อเราเน้นการพัฒนาให้กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวงและตามหัวเมืองใหญ่หากเรามุ่งเน้นการกระจายตัวของการพัฒนาเพื่อให้ระดับภูมิภาคมีความเจริญหรือมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกับเมืองหลวงบางครั้งเราอาจเห็นผีเสื้อราตรีลดจำนวนลงหรืออาจจะหายไปจากสังคมก็เป็นได้ ทั้งนี้ปัจจัยอื่นๆก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นอุปสงค์หรือดีมานด์ของผู้ซื้อซึ่งก็คือนักท่องราตรีเพศผู้เป็นต้น หากรัฐสามารถที่จะสร้างความเท่าเทียมในการกระจายโอกาสในทางเศรษฐกิจได้นั้นย่อมเป็นผลดีเพราะจะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีจากแรงงานในระบบได้มากขึ้นแต่หากไม่สามารถจัดการได้ปัญหาที่รัฐต้องรับภาระต่อมาคืออัตราการว่างงานแท้จริงของเหล่าผีเสื้อราตรีเมื่อพวกเธอปลดเกษียณหรือไม่สามารถทำงานต่อไปได้รัฐอาจต้องเข้ามาแบกรับภาระในส่วนนี้

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net