Skip to main content
sharethis

พิสูจน์หลักฐานย้ำหัวกระสุนในตัวผู้ตายไม่ตรงกับที่ทหารส่งตรวจ แต่สามารถเปลี่ยนลำกล้องปืนซึ่งเป็นที่มาของลักษณะเฉพาะหัวกระสุนง่าย รถตู้ที่เกิดเหตุโดนกระสุนชนิดเดียวกัน พยานคาดเจตนาการยิงถึงแก่ชีวิต รมต.ICT เบิกความต่อ 25 ก.ค.

 

24 ก.ค.55 เวลาประมาณ 9.30 น. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา รัชดา มีการไต่สวนการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ ชาว จ.ยโสธร ซึ่งถูกยิงบริเวณถนนราชปรารภ ใกล้แอร์พอร์ทลิงค์ ที่เป็นจุดประจำการของทหาร เมื่อหลังเที่ยงคืนวันที่ 14 พ.ค.ต่อกับวันที่ 15 พ.ค.53 จากกรณีที่มีการยิงสกัดรถตู้ที่เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว โดยในวันนี้มีพยาน 6 ปากเป็นเจ้าหน้าทีตำรวจที่ทำหน้าที่พิสูจน์หลักฐานรอยกระสุนในที่เกิดเหตุ อาวุธปืนของทหารและหัวกระสุนในศพผู้ตาย เป็นต้น เจ้าหน้าที่เบิกความสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์เปรียบเทียบหัวกระสุนที่มาเบิกความไว้เมื่อวันที่ 18 ก.ค.55 ว่า หัวกระสุนที่อยู่ในร่างผู้เสียชีวิตเป็นกระสุนปืนเล็กกล ทองแดงหุ้มเหล็กและตะกั่ว ขนาด .223 ( 5.56 มม.)แบบ M855 ซึ่งสามารถใช้กับปืนเล็กกล เช่น  M16 และทราโว่ เป็นกระสุนชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในร่างนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู่ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์เดียวกัน รวมทั้งยังเป็นกระสุนชนิดเดียวกันที่ใช้กับปืนของเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.1 พัน 3 รอ และ ป.พัน 31 รอ. ที่พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ส่งมาให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจ แต่ลักษณะรอยตำหนิพิเศษของหัวกระสุนที่ถูกยิงจากลำกล้องของปืนที่ส่งตรวจนั้น  ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ยิงผู้ตาย จากลักษณะของตำหนิพิเศษจะเกิดจากลำกล้องของปืนแต่ละกระบอกที่ไม่เหมือนกัน แต่หากมีการเปลี่ยนลำกล้องเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าก็จะไม่สามารถพิสูจน์ได้

พ.ต.อ.สุพจน์ เผ่าถนอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอาวุธปืน ได้เบิกความต่อศาลถึงลำกล้องปืนของเจ้าหน้าที่ว่าตัวลำกล้องไม่มีหมายเลขประทับ ไม่มีการตอกหมายเลข โดยอัยการสอบถามถึงความยากง่ายในการเปลี่ยนลำกล้อง พ.ต.อ.สุพจน์ ตอบว่า เจ้าหน้าที่ๆ ปฏิบัติงานในภาคสนามหากมีการเรียนรู้มาก็สามารถเปลี่ยนได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที

 

ภาพรถตู้นายสมร ไหมทอง ที่ถ่ายวันที่ 15 พ.ค.53 และเผยแพร่ใน youtube โดย user “ajaketube” http://www.youtube.com/watch?v=PEL5tjV28io

 

ยันการยิงรถตู้ในเหตุการณ์มุ่งแก่ชีวิต
โดยในระหว่างการไต่สวนนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความผู้เสียหาย ได้ซักถามพยาน คือ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ บุญมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงการยิงเพื่อสกัดกั้นรถตู้ที่ไม่ได้หมายชีวิตกับการยิงเพื่อหมายชีวิตแตกต่างกันหรือไม่ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ ยืนยันว่า แตกต่างกัน  โดยอธิบายเสริมว่าการยิงที่ไม่ได้หมายชีวิตนั้นจะยิงในส่วนที่ไม่สำคัญ หรือยิงที่บริเวณล้อรถ จากนั้นทนายได้นำรูปรถตู้ของนายสมร ไหมทอง ที่ถูกยิงในเหตุการณ์จนมีร่องรอยกระสุนปรากฏให้ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ พิจารณา พร้อมสอบถามถึงภาพดังกล่าวเป็นการยิงในลักษณะใด พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ ตอบว่าจากรอยกระสุนที่ปรากฏบนรถตู้ในรูปนั้นเชื่อว่าน่าจะมีผลต่อชีวิตได้ ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย ทำหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จากกลุ่มงานตรวจอาวุธและเครื่องกระสุนปืน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าตามรูปถ่ายรถตู้ว่าจุดที่กระสุนเข้ามากที่สุดเป็นด้านขวาตรงประตูคนขับ โดยทนายได้ถามย้ำถึงลักษณะการยิงสกัดเพื่อให้รถหยุดควรทอย่างไร พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ตอบว่าควรยิงที่ยางหรือที่ห้องเครื่อง ส่วนศาลได้สอบถามเพิ่มเติมด้วยว่ากรณีที่มีการยิงมาตรงคนขับตามภาพแสดงว่าอะไร พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ตอบว่า “คิดว่ามีลักษณะที่คาดว่ายิงให้คนขับถึงแก่ชีวิต”

นอกจากนี้ อัยการได้เปิดวีดีโอที่ถ่ายโดยนายคมสันต์ เอกทองมาก อดีตช่างภาพเนชั่นแชนเนล ที่ถ่ายเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 14พฤษภาคม 2553 ( Voice TV ได้มีการนำวีดีโอดังกล่าวมาเผยแพร่ในบางตอนด้วยสามารถดูได้ที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/42919.html) ให้พยานพิจารณาถึงเหตุการณ์ โดย พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย ได้เบิกความว่ามีความเป็นไปได้สูงว่ารถตู้คัดดังกล่าวถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม โดยก่อนหน้านั้นศาลได้ถามถึงว่าอะไรคืออาวุธสงคราม พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ อธิบายว่าคือปืนเล็กกล หากเป็นภาษาชาวบ้านเรียก M16 และ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยังได้กล่าวอีกว่าเห็นทหารในวีดีโอดังกล่าวถือ M16 และลูกซองด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 25 ก.ค.55 ช่วงเช้า นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะมาเบิกความและช่วงบ่ายพนักงานสอบสวนในกรณีดังกล่าวจะมาเบิกความต่อในกรณีนี้


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net