หวั่น! ออกหมายจับชาวบ้าน “ชุมชนสันติพัฒนา”-บังคับคดีให้ออกจาก “พื้นที่ สปก.”

คณะทำงานสภาทนายความแจ้งข้อมูลวงใน เผยกำลังจะมีการออกหมายจับ “ชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนา” ในคดีแพ่ง หลังศาลตัดสินให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซ้ำการยื่นเพิกถอนบังคับคดีอาจไม่เป็นผล ต้องเดินหน้าต่อในชั้นศาลอุทธรณ์

 
 
(9 ก.ค.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานสภาทนายความแจ้งข้อมูลว่าได้รับการยืนยันเป็นการภายในจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งว่า กรณีชาวบ้านในชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฏร์ธานี ที่ถูกฟ้องคดีแพ่งและถูกบังคับคดีสั่งให้รื้อถอนภายในวันที่ 29 มิ.ย.55 ในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ สปก.และ สปก.จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีหนังสือส่งมอบพื้นที่ให้กับชุมชนแล้ว ตามรายละเอียดที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ (คลิกอ่าน: http://www.prachatai3.info/journal/2012/07/41361) ว่ากำลังจะมีการออกหมายจับจำเลย โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างการพิมพ์เอกสารหมายจับ คาดว่าน่าจะออกหมายจับในวันนี้
 
จากการพูดคุย ทนายความจากสภาทนายความให้ข้อมูลว่า หมายจับที่จะออกมาคือหมายจับในคดีแพ่งเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาที่มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวารออกไปจากพื้นที่ตามแนวเขตเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาท ถ้าจำเลยปฏิเสธก็ต้องถูกจับกุมคุมขังซึ่งตามอำนาจศาลได้ไม่เกิน 6 เดือน หรือจนกว่าจะมีการรื้อถอนแล้วเสร็จ ถ้าจำเลยตอบตกลงที่จะรื้อถอนก็ต้องมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จภายในกี่วันกี่เดือน
 
“เรารอความชัดเจนเรื่องเอกสารก่อน ถ้าหมายจับออกมาจริงก็ต้องยื่นขอเพิกถอนอีก อันที่จริงก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องไป 2 ครั้งแล้ว เรื่องเพิกถอนหมายจับกับเพิกถอนบังคับคดี ถ้ายังไม่เพิกถอนอีกก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ที่มีอำนาจกว่าศาลชั้นต้น” ทนายความจากสภาทนายความกล่าว
 
สำหรับการยื่นเรื่องเพิกถอนการบังคับคดี จากกรณีที่คดีนี้โจทย์ได้ส่งมอบพื้นที่ให้ สปก.แล้วนั้น ศาลมีความเห็นว่า “หมายบังคับคดีไม่ได้ออกโดยผิดหลง หรือมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการอุทธรณ์คำพิพากษาและยื่นขอทุเลาบังคับคดีโดยที่ยังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับก็ไม่ใช่เหตุที่จะเพิกถอนหมายเพื่อบังคับคดีได้ ส่วนเหตุตามคำร้องก็เป็นเรื่องระหว่างโจทย์กับสำนักปฏิรูปที่ดินไม่เกี่ยวกับจำเลยที่จะบังคับตามคำพิพากษา กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องบังคับคดีให้ยกคำร้อง”
 
ทนายความกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้หากร้องค้านไม่สำเร็จ ผลของคดีก็ต้องรอให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตามชาวบ้านเองมีสิทธิปกป้องทรัพยากร วิถีวัฒนธรรมและชุมชนที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้นมา ส่วน สปก.เจ้าของพื้นที่ก็ต้องออกมาปกป้องชาวบ้านถ้ามีการรื้อถอนชุมชนจริง สปก.มีสิทธิฟ้องโจทย์ในข้อหาบุกรุกได้เช่นกัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.55 นายบุญฤทธิ์ ภิรมณ์ และตัวแทนชาวบ้านชุมชนสันติพัฒนาได้เข้าประชุมร่วมกับ นายสถิตย์พงษ์ สุดชูเกียรติ รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งนายสถิตพงษ์กล่าวกับตัวแทนชาวบ้านว่า บังคับคดีไม่มีสิทธิ์เข้าไปรื้อถอนชุมชนเพราะเป็นพื้นที่ สปก. และสปก.ได้ส่งมอบพื้นที่ไปแล้ว อีกทั้งจะทำหนังสือแจ้งไปทางบังคับคดีระงับการรื้อถอน และจะแจ้งไปทางจังหวัดสุราษฏร์ธานีโดยด่วน
 
จากนั้น ในวันที่ 29 มิ.ย.55 ซึ่งมีกำหนดการรื้อถอน ได้มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งขับรถวนเวียนบริเวณใกล้ๆ ชุมชน แต่ไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใด
 
ทั้งนี้ ชุมชนสันติพัฒนาถูกดำเนินคดี จำนวน 4 คดี โดยโจทก์คือบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) จำเลยคือชาวบ้านในชุมชนสันติพัฒนา จำนวน 12 คน ระหว่างการต่อสู้คดีจำเลยเสียชีวิต 3 คน โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดิน 1,486 ไร่ โดยมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3ก 330 ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการออกเอกสารสิทธิ แต่ถูกจำเลยบุกรุกและทำละเมิดคดีแบ่งเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญา 2 คดี และคดีแพ่ง 2 คดี รวมค่าเสียหายในส่วนแพ่ง 15 ล้านบาท
 
 
 
รายละเอียดและความคืบหน้าคดี
 
มีดังนี้
 
1.คดีอาญาดำ 1912, 2131/2552 แดง 3738, 3739/2554 (รวมการพิจารณา 2 คดี)
ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โจทก์
บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) โจทก์ร่วม
นายมนัส กลับชัย กับพวกรวม 9 คน จำเลย
ข้อหา ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้งเก้ามีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกจำคุก 1 ปี 6 เดือน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา
 
2.คดีแพ่งดำ 1243/2551 แดง 138/2555
ระหว่าง บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด โจทก์
นางอรพิน วัชรเฉลิม กับพวกรวม 3 คน จำเลย
ข้อหา ละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
 
ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน 110 ไร่ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท และชำระค่าเสียหายเดือนละ 15,000 บาท จนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท และชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 30,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะทุนทรัพย์ที่ชนะคดี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา
 
3.คดีแพ่งดำ 230/2552 แดง 953/2554
ระหว่าง บริษัท สหอุตสาหกรรน้ำมันปาล์ม จำกัด โจทก์
นายมนัส กลับชัย กับพวกรวม 12 คน จำเลย
ข้อหา ละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1, 3, 5-9, 11, 12 รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน 110 ไร่ และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน 1,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทจนกว่าจะขนย้ายฯ
 
คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ในส่วนของจำเลยขอยกเว้นค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ศาลมีคำสั่งอนุญาต และขอทุเลาการบังคับคดี ศาลยังไม่มีคำสั่งต้องรอให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งเกี่ยวกับการทุเลาการบังคับคดี
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.55 โจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศเพื่อจะดำเนินการรื้อถอนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เริ่มดำเนินการรื้อถอน 29 มิ.ย.55
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท