Skip to main content
sharethis

 

2 ก.ค.55  ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา รัชดา มีการไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิต นายชาญณรงค์ พลศรีลา ผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกยิงและเสียชีวิตบริเวณหน้าปั้มเชลล์ ถนนราชปรารภ เมื่อบ่ายวันที่ 15 พ.ค.53  โดยมีผู้สื่อข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้าเบิกความจำนวน 3 ปาก จากเครือเนชั่น, ไทยพีบีเอส และโพสต์ทูเดย์ รวมทั้งประชาชนผู้อยู่ในเหตุการณ์อีก 1 ปาก

ทั้งนี้ การไต่สวนดังกล่าวจะมีขึ้นอีกในวันที่ 9, 16, 23, 30  ก.ค.55

ช่างภาพเนชั่นชี้ ติดป้าย PRESS ชัด
นายไชยวัฒน์ พุ่มพวง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เดชภพ) ช่างภาพอาวุโสของสำนักข่าวเนชั่น เดินทางมายังศาลโดยใช้ไม้เท้า เบิกความว่า ตนได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายภาพในพื้นที่ในช่วงบ่ายของวันที่ 15 พ.ค.53 บริเวณถนนราชปรารภ ซึ่งมีลวดหนามของทหารเขียนว่า “แนวกระสุนจริง” ขณะที่ผู้ชุมนุมพยายามตั้งบังเกอร์ห่างออกไป ช่วงที่มีการยิงทหารเริ่มเดินรุกคืบบนถนนทั้งสองฝั่ง แต่ตนไม่เห็นทหารบนสะพานลอย มีเสียงปืนดังมาจากแนวทหาร ผู้ชุมนุมไม่มีการตอบโต้ด้วยอาวุธ แต่มีการยิงพลุข่มขู่ ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตนใส่ปลอกแขนที่มีคำว่า PRESS ชัดเจน แต่ก็ยังโดนยิงเข้าที่โคนขาขวา โดยเชื่อว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชภพยืนยันว่าไม่มีการประกาศเตือนล่วงหน้าจากทางเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ขณะที่นายณัฐพงษ์ พรหมเพชร ช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส เบิกความว่าอยู่ในบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน และได้ยินเสียงประกาศเตือนแว่วๆ จากทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้ามาเพราะเป็นเขตกระสุนจริง ประมาณ 1-2 ครั้ง ส่วนนายพงษ์ไทย วัฒนาวณิชย์วุฒิ ช่างภาพจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ระบุว่า ไม่ได้ยินการประกาศเตือนจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด


ช่างภาพไทยพีบีเอส ระบุทหารเตือนก่อน ได้ยินเสียงปืนลูกโม่ตอบโต้

นายณัฐพงษ์ ช่างภาพไทยพีบีเอส เล่าเหตุการณ์ว่าในช่วงบ่ายโมงกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เริ่มขยับจากที่รวมตัวอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มาประมาณ 100 เมตรแล้วพยายามนำยางรถยนต์มาวาง ขณะที่ทหารน่าจะอยู่ห่างออกไปบริเวณซอยรางน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นอาวุธกลุ่มผู้ชุมนุมแต่เห็นมีการนำฝากระโปรงหน้าของรถทหารที่ยึดมาได้เอามาทำเป็นเกราะกำบัง จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงปืนจากฝั่งทหาร แต่น่าจะเป็นการยิงขึ้นฟ้าจากไม่กี่นัดก็เริ่มมากขึ้นๆ และผู้คนแตกกระจายหาที่กำบัง จากนั้นผู้ชุมนุมมีการตอบโต้ด้วยพลุตะไลจำนวนประมาณ 3 นัดแต่ตอนนั้นตนเข้าใจว่าเป็น M79 ขณะที่ทหารระดมยิงมาเรื่อยๆ นั้น ก็ได้ยินเสียงปืนลูกโม่เป็นระยะๆ แต่ไม่มากนัก มาจากฝั่งผู้ชุมนุมด้วย ขณะที่นายพงษ์ไทย ช่างภาพโพสต์ทูเดย์ เบิกความว่า ไม่เห็นผู้ชุมนุมมีอาวุธ และไม่เห็นการตอบโต้ด้วยอาวุธจากฝั่งผู้ชุมนุม

ช่างภาพไทยพีบีเอส กล่าวต่อว่า ระหว่างที่มีการยิง เห็นผู้ชุมนุมถูกยิง 2 คน คนหนึ่งกระโดดหนีไปได้ อีกคนทราบภายหลังว่าคือนายชาญรณงค์ ผู้ตายในคดีนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นทหารยิงอย่างชัดเจน แต่ทราบว่าวิถีกระสุนมาจากทางทหาร ระหว่างนั้นเห็นนายเดชภพถูกยิงด้วย แต่เข้าไปช่วยไม่ได้ และทหารเป็นผู้เข้ามาช่วยเดชภพเอง รวมทั้งผู้ชุมนุมหรืออาจเป็นชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บด้วย

ทหารยึดเทป ลบบางภาพก่อนคืน
ช่างภาพไทยพีบีเอส ระบุด้วยว่าทหารได้ยึดเทปบันทึกภาพของเขาไป จากนั้นจึงมีการต่อรองกัน โดยเขาแจ้งทหารว่าในเทปมีภาพทหารกำลังช่วยนายเดชภพด้วย หากได้ออกอากาศน่าจะเป็นผลดี ทหารจึงยอมมอบเทปกลับมาแต่ทหารซึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบคาดว่าเป็นระดับผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ลบภาพที่มีการหามคนเจ็บหรือคนตายออกไป 1 ภาพ เมื่อได้เทปคืนมาจึงได้นำภาพที่เหลือไปออกอากาศ จำนวน 2 ครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเบิกความมีการเปิดฉายเทปบันทึกการรายงานข่าวสถานการณ์ดังกล่าวของสถานีไทยพีบีเอสที่นายณัฐพงศ์เก็บภาพไว้ได้ด้วย โดยเห็นผู้ชุมนุมมีการจุดตะไล และมีการระดมยิงเข้ามาบริเวณบังเกอร์ใกล้ปั๊มเชลล์ กระทั่งมีการหามนายเดชภพ ช่างภาพเนชั่นซึ่งถูกยิงที่โคนขาออกมาจากจุดเกิดเหตุโดยทหารและมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งนี้ ทนายจำเลยได้ซักถามถึงภาพที่ทหารระดมยิงใส่กองยางและมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บว่ามีการถ่ายไว้ด้วยใช่หรือไม่ นายณัฐพงศ์ ระบุว่า มีการถ่ายไว้ แต่ไม่แน่ใจว่ามีการนำไปออกอากาศหรือไม่ เพราะตนมีหน้าที่เพียงส่งภาพทั้งหมดเข้าไปยังสำนักงานเท่านั้น

โพสต์ทูเดย์ยัน ไม่เห็นการตอบโต้จากผู้ชุมนุม กระสุนมาจากทหารทั้งบน ล่าง
นายพงษ์ไทย ช่างภาพหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เบิกความว่า การตั้งบังเกอร์บริเวณปั๊มเชลล์ดังกล่าวกระทำโดยกลุ่มมวลชนราว 20-30 คน ไม่มีแกนนำเป็นระบบ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งเป็นรูปเป็นร่างก็ได้ยินเสียงปืน 2-3 นัด ซึ่งตนยังจับไม่ได้ว่ามาจากทางไหน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนอีกหลายนัด และเริ่มประเมินได้ว่ามาจากฝั่งทหาร แต่ยังไม่เห็นวิถีตก ตนจึงเข้าไปหลบที่ฝั่งตรงข้ามปั๊มเชลล์ เห็นผู้ชุมนุมหมอบอยู่หลังกองยางประมาณ 10 คน จากนั้นกระสุนชุดที่สามก็มา คราวนี้มาอย่างต่อเนื่องและเห็นวิถีกระสุนชัดว่ามาจากทางทหาร มาทั้งข้างล่างข้างบน ตกที่ถนน ข้ามกองยางไป และเห็นว่าโดนคนหลังกองยางด้วยเพราะเห็นเลือด แต่ไม่รู้ว่าโดนกี่คน ส่วนนายเดชภพซึ่งหลบอยู่ใกล้ๆ ก็โดนยิงด้วยในช่วงนี้ และมีการตะโกนบอกว่าถูกยิง เขาจึงชะโงกหน้าไปดู จากนั้นวางกล้องจะไปช่วย จังหวัดที่ชะโงกคลานไปครึ่งตัว เหมือนมีแรงลมผ่านใกล้หัวมากจึงต้องหลบเข้าที่เดิม และบอกให้นายเดชภพนั่งนิ่งๆ เพราะกลัวโดนยิงซ้ำหากขยับ ทั้งคู่นั่งอยู่นานประมาณ 20  นาทีจึงเห็นทหารกระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ มีอาวุธปืนคาดว่าเป็น M16 ค่อย ๆ ย่องเข้ามาในลักษณะกระชับปืนคอยเล็งตลอด กระทั่งพบผู้สื่อข่าวและมีการช่วยเหลือออกไปจากพื้นที่

ประชาชนในภาพข่าวเพิ่งกล้าเป็นพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากช่างภาพที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วยังมีประชาชนที่หลบอยู่หลังบังเกอร์อีกคนหนึ่งเข้าเบิกความ คือ นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อาชีพรับจ้างขับรถให้ชาวต่างชาติ โดยเขาอยู่ร่วมเหตุการณ์และปรากฏในภาพข่าวหลายภาพ โดยร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มตั้งกองยาง กระทั่งหลบหนีจากดงกระสุนมาได้รวมทั้งเห็นนายชาญณรงค์ถูกยิงที่ท้อง เขาระบุด้วยว่า ภายหลังเหตุการณ์ได้รับทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ แต่ไม่กล้าออกมาเป็นพยาน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิต กระทั่งพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจึงกล้าออกมาเป็นพยาน และมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ทหารข้อหาพยายามฆ่าไว้แล้วด้วย

สรศักดิ์ ระบุว่า ผู้ชุมนุมด่านหน้าที่นำยางไปตั้งเป็นบังเกอร์พยายามเขยิบเข้าใกล้ทหารเรื่อยๆ เพราะต้องการถนนราชปรารภคืน เพื่อให้ประชาชนจำนวนมากที่รออยู่ที่สามเหลี่ยมดินแดงเดินทางเข้าสู่ราชประสงค์เพื่อร่วมชุมนุมกับ นปช.ได้ โดยการตั้งบังเกอร์รอบแรก ห่างจากแนวทหารประมาณ 300 เมตรและยังไม่โดนยิง บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างเฮฮา แต่เมื่อเขยิบไปถึงหน้าปั้มเชลล์ ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร ก็เห็นทหารยืนประจำการอยู่เต็มสะพานลอยไกลๆ จากนั้นเมื่อลงมือวางกองยางเพียงไม่ถึง 5 นาทีก็ถูกระดมยิง โดยไม่ได้ยินการแจ้งเตือนใดๆ  การยิงชุดแรกนั้นไม่เห็นว่ากระสุนลงที่ไหน แต่ยิงชุดที่สองกระสุนมาจากมุมสูงลงหลังกองยาง ตกกระทบพื้นถนน

สรศักดิ์ ระบุว่า ระหว่างที่เขาหลบขดตัวหลังกองยาง ขณะนั้นนายชาญณรงค์หมอบอยู่ห่างจากกองยางออกไป และพยายามคลานเข้ามาใกล้พร้อมบอกว่า “ผมโดนแล้วๆ” และเปิดเสื้อให้ดู เห็นเลือดทะลักออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก จากนั้นเขาพยายามวิ่งเข้าปั้มซึ่งมีช่องที่ไม่มีกองยางกำบังอยู่ช่วงหนึ่งท่ามกลางกระสุนที่ยังมาไม่ขาด เมื่อเข้าไปได้ก็มีคนตะโกนบอกว่าอย่าไปอยู่ปั๊มเพราะลูกปืนจะโดนหัวจ่ายระเบิด เขาจึงวิ่งอ้อมมาหลบข้างรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างปั๊ม ก่อนพยายามหลบออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อกลับไปหามอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ไม่ไกล

สรศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ชุมนุมไม่มีใครมีอาวุธ ยกเว้นนายชาญณรงค์ที่มีหนังสติ๊ก อย่างไรก็ตาม หลังจากทหารเริ่มยิง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนำตะไลออกมาเตรียมจุด แต่เขาได้เตือนว่าอย่าจุดเพราะจะยิ่งเป็นการยั่วยุ พร้อมยืนยันว่าเด็กหนุ่มไม่มีการจุดตะไลหลังกองยาง

ช่างภาพเนชั่น อุทธรณ์ 'ธงทอง' พิจารณาค่าชดเชยใหม่
ภายหลังเบิกความ นายเดชภพ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังคงทำงานอยู่ที่เนชั่นเช่นเดิม และทางบริษัทได้ออกค่ารักษาพยาบาลให้อย่างเต็มที่นับล้านบาท เพราะมีการผ่าตัดหลายครั้ง  อย่างไรก็ตาม เมื่อครม.มีมติให้เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ตนถูกจัดสรรไปอยู่ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งจะได้เงินเยียวยาราว 1.1 ล้าน ซึ่งตนได้เข้ายื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อนายธงทอง จันทรางศุ ผู้ดูแลเรื่องการเยียวยาแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยระบุว่าหลักเกณฑ์ในการจำแนกหยาบเกินไป เพราะจนถึงปัจจุบันตนยังเดินไม่สะดวก ทำงานไม่ได้ดังเดิม เพราะขาข้างที่โดนยิงสั้นลงประมาณ 2 นิ้ว ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันตลอดและยังไม่หายเป็นปกติ จึงไม่น่าจะเข้าข่ายบาดเจ็บสาหัส แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ถึงกับทุพพลภาพซึ่งจะได้รับเงินเยียวยาราว 4 กว่าล้านบาท เรียกว่าอยู่ระหว่างกึ่งกลาง ซึ่งนายธงทองได้รับเรื่องไว้และรับปากจะดำเนินการพิจารณาให้ภายในสัปดาห์หน้า

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net