Skip to main content
sharethis

ชู "คณะราษฎร" ต่อสู้เพื่อคนทั้งชาติไม่ใช่คนๆ เดียว คนเสื้อแดงยกตนเทียบวีรกรรมคณะราษฎรนั้นเป็นสิ่งไม่คู่ควร ด้าน "กรณ์" ชี้ประเทศได้ประชาธิปไตยมาจาก "อำมาตย์" แย่งอำนาจ "อำนาตย์" อีกกลุ่ม ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม

สุริยะใสอัด นปช. ขโมยซีนประวัติศาสตร์คณะราษฎร

เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่าการชุมนุมรำลึกครบรอบ 80 ปี เหตุการณ์การปฏิวัติ 2475 ของ นปช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้ชื่องานนี้ว่า “80 ปี ยังไม่มีประชาธิปไตย” นั้น ถือเป็นการขโมยเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยมาบิดเบือน และรับใช้ผลประโยชน์และจุดมุ่งหมายทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เท่านั้น ถ้าจะสืบทอดเจตนารมณ์คณะราษฎรกันจริงๆ คนเสื้อแดงและแกนนำก็ต้องไปศึกษาแถลงการณ์ของคณะราษฎรฉบับที่ 1 หรือหลัก 6 ประการ ให้ถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นเอกราชทางเศรษฐกิจ ความเสมอภาค ความอยู่ดีกินดี ซี่งเป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ ไม่ใช่เพื่อคนๆ เดียวฉะนั้น การยกเอาขบวนต่อสู้ของคนเสื้อแดงไปเชื่อมโยงกับวีรกรรมของคณะราษฏรในการอภิวัฒน์สยามประเทศนั้น เป็นสิ่งที่ไมคู่ควร เพราะการต่อสู้ของคนเสื้อแดงแม้อ้างว่าต่อต้านรัฐประหารและเรียกร้องประชาธิปไตย แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วก็ปรากฏชัดเจนว่า ขบวน นปช.ยังเป็นแค่กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง ยังถูกอิทธิพลและความเป็นความตายของ พ.ต.ท.ทักษิณชี้นำและครอบงำอยู่ตลอดเวลา

“ถ้า นปช.อยากยกระดับการต่อสู้หรือทำให้ขบวนการ นปช.เป็นกลุ่มอุดมการณ์จริงๆ ก็ต้องปลดปล่อยตัวเองการครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงก็แยกไม่ออกจากผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเท่านั้น ไม่เห็นต้องยก 80 ปี ของเหตุการณ์อภิวัฒน์สยามมาแอบอ้างซึ่งถือเป็นการกระทำชำเราประวัติศาสตร์กันเลย วันนี้คนเสื้อแดงควรใช้โอกาสที่กำลังจะครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถามและตั้งโจทย์กันภายในว่าทำไม วันนี้ถึงมีการออกแบบกันนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกจากคนเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคนเสื้อแดงคือหัวคะแนนละมีส่วนสำคัญช่วยให้คุณยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกฯ แต่วันนี้คุณยิ่งลักษณ์ได้รักษาระยะห่างจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง” นายสุริยะใสกล่าว

นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์นี้ย่อมชี้ให้เห็นว่า ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งพี่ชายก็พร้อมถอยห่างและทิ้งขบวนการคนเสื้อแดงทันทีเมื่อสมประสงค์ในภารกิจของตัวเองแล้ว เหมือนในเหตุการณ์รำลึก 2 ปีที่ราชประสงค์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณวิดีโอลิงก์มาร่ำลาคนเสื้อแดง ก่อนจะหวนกลับมาเมื่อภารกิจส่วนตัวยังไม่บรรลุ

 

"กรณ์" ชี้ 2475 ประเทศได้ประชาธิปไตยจาก "อำมาตย์" แย่งอำนาจ "อำมาตย์"

ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความ "24 มิถุนายน 2475" เผยแพร่ในเฟซบุค KornChatikavanijDP มีเนื้อหาว่า

"24 มิถุนายน 2475 

วันนี้ก็มีการรำลึกการครบรอบ 80 ปี การปฏิวัติที่นำมาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 

และวันนี้เมื่อ 80 ปีที่แล้ว เป็นวันสุดท้ายที่คุณปู่ผม พระยาอธิกรณ์ประกาศ ในฐานะอธิบดีตำรวจ ได้รับใช้บ้านเมืองในฐานะข้าราชการ คุณปู่ผมท่านเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นต้นตระกูล 'จาติกวณิช' และจึงเป็นคนสุดท้ายในตระกูลที่มีชื่อจีน (โซว เทียน หลุย) แต่ที่ต่างกับชาวจีนส่วนใหญ่ในยุคสมัยนั้นก็คือคุณปู่ผมเลือกที่จะรับราชการแทนที่จะเป็นพ่อค้า

ในฐานะข้าราชการ ท่านจึงมีหน้าที่โดยตรงที่จะปกป้องสถานะของสถาบันและในช่วง 2475 เจ้านายโดยตรงของคุณปู่คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ ในฐานะที่พระองค์ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมเด็จฯก็คือท่านปู่ของผู้ว่ากทม.คนปัจจุบันของเรา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และ ส.ส.ประชาธิปัตย์อีกคนหนึ่งคือ ม.ล.อภิมงคล นั่นเอง

ในวันนี้เมื่อ 80 ปีที่แล้ว คุณปู่ผมได้รุกไปที่วังบางขุนพรหม เพื่อที่จะปกป้องเจ้านาย และตามประวัติศาสตร์ ได้ควักปืนขึ้นมาจะยิงนายทหารที่ทำการปฏิวัติในวันนั้น แต่เจ้านายได้ทรงสั่งห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรง หนึ่งในนายทหารที่อยู่ในคณะปฏิวัติวันนั้นคือ พลโทประยูร ภมรมนตรี คุณพ่อของคุณแซม อดีต ส.ส.ไทยรักไทย เมื่อก่อนวันเกิดเหตุ เขาเล่ากันว่าคุณปู่ผมได้พยายามจะเตือนเจ้านายถึงการปฏิวัติที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อเจ้านายได้ทรงเห็นรายชื่อผู้ที่คาดว่าอยู่ในคณะปฏิวัติแล้ว ทรงไม่เชื่อ เพราะทุกคนเป็นคนสนิทกันมาทั้งสิ้น ทรงไม่คิดว่าจะหักหลังกันได้

และจากนั้นคุณปู่ผมก็ไม่ยอมกลับมารับราชการอีก ไม่รับคำชวนของคณะราษฎร์ในการรับตำแหน่งใดๆ ลึกๆท่านคิดอย่างไรผมไม่ทราบ เพราะท่านเสียชีวิตไปก่อนผมเกิด แต่คุณป้าผมเคยเล่าให้ผมฟังว่า คุณปู่เคร่งในหน้าที่ และถึงแม้ไม่พอใจต่อความคิดของพวกนักเรียนนอกในยุคนั้น ก็มองเห็นความสำคัญของการศึกษาที่กว้างขวางขึ้นจึงได้ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศทุกคน 

จนถึงวันนี้ก็ยังมีการพูดถึงการปฎิวัติอยู่เสมือนเป็นหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาการเมือง ว่าไปแล้ว การได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของเรา ก็ได้มาจากการปฏิวัติโดยกลุ่ม 'อำมาตย์' กลุ่มหนึ่งแย่งอำนาจจาก 'อำมาตย์' อีกกลุ่มหนึ่ง ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก

วันนี้เราพัฒนามาไกลขึ้นมาก แต่การมีความเป็นตัวของตัวเองในความคิดของประชาชนก็ยังมีไม่พอ และประชาธิปไตยแบบตะวันออกจะเป็นไปได้ตามทฤษฎี ประชาชนต้องไม่อยู่ในระบอบอำนาจนิยม คือทำทุกอย่างตามผู้มีอำนาจในระบอบอุปถัมภ์ อย่างเช่นที่ยังเป็นอยู่อย่างกว้างขวาง

วันนี้ทั้งผม ทั้งหม่อมสุขุมพันธุ์ หม่อมอภิมงคล และคุณแซม ยุรนันทน์ เลือกที่จะเข้ามารับใช้บ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์นักของไทย อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หน้าที่เราทุกคนคือทำเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น และเพื่อให้คนไทยเราอยู่ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net