Skip to main content
sharethis

2 นักข่าวเยอรมันขึ้นศาลให้การกรณีแท็กซี่เสื้อแดงที่ถูกยิงที่ราชปรารภยันกระสุนสังหารมาจากฝั่งทหาร
นิค นอสติทซ์ และ ธีโล เธียลเค เบิกความกรณีการเสียชีวิตของชาญณรงค์ พลศรีลา ที่ถูกยิงเสียชีวิต วันที่ 15 พ.ค.53 ยืนยันตรงกันว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร ขณะที่ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ

ภาพนิค นอสติทซ์ ขณะรอเบิกความหน้าห้องพิจารณาคดี 707

18 มิ.ย.55 เวลา13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา รัชดา ได้มีการไต่สวน 2 ผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน คือ นิค นอสติทซ์(Nick Nostiz) และ ธีโล เธียลเค (Thilo Thielke) ตามเลขคดี อช.1/2555 จากกรณีการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ พลศรีลา คนขับรถแท็กซี่เสื้อแดงที่ถูกยิงและเสียชีวิตบริเวณหน้าปั้มเชลล์ ถนนราชปรารภ เมื่อบ่ายวันที่ 15 พ.ค.53 ช่วงที่มีการกระชับวงล้อมผู้ชุมนุมเสื้อแดงโดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)และรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยในระหว่างการไต่สวนได้มีภรรยาและบุตรสาวนายชาญรงค์ร่วมฟังด้วย และจะมีการนัดไต่สวนพยานปากต่อไปในวันที่ 25 มิ.ย. นี้ ที่ศาลอาญา รัชดา เวลา 9.00 – 16.00 น.

นิค นอสติทซ์เบิกความสรุปได้ว่า พยานมีอาชีพช่างภาพอิสระ ติดตามการชุมนุมของทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองเสื้อแดง ติดตามการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลืองก่อนปี 2549 ต่อมาปี 2553 ทำข่าวการชุมนุมของเสื้อแดงที่ผ่านฟ้า ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 มาทำข่าวที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เห็นผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 200 คน ในขณะนั้นผู้ร่วมชุมนุมไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงแล้ว มีการรวมกลุ่มพูดคุยกัน ประมาณ 14.00น. ตนได้เข้าไปในถนนราชปรารภ ขณะนั้นมีรถสัญจรไปมา เมื่อเดินไปทางแยกรางน้ำมีทหารอยู่ในบังเกอร์ เห็นทหารในชุดประจำการ แต่จำไม่ได้ว่าอาวุธดังกล่าวเป็นอาวุธปืน M16 หรือไม่ จากนั้นตนเดินไปซื้อน้ำที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แล้วกลับมายังบริเวณ 3 เหลียมดินแดง

ต่อมาราว15.00น. เห็นรถสีเหลืองบรรทุกยางมาที่ซอยราชปรารภ ไปยังปั้มน้ำมันเชลล์ ขณะนั้นตนได้เจอนายชาญณรงค์ พลศรีลา ผู้ตาย ซึ่งในขณะนั้นตนไม่รู้จัก นายชาญณรงค์ สวมหน้ากากอนามัยในมือถือหนังสติ๊ก และตนได้บันทึกภาพนายชาญณรงค์ไว้ ก่อนผู้ตายถูกยิงประมาณ 7 นาที ต่อมาผู้ชุมนุมได้ย้ายยางรถยนต์ไปใกล้ฝั่งของทหารมีระยะห่างประมาณ 80 เมตร ขณะนั้นตนอยู่ห่างจากผู้ชุมนุมประมาณ 4 เมตร เห็นทหารยิงมายังกลุ่มผู้ชุมนุมเวลา 16.05น. ภายหลังจากยิง 1 นาที นายชาญณรงค์ กำลังคลานออกจากยางรถยนต์และถูกยิงบริเวณท้อง ระหว่างที่ผู้ตายกลับตัวเพื่อที่จะย้ายเข้าหาแนวยางรถยนต์ เห็นผู้ตายถูกยิงที่แขนจนกระดูกหัก จากนั้นผู้ตายพยายามเข้าหายางรถยนต์ ในขณะที่ผู้ชุมนุมที่อยู่หลังยางรถยนต์พยายามออกจากบังเกอร์ก็โดนยิงมาจากซอยรางน้ำ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีทหารประจำอยู่

นิค นอสติทซ์ ยืนยันว่านอกจากผู้ตายแล้วยังมีผู้รวมชุมนุมได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย และทั้ง 2 ออกจากแนวยางรถยนต์ไปยังสถานีจ่ายนำมันเชลล์ ตนเลยวิ่งตามไปถ่ายบุคคลทั้ง 2 ที่ห้องน้ำ จากนั้นผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายได้ปีนข้ามกำแพงไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งหลังสถานีจ่ายน้ำมันเชลล์ จากนั้นจึงกลับไปยังบริเวณที่มีการวางยางรถยนต์ เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งออกมาจากบริเวณล้อยางรถยนต์ 2 ราย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังไกลกว่าเดิม รู้สึกไม่ปลอดภัยจึงพยายามวิ่งออกจากจุดดังกล่าว ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะจึงไปหลบภายในห้องน้ำสถานีจ่ายน้ำมันเชลล์ ระหว่างนั้นเห็นผู้ร่วมชุมนุม 2 คนพาผู้ตายมายังห้องน้ำสถานีจำหน่ายน้ำมันเชลล์และได้ถ่ายภาพชาย 2 คนที่พาผู้ตายมา ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธและผู้ชุมนุมก็ได้บอกทหารตั้งแต่ที่อยู่บริเวณบังเกอร์ยางแล้วด้วยว่า “ไม่มีอาวุธ” หลังจากที่ชายทั้ง 2 พาผู้ตายมากลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดดูบาดแผลของผู้ตาย และได้ส่งผู้ตายข้ามกำแพงไปและไถลลงไปในสระน้ำ และตนได้ปีนกำแพงไปด้านหลัง

ระหว่างนั้นทหารได้เดินมาและมีการยิงปืนขึ้นฟ้าโดยมีปลอกกระสุนกระเด็นข้ามมา ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณห้องน้ำแต่ไม่ได้ข้ามมานั้นบอกว่า “ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้ว” และได้ยินเสียงทหารทำร้ายผู้ชุมนุม ได้มีทหารคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงมาและทหารอีกคนหนึ่งอยู่บริเวณกำแพง ตนและทหารได้ช่วยกันดึงผู้ตายขึ้นจากสระน้ำ เมื่อทหารดึงผู้ตายขึ้นจากน้ำทหารตะโกนว่า ทำไมมึงยังไม่ตายอีก รู้ไหมทหารต้องนำตัวผู้ตายไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นผู้ตายได้ลื่นไหลลงไปในน้ำอีกครั้ง ตนจึงได้ดึงผู้ตายขึ้นจากสระน้ำอีกครั้งหนึ่ง ตนดูแลผู้ตาย ระหว่างนั้นทหารวิทยุเรียกหน่วยแพทย์มายังบริเวณนั้น ผู้ตายมีลักษณะหายใจไม่ออกไม่ขยับตัว หลังจากนั้นได้มีทหารมารับตัวผู้ตาย

นิค นอสติทซ์ เบิกความต่อไปว่าหลังจากนั้นได้กลับไปยังหลังกำแพง และไม่กล้าออกมาจากบริเวณดังกล่าวจึงได้ออกมาทางด้านหลังถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเวลา 20 นาฬิกา 30 นาที และได้บันทึกภาพพระที่สวดมนต์บนฐานอนุสาวรีย์ และกลับบ้านในเวลา 21 นาฬิกา 30 นาที และได้เขียนบทความบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ทาง New Mandala (ดู Nick Nostitz in the killing zone ) และมีผู้นำมาแปลเป็นภาษาไทย (ดู Nick Nostitz: ในเขตสังหาร )

หลังเกิดเหตุประมาณ 1 เดือนดูรายชื่อผู้เสียชีวิตจึงได้ติดตามไปยังสถานีตำรวจ รพ.พญาไท จึงได้ทราบว่าผู้ตายได้เสียชีวิตแล้วขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แถลงข่าว ตนจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นบทความที่ตนเขียนในเวปไซต์ถูกบล็อก จึงได้สอบถามกับทางกระทรวง ICT เพื่อสอบถามและยืนยันว่าบทความดังกล่าวไม่ไดผิดกฎหมายแต่อย่างใด หลังจากนั้นบทความดังกล่าวจึงได้เข้าได้เหมือนเดิม และพนักงานสอบสวนก็ได้เคยสอบปากคำตน
นอกจากนี้ นิค ยังให้การยืนยันว่า ไม่เห็นปืนจากฝั่งผู้ชุมนุม และ นิค ยังได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า 2 วันก่อนที่จะได้มาให้การนั้นตนและครอบครัวไปมาอยู่ที่โรงแรมพร้อมกลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาให้การดูแล รวมทั้งมาให้การนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 5 นายมาด้วย และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ดูแลแล้วตนก็จะกลับบ้านตามปกติ

ในส่วนที่ผ่านมานิคเปิดเผยว่าตนได้ถูกกล่าวโจมตีลดความน่าเชื่อถือมาโดยตลอดว่าตนเป็นเสื้อแดง เพื่อทำให้คำพูดของตนไม่มีความน้ำหนัก รวมทั้งภรรยาตนยังเคยถูกจี้เงินไป 2,000 บาท โดยผู้ร้ายยังได้กล่าวกับภรรยาตนว่า “ฝากสวัสดีนิคด้วย” ทำให้ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการถูกคุกคามหรือไม่และผู้ร้ายรู้จักตนได้อย่างไร นิค ยังเปิดเผยว่าหลังจากที่ได้ให้ข้อมูลกับทาง คอป. เหตุการณ์เหล่านี้ก็ลดลง

ส่วน ธีโล เธียลเค ได้เบิกความเป็นภาษาอังกฤษ โดยมีเจ้าหน้าที่ล่ามของศาลแปล สรุปความได้ว่า วันที่ 15 พ.ค.53 ได้เดินทางออกจากบ้านไปยังที่ดินแดง เห็นผู้ชุมนุมประมาณ 40-50 คน หลังจากนั้นเห็นมีคนเอายางรถยนต์มาที่ถนนผู้ชุมนุมนำยางรถยนต์ไปใกล้เจ้าหน้าที่ทหาร หลัง 14.00น.มีการยิงเกิดขึ้น ตนอยู่หลังบังเกอร์ผู้ชุมนุมประมาณ 15 เมตร ตนไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิงหลังจากที่มีการยิงกันประมาณ 10 นาที เห็นผู้บาดเจ็บประมาณ 3-4 คน โดยไม่ทราบว่ามีผู้ชุมนุมเสียชีวิตหรือไม่ในขณะนั้น

หลังจากที่ผู้ชุมนุมได้หนีเข้าไปในสถานีจำหน่ายน้ำมันแล้ว มีเจ้าหน้าที่ทหารตามเข้าไป ถืออาวุธปืนไรเฟิล หลังจากที่ตนหลบอยู่ด้านหลังของสถานีน้ำมันก็ได้กระโดดข้ามไปยังบ้านหลังนั้น และมีทหารเข้ามาพูดคุยแต่ตนไม่เข้าใจสิ่งที่ทหารพูด

ธีโล เบิกความอีกว่า ระหว่างการชุมนุมผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ ส่วนทหารมีอาวุธปืน หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตนไว้ เจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุใส่ชุดฟอร์มสีเขียว ยืนยันว่าผู้ชุมนุมที่อยู่หลังบังเกอร์ยางไม่มีการยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหาร และในขณะที่ตนหลบอยู่ด้านหลังสถานีจ่ายน้ำมันมี นิค นอสติทซ์ รวมอยู่ด้วยและ นิคเป็นคนที่พยายามจะช่วยเหลือผู้ชุมนุม

ในการไต่สวน ผู้สื่อข่าวทั้ง 2 นอกจากเล่าเหตุการณ์แล้วยังได้มีการนำส่งภาพที่ตนเองได้ถ่ายไว้เองอีกจำนวนมากต่อศาลด้วย และทั้ง 2 ยังได้ถ่ายภาพชาญณรงค์ผู้ตายไม่กี่นาทีก่อนถูกยิงที่มีการแอ๊คท่าง้างหนังสติ๊กเพื่อยืนยันว่าฝ่ายผู้ชุมนุมไม่เพียงหนังสติ๊กและมือปล่าว ในขณะที่ทหารมีอาวุธปืนด้วย

VDO Clip เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง :
- คลิปชื่อ : “เสียงแตรมรณะ..” Uploaded by redkuma123 on May 17, 2010
- คลิปชื่อ : ทหารสั่งนักข่าวห้ามถ่ายและยึดเม็ม, Uploaded by majoranticoup on Jun 6, 2010 
- คลิปชื่อ : ทหารยิงผู้สื่อข่าวเนชั่น, Uploaded by 0802024537 on Jun 4, 2010 (ออนไลน์)
- คลิปชื่อ : RedNews_แนวรบ ราชปรารภ 7 PM_2010 may 15, Uploaded by Red9645 on May 15, 2010 (รายงานข่าวจากสำนักข่าวไทย MCOT) ออนไลน์ 
- คลิปชื่อ : ทหารกระหน่ำยิงประชาชนมือเปล่าที่ด่านซอยรางน้ำ May15 '2010, Uploaded by nidnungnid on May 16, 2010 (ออนไลน์) 
- คลิปชื่อ : นิค นอสติทซ์_เขตสังหาร 2 killing zone_Nick Nostitz.flv , Uploaded by oneday2010A on Jun 5, 2010 (ออนไลน์) 
- คลิปชื่อ : ชาวบ้านราชปรารภ ยืนยันวิถีกระสุนหวังยิงถึงชีวิต, เผยแพร่เมื่อ 16 สิงหาคม 2553 เวลา 19:15 น. (ออนไลน์) 
- คลิปชื่อ : ตำรวจเข้าไปเอาคนเจ็บโดนทหารยิง.mpg, Uploaded by 007intermax on May 16, 2010 (ออนไลน์) 

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: 

 

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net