Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

เส้นทางประชาชน ฉบับที่แล้วผมเขียนถึง พ.ร.บ.ปรองดอง ของพลเอกสนธิว่า เนื้อความกฎหมายที่เขียนอย่างนั้น แกจะไปปรองดองกับใคร? ซึ่งบทความนั้น ผมเขียนขึ้นก่อนที่เขาจะนำเข้าสู่สภา

และผลของมันก็เป็นดังคาด คือ พ.ร.บ.ปรองดองฉบับนั้นได้รับการต่อต้านจากทุกสารทิศ  แม้คนเสื้อแดงจะไม่ออกไปต่อต้านกลางถนน แต่คนเสื้อแดงก็มีความรู้สึกไม่พอใจ พ.ร.บ.นั้นกันค่อนข้างจะทั่วหน้า

เพราะ พ.ร.บ.นั้น ได้บัญญัติให้เรื่องราวทางการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบ 6 ปีที่ผ่านมานี้ “ เจ๊า” กันหมดในทุกกรณี ก็แปลว่า คนเสื้อแดงที่ตายหรือบาดเจ็บก็ต้องจบลงที่ได้รับเงินเยียวยา โดยไม่ต้องรู้กันว่าความจริงเป็นเช่นไร?  ใครเป็นคน “ สั่งฆ่าประชาชน”  ทั้งยังเอาโทษเอาโพยอะไรไม่ได้กับพวกเผด็จการที่ทำลายประชาธิปไตย  อันหมายถึงคณะ คมช.-ผู้กระทำการรัฐประหาร

ส่วนพวกพันธมารและพรรคประชาธิปัตย์นั้น เขารับไม่ได้กับการที่จะต้องคืนเงิน 46,000 ล้านบาทให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมๆกับการนิรโทษกรรมให้ในทุกกรณี

เมื่อเนื้อหามันเป็นอย่างนี้ การต่อต้านจากฝ่ายต่างๆมันจึงปรากฎขึ้นอย่างที่เรา-ท่านได้เห็นกันแล้วในวันที่ พ.ร.บ.นั้นเข้าสภา

ผมจึงมีความสงสัยว่า การที่บิ๊กบังเข็ญ พ.ร.บ.อย่างนี้ออกไป มัน “ไม่น่าจะมีความปรารถนาดี” ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือต่อขบวนประชาธิปไตย โดยเฉพาะคนเสื้อแดง  หากแต่มันจะยิ่งทำให้สังคมมีความขัดแย้งรุนแรงมากยิ่งขึ้น  มันทำให้พันธมารและกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยที่เคยสนับสนุนการทำรัฐประหารล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคประชาธิปัตย์ กลับมารวมตัวกันได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยู่ในสภาพแตกแยกกันและกำลังก็เหลือน้อยเต็มที

การเสนอกฎหมายอย่างนี้จึงอ่านเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากต้องอ่านว่า เป็นกฎหมาย ปรองดองฉบับ “ ลับ-ลวง-พราง” ที่หวังจะให้เกิดสถานการณ์ปั่นป่วนไปทุกองคาพยพ และในที่สุด สังคมก็ต้องถูกบีบให้ต้องออกในทางรัฐประหาร

และจะได้ปิดประตูการเดินทางกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างถาวร !

แต่แผนการอย่างนั้นต้อง “ แป๊ก” เพราะคนเสื้อแดงรู้ทันและไม่ออกไปเล่นด้วยดังที่กล่าวมา

ในสภานั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้ “ ทุ่มสุดตัว” ก่อหวอดสร้างเงื่อนไขแห่งความปั่นป่วนนับแต่เปิดสภา  บทบาทที่เคยลวงโลกว่าพวกเขาเป็นนักประชาธิปไตยนั้น ได้เปลือยออกมาอย่างล่อนจ้อนให้คนทั้งโลกได้เห็นกันชัดเจนว่า  เนื้อแท้แล้วพวกเขาคือ อันธพาลในรัฐสภา นั่นเอง  เมื่อไม่ได้ดังใจพวกเขา ก็แสดงสันดานทรามต่างๆออกมาจนหมดสิ้น ใช้คำพูดที่หยาบคายเป็นที่สุดอย่างที่เราไม่เคยได้ยินกันมาก่อน  ทั้งบุกขึ้นไปลากประธานสภาลงจากเก้าอี้ เอาเอกสารขว้างใส่ประธาน ลากเก้าอี้ประธานหนี ตลอดไปถึงการบีบคอ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่เอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป  อาการที่พลพรรคประชาธิปัตย์แสดงออกในวันนั้น ถือว่า ได้ทำลายเกียรติภูมิ ของสภาผู้แทนราษฎร  เกียรติภูมิของประธานสภา ให้หมดลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือการคาดคิดของผู้รักประชาธิปไตยมั้งมวล

ในประเทศประชาธิปไตยต่างๆนั้น ก็มีข้อขัดแย้งถึงกับทะเลาะกันในสภาเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นการทะเลาะ ชกต่อย หรือขว้างปากันระหว่าง ส.ส. กับ ส.ส. ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะก้าวล่วงไปจนถึงประธานสภาอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กระทำต่อสภาไทย

เห็นอาการป่าเถื่อนทางการเมืองของพลพรรคประชาธิปัตย์วันนั้นแล้ว ทำให้นึกไปถึงตอนปี 2553 ที่คนเสื้อแดงบุกไปถึงรัฐสภา เพื่อยับยั้งการออกกฎหมายควบคุมม็อบของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์   มีการสร้างสถานการณ์ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ม็อบ  แล้วส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นายหนึ่งได้ลากปืนกลอูซี่ อันเป็นอาวุธสงครามออกมาถือพร้อมจะยิงเพื่อคุ้มกันนายสุเทพที่บริเวณใต้ถุนสภา

นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นเป็น “ อันธพาลการเมือง”  ซึ่งไม่น่าจะมาเป็น “ ผู้ทรงเกียรติในสภา” เลย

สัปดาห์ที่แล้วนั้น   ประเทศไทยยังโชคดีที่คนเสื้อแดงยังมีสติสัมปชัญญะ วิเคราะห์เหตุการณ์ได้ชัด จึงไม่ออกไปชุมนุมหน้าสภากับเขาด้วย  เพราะหากเสื้อแดงไปชุมนุมและเกิดตีกันกับม็อบพันธมาร  ก็ลองนึกดูเถิดว่าหากหน้าสภาตีกันนัวเนีย  ในสภาก็ฟัดกันจนประชุมกันไม่ได้  โอกาสของ “ กรรมการ” ก็จะมาในทันที นั่นคือการยึดอำนาจเพื่อรักษาความสงบ ซึ่งฝ่ายอำมาตย์คอยจังหวะอยู่ตลอดเวลา

แต่เกมนี้ไม่สำเร็จเพราะคนเสื้อแดงไม่ออกไปผสมโรงดังกล่าวมา

เมื่อแผน 1 ไม่เข้าง่าม พวกเขาจึงเดินแผน 2 โดยให้สมุน คมช. 4-5 คน ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญกล่าวหาว่า การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเสนอต่อสภานั้น อาจมีผลทำให้เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตาม ม. 68 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550

ยื่นในวันที่ 30 และ 31  พฤษภาคม   วันที่ 1 มิถุนายน  ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้สภายุติการลงมติที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย.อย่างเด็ดขาด  !

รับลูกกันได้อย่างรวดเร็ว  ทันใจเหลือเกิน !

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net