Skip to main content
sharethis

 

หมายเหตุ: ประชาไทได้รับจดหมายจากผู้ใกล้ชิด สมยศ พฤกษาเกษมสุข จึงขออนุญาตนำเผยแพร่ต่อสาธารณะ และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

 

ร่างตัวเล็ก บอบบางในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อสีเหลือง ของชายชราอายุ 61 ปี ชื่ออำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาหาผมที่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2555 เรานั่งคุยกันที่ใต้ต้นหูกวาง อากงบอกว่า เดินขึ้นบันไดเข้าห้องขังที่ชั้น 3 แดน 8 ไม่ไหวแล้ว ระยะนี้สามวันดีสี่วันไข้ คิดถึงลูกหลานเหลือเกิน ผมรับปากอากงว่าจะทำหนังสือถึงผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขังนายสมพงษ์ ประดิษฐ์วงศ์กุล ให้ย้ายกลับมาอยู่แดน 1 ให้อยู่ห้องเดียวกับผม

ถัดมาเพียงสัปดาห์เดียววันที่ 17 เมษายน 2555 ผมเจออากงคราวนี้ร่างกายผ่ายผอม ซูบเซียวมากกว่าเดิม อากงบอกว่าออกกำลังกายมากจนเจ็บท้อง หลังจากนี้ผมพบอาจารย์สุดา รังกุพันธ์ ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ซึ่งมาฟังการไต่สวนคดีของผม จึงได้แจ้งให้อาจารย์สุดาให้ช่วยประสานงานการย้ายห้องขังของอากงให้ด้วย

วันที่ 21 เมษายน 2555 ผมเจออากงก่อนเยี่ยมญาติ อากงบอกว่าอยู่ในคุกนานแล้ว ทุกข์ทรมานเหลือเกิน ผมสอบถามว่าใครเล่าทำให้อากงติดคุกแบบนี้ อากงตอบด้วยแววตาซื่อสัตย์ว่า “โทรศัพท์” และยืนยันหนักแน่นว่า “ผมส่ง SMS ไม่เป็น” ผมจึงถามอากงว่า เป็นคนจำพวกล้มเจ้าหรือเปล่า อากงบอกว่า “ผมรักในหลวง ถ้าออกจากคุกจะไปถวายพระพร”

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของอากง โดยปราศจากข้อสงสัยทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผมถูกจองจำได้พูดคุยกับอากงหลายครั้ง ได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกประการ นอกจากเป็นคนส่งข้อความโทรศัพท์มือถือไม่เป็นแล้ว ในชีวิต 60 ปีของอากง อากงไม่เคยรู้จักนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมาก่อน และแน่นอนที่สุด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติอีกด้วย

การตัดสินลงโทษสถานหนักเป็นเวลา 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี สำหรับชายชราเงอะงะ ไม่ประสีประสาทั้งในเรื่องเทคโนโลยีและเหตุการณ์บ้านเมือง จึงค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับผู้รักความเป็นธรรมจนทำให้ข่าวอากงถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีโด่งดังไปทั่วโลก

ขณะที่ศาลตัดสินลงโทษอากง 20 ปี ผมถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ผมได้เขียนโคลงสี่สุภาพถึงอากง ขณะที่กำลังรอการพิจารณาไต่สวนอยู่มีข้อความดังนี้

 

ตระละการบอดใบ้

 

หกสิบปีเฒ่าท้น                เดียงสา

ภักดีกษัตรา                     ถ่องแท้

ถูกกักขังกล่าวหา              หมิ่นกษัตริย์

ติดคุกยี่สิบปี                    ป่นปี้ยาวนาน

อากงอาการเศร้า               โศกศัลย์

SMS มหันต์                     บ่รู้

เทคโนโตไม่ทัน                แน่แท้

ใครส่งสงสัยอ้าง               อาจเอื้อม งุน งง

ใช้สี่ข้อความไซร์              ซังเต

รัฐประหารซวนเซ              แซ่ซ้อง

โทษถึงตายโอเค              รอดพ้น

ตระละการบอดใบ้             เศร้าใจฉิบหาย

ประชาชนทนไม่ได้            ต่อสู้

เสียงเล่าเขารับรู้                สู่ฟ้า

อธิปไตยพวกกู                 กอบกู้

ตัวตื่นหยัดยืนสู้                ต่อต้านทรราชย์

 

ทนายความนายอานนท์ นำภา และครอบครัวของเขายื่นคำร้องขอสิทธิประกันตัวอยู่หลายครั้งเพื่อให้อากงได้รับการรักษาพยาบาล และใช้ชีวิตชราภาพอยู่กับครอบครัว แม้ยื่นหลักทรัพย์จำนวนมาก และยังมีคณาจารย์จำนวนมากร่วมกันขอประกันตัวออกมา แต่ปรากฏว่าศาลยุติธรรมปฏิเสธที่จะให้การประกันตัวเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 ด้วยเหตุผลเพียง 2 – 3 บรรทัด คือ มีโทษสูงกลัวการหลบหนี ในที่สุดอากงจึงสิ้นหวังต่อสิทธิการประกันตัวที่ถูกลิดรอนไปจากชีวิตของอากง

นี่คือความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานของอากง ที่ทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจของอากงทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว

อากงเป็นเสมือนพสกนิกรชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ แม้กระทั่งต้องติดคุกทุกข์ทรมานแสนสาหัสด้วยข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 อย่างไม่เป็นธรรม การตัดสินลงโทษถึง 20 ปี ย่อมเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ มาตรา 112 จึงขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพโดยสิ้นเชิง กระนั้นก็ตามสำหรับอากงที่กลายเป็นเหยื่อของมาตรา 112 ยังคงจงรักภักดีไม่มีเสื่อมคลายแม้แต่น้อย อากงจึงเชื่อว่าหากได้ขอพระราชทานอภัยโทษจากพระมหากษัตริย์แล้วจะได้รับความเมตตาให้ปล่อยตัวในที่สุด

วันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ผมเจออากงเป็นครั้งสุดท้าย อากงบอกว่า “ผมขอไปก่อน” อากงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษอย่างแน่นอน ในขณะที่มือกุมท้องที่บวมเปล่งด้วยความเจ็บปวด อากงมีอาการแบบนี้มา 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสตรวจรักษาอย่างละเอียดเพียงพอ เพราะสำหรับนักโทษในทุกเรือนจำทั่วประเทศต่างรับทราบกันดีว่า หากไม่มีอาการปางตาย จงอย่าเยื้องกายไปสถานพยาบาลของเรือนจำ มิเช่นนั้นจะถูกไล่ตะเพิดเหมือนหมู หมา กา ไก่ เพราะพวกนักโทษในสายตาของหมอ พยาบาล คือ พวกสัตว์ชั้นต่ำที่ไม่สมควรได้รับการรักษาพยาบาล กระนั้นก็ตามแม้มีอาการปางตาย กว่าจะไปพบแพทย์ หรือได้รับยารักษาพยาบาลก็มีขั้นตอนยุ่งยาก ส่วนใหญ่อาจพิการ หรือไม่ก็สิ้นชีวิตไปเสียก่อน

วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 ผมได้รับทราบข่าวว่า อากงสิ้นลมหายใจไปแล้ว ความตายเป็นหายนะที่น่าสะพรึงกลัว ในฐานะเป็นนักโทษที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ทันใดนั้นหัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้น เลือดในกายเหมือนจะเย็นยะเยือก กำลังวังชาเหือดหายไปในทันที

“ผมขอไปก่อน” ประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้หมายถึงการได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ปล่อยตัว แต่หมายถึงความตายที่พรากวิญญาณของอากงจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ชายชราผู้บริสุทธิ์เดียงสา ต้องตายจากไปด้วยมาตรา 112 ที่เป็นเครื่องมือการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การตายของเขาสะท้อนกระบวนการยุติธรรมที่ไร้มาตรฐานของไทยเราที่เกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า

ความตายของอากงคือความเหี้ยมโหด อำมหิตของมาตรา 112 และกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาล ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงที่เจ็บปวดรวดร้าวของนักโทษตามมาตรา 112 ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานราวสัตว์เดรัจฉานในกรงขัง

อิสรภาพของร่างอันไร้วิญญาณ คือ เถ้าถ่านแห่งความทรงจำที่เจ็บปวดของสังคมเผด็จการภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย คือความเลวทราบต่ำช้าที่ถูกปิดบังซ่อนเร้นภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องบุญบารมี และความดีจอมปลอม เพื่ออำนาจที่ฉ้อฉลของพวกเหล่าอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทย

ไปสู่สุคติเถิด...อากงได้รับอิสรภาพแล้ว !!!

 

 

สมยศ พฤกษาเกษมสุข

เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดน 1

วันที่ 10 พฤษภาคม 2555

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net