พยาน 3 ปากเบิกความคดีแท็กซี่เสื้อแดงโดนทหารยิง 15 พ.ค.53

11 พ.ค. 55 - เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า ที่ห้อง 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 พ.ค.) ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต คดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ขอให้ศาลชันสูตรพลิกศพนายพัน คำกอง ชาวยโสธร อาชีพคนรถแท็กซี่  กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิต หน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ลิงค์ บริเวณราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ ซึ่งอัยการผู้ร้องขอศาลให้ทำการไต่สวนและทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และเหตุพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150
 
โดยนางหนูชิต คำกอง ภรรยาของ นายพัน ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก ระบุว่าวันที่ 14 พ.ค.53 นายพัน ได้ไปที่อู่แท็กซี่ ย่านวัดสระเกศ เพื่อนำรถแท็กซี่มาประกอบอาชีพ แต่เนื่องจากช่วงนั้นรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีคำสั่งขอคืนพื้นที่แถบราชปรารภ โดยเวลา 20.00 น. สามีโทรศัพท์แจ้งบุตรสาวว่ายังเดินทางกลับมาไม่ได้เพราะมีการกระชับพื้นที่ของทหาร และได้มาหลบภัยบริเวณงานก่อสร้างคอนโดแห่งหนึ่งแถวราชปรารภ ซึ่งเป็นการติดต่อครั้งสุดท้าย จากนั้นเวลาเที่ยงคืน นายอเนก ไม่ทราบนามสกุล รปภ.ดูแลงานก่อสร้างคอนโดดังกล่าว ได้โทรศัพท์มาแจ้งบุตรชายตนว่าสามีถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิต ต่อมาศพของสามีจึงถูกนำไปชันสูตรที่ รพ.รามาธิบดี ระหว่างรอแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ ได้สังเกตเห็นศพของสามี มีรอยกระสุนใต้ราวนมซ้ายทะลุออกซี่โครง และรอยกระสุนที่แขนด้านขวา ซึ่งการชันสูตรศพนั้นแพทย์ให้พยานเข้าไปร่วมสังเกตด้วย แต่พยานปฏิเสธเพราะไม่กล้าเข้าไปดู หลังจากนั้น 3 วันพยานได้เข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุก็พบรอยเลือดอยู่ และทราบว่าขณะเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวไม่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีแต่กองกำลังทหารเท่านั้น
 
ภายหลังนางหนูชิต เบิกความเสร็จ น.ส.ศิริพร เมืองศรีนุ่น ทนายความ ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากที่สอง ระบุว่า พยานเป็นทนายความอาสาของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม และได้รับมอบอำนาจ จากภรรยาของนายพัน ผู้เสียชีวิตให้ร่วมแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน. พญาไท ให้ดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ.ในขณะนั้น เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ฉุกเฉินและได้มีหนังสือคำสั่ง ให้มีการปฏิบัติการสลายชุมนุมในพื้นที่แยกราชประสงค์ โดยมีกองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบ โดยเมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 แกนนำ นปช. ได้ยื่นฟ้องศาลให้มีคำสั่งคุ้มครองในการขอพื้นที่คืน และศาลมีคำสั่งว่าการขอคืนพื้นที่ให้ดำเนินตามหลักสากล ที่มี 3ขั้นตอนหลัก 1.การเตือน 2.การใช้โล่และกระบองผลักดัน 3.การใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดควัน แต่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้ปฏิบัติตามหลักสากล โดยใช้กำลังทหารเป็นหลักและในพื้นที่มีป้ายเขียนประกาศไว้ว่า เป็นพื้นที่การใช้กระสุนจริง รวมถึงอาวุธในพื้นที่ก็เป็นอาวุธสงครามความเร็วสูงที่มีใช้เฉพาะราชการทหาร ซึ่งพยานรับรู้ว่ามีการเบิกอาวุธสงครามกระสุนจริง และเชื่อว่าที่นายพันโดนยิงเสียชีวิตนั้นอาจ
สืบเนื่องมาจากกรณีที่นาย สมร ไหมทอง ขับรถตู้เข้าไปในพื้นที่ควบคุมแนวของทหารทำให้มีการระดมยิงรถตู้จนเป็นรูพรุนซึ่งนายสมรก็ได้รับบาดเจ็บ และกระสุนอาจไปโดนนายพัน โดยบริเวณใกล้เคียงก็ยังพบศพ ด.ช. คุณากร ศรีสุวรรณ ที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วย
 
ขณะที่นายอเนก ชาติกลด อายุ 47 ปี รปภ. เบิกความเป็นพยานปากที่สาม ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 เวลา 20.00 น. ระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ นายพันได้เดินเข้ามาขอหลบพักเพราะทหารประกาศห้ามเดินผ่านและมีป้ายเขตใช้กระสุนจริง ซึ่งขณะนั้นมีการประกาศห้ามประชาชนออกจากบ้านหลังเวลา 19.00 น. จึงได้สอบถามนายพันว่าไปไหนมา นายพันบอกว่าไปเอารถแท็กซี่ที่ซ่อมไว้แต่ยังซ่อมไม่เสร็จ จากนั้นก็ได้นั่งเล่นหมากฮอสกับนายพันจนเวลาประมาณเที่ยงคืนได้ยินเสียงทหารประกาศมาจากรถทหาร สั่งให้รถตู้ที่วิ่งมาบนถนนหยุดวิ่ง ไม่เช่นนั้นจะทำการยิงจากเบาไปหาหนัก พยานจึงวิ่งไปหลบส่วนนายพันวิ่งออกไปดู กระทั่งได้ยินเสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง ที่เป็นการยิงที่ละนัดจากหลายกระบอก กว่า 20 นัด แต่รถตู้ยังไม่หยุด ก็ได้ยินเสียงยิงปืนเอ็ม 16 รัวเป็นชุดนานประมาณ 1 นาที นายพันก็วิ่งเข้ามาบอกช่วยโทรศัพท์บอกที่บ้านที่ว่าถูกยิง พยานเห็นนายพันมีเลือดไหลเอามืออุดแผลใต้ราวนมแล้วล้มไป พยานจึงนำโทรศัพท์มือถือนายพันโทรไปมีเสียงเด็กผู้ชายรับสาย พยานจึงบอกว่าพ่อถูกยิงที่ย่านราชปรารภ และได้แจ้งศูนย์นเรนทร มารับศพ หลังจากนั้นมีทหาร นักข่าว และหน่วยกู้ภัยมารับศพนายพันออกไปที่โรงพยาบาล โดยตั้งแต่เกิดเหตุจนหน่วยกู้ภัยมารับศพไปใช้เวลานาน 20 นาที และที่เกิดเหตุไม่พบบุคคลอื่นนอกจากทหาร
 
ภายหลังศาลไต่สวนพยานวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ได้นัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท