‘อากง’ ที่ตายแล้ว คือ ‘นายอำพล’ แต่ ‘อากง’ ที่ยังไม่ตาย คือ ‘เหยื่ออยุติธรรม’ อีกหลายราย ในสังคมไทย
คำถามที่ต้องไม่ลืม คือ เมื่อ ‘อากง’ ตายแล้ว ‘อากง’ อื่นจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ?
ผู้เขียนขอชักชวนทุกฝ่าย ทั้งที่ เป็นทุกข์ เป็นสุข ปล่อยวาง หรือ ไร้ความรู้สึก ต่อทั้ง ‘อากง’ ที่ตายแล้ว และทั้ง ‘อากง’ ที่อาจกำลังจะตาย ให้ช่วยกันคิดถึงประเด็นต่อไปนี้ร่วมกัน
* * *
1. ภาพ ‘อากง’ ไม่ได้แบนราบ และไม่ได้ฉาบด้วยสีเดียว
ในทางตรงกันข้าม ผู้นั้น อาจเพียงอาจไม่พอใจกับ ‘ความอยุติธรรม’ ที่เกิดขึ้น ซึ่งความอยุติธรรมนั้น อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 เลยก็เป็นได้
บางคน อาจไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่า ‘สงสาร’ หรือ ‘เห็นใจ’ ชาวไทยคนหนึ่งที่เจ็บป่วยและชรา แล้วต้องมาตายในคุกในขณะสู้คดี และสังเวชกับชะตากรรมของคนไทย ที่แม้จะอยู่ในประเทศที่มีโรงพยาบาลและสปาที่หรูหราขึ้นชื่อมากที่สุดของโลก แต่คนไทยหลายคนเมื่อชราเจ็บป่วย กลับไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ ไม่ว่าจะในคุก หรือนอกคุก
บางคน อาจไม่ติดใจอะไรเลยกับ มาตรา 112 (อาจสนับสนุนการคงมาตรา 112 ไว้เสียด้วยซ้ำ) แต่ที่เศร้า ก็เพราะเศร้ากับปัญหาการตีความ ‘สิทธิการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว’ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 40 (7) ว่าหลักประกันขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญของประชาชน ได้ถูกลดค่าให้เป็นเพียงข้อยกเว้นในกฎหมายลำดับรองที่ครอบครองโดยดุลพินิจตุลาการหรือไม่ ?
ยิ่งไปกว่านั้น บางคนอาจอาลัย ‘อากง’ เพราะเศร้าเสียดายจังหวะจุดเปลี่ยนของสังคม โดยรอลุ้นว่าหากคดีอากงไปถึงศาลฎีกา บรรดาผู้พิพากษาจะใช้โอกาสนี้ตีความ มาตรา 112 ให้หลักแหลม ลึกซึ้ง แยบยล และสอดคล้องกับยุคสมัยมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อนำความยุติธรรมกลับคืนมาสู่สังคม และบรรเทาความลำบากพระราชหฤทัยที่บรรดาตุลาการล้วนทราบชัดแจ้งตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2548 เป็นต้นมา โดยไม่ต้องไปแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 เลยได้หรือไม่ ?
(ผู้เขียนเองเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกแก้ไข มาตรา 112 ที่นิติราษฎร์ คิด และ ครก. 112 ดำเนินการว่า ถูกต้องและรอบคอบดีแล้วหรือไม่ พร้อมเสนอแนวคิดทางเลือกให้ ‘สถาบันตุลาการ’ ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาของสังคมโดยการวางหลักการตีความ มาตรา 112 เสียใหม่ให้สมเจตนารมณ์ รายละเอียดโปรดดูที่ http://on.fb.me/ISKAWY)
ดังนั้น เมื่อความเศร้าต่อ ‘อากง’ คือ ความสลดต่อความอยุติธรรม และเมื่อความอยุติธรรม ไม่ได้แบนราบ และไม่ได้ฉาบด้วยสีเดียว เราจึงต้องคิดกันให้หนักว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้ใครหลงคิดไปว่า ผู้ที่เศร้าต่อ ‘อากง’ คือผู้ผูกขาดร่างทรงของความดีงามหรือความชั่วร้ายของ มาตรา 112 หรือเรื่องอื่นเรื่องใดเพียงเรื่องเดียวเสมอไป
2. ผู้ที่ห่วงใย ‘อากง’ ต้องมองให้ไกลไปกว่า ครก. 112 หรือ มาตรา 112
ผู้เขียนจะไม่ขอกล่าวซ้ำถึงความล้มเหลวของรัฐบาล พรรคการเมือง และผู้พิพากษาอีก แต่จะขอชักชวนให้เราช่วยกันคิดถึงหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อกรณี ‘อากง’ ไม่น้อย แต่อาจถูกกล่าวถึงน้อยไปหน่อย ซึ่งก็คือ ‘คู่แฝดที่ยังไม่ทันเกิด’ ของ ‘คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย’ ที่มีชื่อว่า ‘คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ’
คณะกรรมการดังกล่าว เป็นกลไกสำคัญที่ถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 81 (4) ซึ่งมาตรา 303 ของรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้รัฐบาลของคุณสมัครผู้ล่วงลับต้องตั้งให้มาปฎิรูป ‘กระบวนการยุติธรรม’ ไปตั้งแต่หลายปีที่แล้ว แต่เสียดายคุณสมัครกลับถูก ‘กระบวนการยุติธรรม’ พลิกพจนานุกรมปฏิรูปไปเสียก่อน และรัฐบาลชุดต่อมา ก็ยังตั้งไม่สำเร็จ
‘คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ’ ที่ว่า หากตั้งสำเร็จแล้ว ย่อมมีบทบาทสำคัญในการเสนอแผนการเพื่อตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง ‘อากง’ อาทิ การพิสูจน์พยานหลักฐานในศาลไทยเป็นธรรมหรือไม่ เหตุใดจำเลยหลายรายจึงไม่ได้รับการประกันตัวไปรักษาอาการเจ็บป่วย และรัฐจะดำเนินการช่วยเหลือ ‘อากง’ คนอื่นๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร เป็นต้น
สิ่งที่น่าคิดก็คือ ขณะนี้การตั้งคณะกรรมการดังกล่าวยังเป็นเรื่องที่ค้างอยู่ในสภา (โปรดดู http://bit.ly/KNZmew) จึงน่าคิดต่อว่า ที่มา โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และวิธีการทำงานของคณะกรรมการที่ว่านั้น จะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ห่วงใยหรือเศร้าใจต่อกรณี ‘อากง’ ได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือคณะกรรมการที่ว่าจะเป็นเพียงท่านผู้ใหญ่กลุ่มเดิมที่เคยได้แต่มอง ‘อากง’ มา แล้วก็ไป ?
3. โปรดอย่าลืมนึกถึง ‘อากง’ ในวันเลือกตั้ง
เป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐธรรมนูญจะเพิ่มบทบัญญัติที่คุ้มครองพวกเราว่า บุคคลไม่อาจถูกจำคุกได้ด้วยเหตุที่ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลที่ใช้อำนาจสาธารณะในเรื่องการใช้อำนาจที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ว่าในกรณีใด?
(เลิกเสียเถิด นักการเมือง หรือ แม้แต่ตุลาการ ที่ฟ้องคดีแล้วใช้โทษอาญามาบีบบังคับให้ผู้อื่นลงโฆษณาขอขมาต่อตน ทั้งที่เรื่องที่ตนถูกกล่าวหาก็เป็นเรื่องที่สังคมควรได้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มที่ และตนกลับไม่เคยคิดจะแถลงชี้แจงหรือตอบคำถามให้ชัดเจน)
เป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐธรรมนูญจะมีมาตรการกำหนดให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ต้องนำกฎหมายทั้งหมดที่ตราขึ้นโดยผู้กระทำรัฐประหารในอดีตมาทบทวน ยกเลิก หรือแก้ไขอย่างเป็นระบบ ?
เป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐธรรมนูญจะมีมาตรการกำหนดให้ฝ่ายตุลาการต้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูประบบยุติธรรม ต้องร่วมสำรวจปัญหา และร่วมเสนอแนวทางแก้ไข มิใช่ก้มมองกรรมการปฏิรูปแต่ละชุดแล้วเปล่งร้องความเป็นอิสระจากหอคอยที่นับวันประชาชนปีนถึงยากขึ้นเรื่อยๆ ?
* * *
หากกระแสความเศร้าใจต่อ ‘อากง’ ในวันนี้ ถูกนำเสนออย่างแบนราบไปในโทนเดียว ว่าเป็นเรื่องของคนที่ทุกข์อยู่กลุ่มเดียว ในวาระเดียว และก็ถูกตอบโต้ไปมาเช่นนี้ต่อไป น่ากังวลเหลือเกินว่า ‘อากง’ ทั้งหลายที่ยังไม่ตาย ก็คงจะต้องตายตาม ‘อากง’ ไปในเร็ววัน
อากง is dead, long live อากง (?)