พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์: นิรโทษกรรมเหมาเข่งคือจุดจบพรรคเพื่อไทย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
แม้การรดน้ำดำหัว พล อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555 จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลสะเทือนทางลบในหมู่มวลชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทยและต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่จางหาย

สิ่งที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.บางคน อาจจะยังไม่เข้าใจชัดคือ มวลชนคนเสื้อแดงหลายล้านคนทั่วประเทศไม่ใช่คนในสังกัดของพวกเขา คนเสื้อแดง ณ วันนี้คือ เสรีชนคนรักเสรีภาพและความเป็นธรรม มีความคิดตกผลึกทางประชาธิปไตยที่แจ่มชัดจากประสบการณ์ต่อสู้ทางตรงของพวกเขาเอง จนมองทะลุม่านหมอกมายา เข้าไปเห็นถึงแก่นในเนื้อแท้ของรูปแบบการปกครองปัจจุบัน

การที่พวกเขาพากันไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อวาทกรรม “ปรองดอง” ของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเพราะเห็นว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้าไปต่อสู้กับพวกเผด็จการในเวทีรัฐสภาภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 แม้พรรคเพื่อไทยจะชูนโยบาย “ปรองดอง” มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน อีกทั้งภารกิจหลักเฉพาะหน้าในขณะนั้นคือ เข้ายึดเวทีสภาผู้แทนราษฎรและจัดตั้งคณะรัฐบาล ประเด็น “ปรองดอง” จึงเป็นเรื่องรองที่เอาไว้สะสางในอนาคต

mso-bidi-language:TH">

นับแต่ปลายปี 2554 ก็เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกทีว่า นโยบาย “ปรองดอง” ของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า “การหย่าศึกให้กับทุกฝ่าย” ให้เลิกแล้วต่อกันทั้งหมด โดยเชื่อว่า นี่คือการยุติความขัดแย้งที่แท้จริง

mso-bidi-language:TH">

นับตั้งแต่ได้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็ได้ใช้วิธีการ “ส่งสัญญาณสารพัด” ให้ฝ่ายอำนาจรัฐรู้ว่า จะไม่มีการรุกไล่ ไม่มีการแตกหัก ไม่มีการเผชิญหน้าอีกต่อไป “ขีดเส้นแบ่งพื้นที่การเมืองคนละส่วน” ขอเพียงอีกฝ่ายนิ่งสงบอยู่ในที่ตั้งของตน และยอมให้แก้รัฐธรรมนูญอย่างจำกัดขอบเขต ด้วยคำสัญญาว่า จะไม่มีการลิดรอนอำนาจที่แท้จริงใด ๆ ของพวกเขา ทั้ง พ.ร.บ.กลาโหม งบประมาณทหาร การแต่งตั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ จนกระทั่ง การไปรดน้ำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เป็นสัญญาณ “ขอหย่าศึก” ครั้งล่าสุด นี่อาจเป็นยุทธวิธีที่จำเป็นในภาวะปัจจุบันที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่มีอำนาจรัฐที่แท้จริงในมือ

ในส่วนมวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นพื้นฐานของพรรค แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ “หย่าศึก” ด้วยการ “เยียวยาเป็นเงินแสนเงินล้าน” ให้กับผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต และเพื่อให้มีแรงต่อต้านน้อยที่สุด จึงเป็นการ “เยียวยามวลชนทุกฝ่าย” โดยเชื่อว่า การแจกเงินเยียวยาก็น่าจะทำให้มวลชนเสื้อแดงที่บาดเจ็บล้มตายพอใจและคลายความเคียดแค้นลง

ในส่วนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ก่ออาชญากรรมทับถมไว้มากมาย รวมทั้งแกนนำรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และนายทหารที่รับคำสั่งให้ฆ่าหมู่ประชาชนเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 พรรคเพื่อไทยก็จะ “หย่าศึก” ด้วยการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้ทั้งหมด โดยมีอานิสงส์เป็นการนิรโทษกรรมมวลชนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมคุมขังไปพร้อมกันด้วย

จากทั้งหมดนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยหวังว่า ฝ่ายเผด็จการจะพอใจและยอมให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่บริหารประเทศต่อไป และที่สำคัญคือ จะยอมยกเลิกคดีความทั้งหมดเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะได้กลับสู่ประเทศไทย “อย่างสมเกียรติ” โดยเร็ว ประกอบกับการแก้รัฐธรรมนูญในกรอบฉบับปี 2540 สำเร็จ ก็เท่ากับว่า ได้ทำให้การเมืองไทยหวนกลับไปสู่สภาพการณ์ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั่นเอง!

mso-bidi-language:TH">

แผนการ “หย่าศึก” ที่ว่านี้ นับเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ที่อ่อนหัด เพ้อฝัน และไร้เดียงสาทางการเมืองของแกนนำพรรคเพื่อไทย และในท้ายสุดแล้ว อาจเป็น “การฆ่าตัวตายทางการเมือง” ที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย

ฝ่ายจารีตนิยมไม่มีวันหย่าศึกกับฝ่ายประชาธิปไตย ประวัติศาสตร์การต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยในทุกประเทศทั่วโลกตลอดสองร้อยปีมานี้คือข้อพิสูจน์ ชะตากรรมของคณะราษฎรหลังปี 2490 คืออุธาหรณ์เตือนใจ ในหลายสิบปีมานี้ เราเคยเห็นพวกเขาประนีประนอม “ยอม” ให้ใครบ้างแม้สักหน? และที่ใกล้ตัวที่สุดคือ ประสบการณ์ส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองตลอดหกปีมานี้ ทั้งหมดนี้ยังไม่พออีกหรือ?

แต่ “จุดชี้เป็นชี้ตาย” ของพรรคเพื่อไทยคือ การมุ่งออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ล้างความผิดให้กับ “ทุกคนทุกฝ่าย” โดยไม่เลือกหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือ ไม่เอาโทษคนที่สั่งฆ่าประชาชนเมื่อเมษายน-พฤษภาคม 2553

ในชั่วชีวิตของคนไทยปัจจุบันก่อนปี 2552 เราได้เห็นเหตุการณ์ที่อำนาจรัฐใช้กำลังทหารเข่นฆ่าหมู่ประชาชนบนถนนกลางกรุงมาแล้วถึงสามครั้ง แล้วตามมาด้วยการนิรโทษกรรม “ให้กับทุกฝ่าย” แบบเหมาเข่งทุกครั้ง ซึ่งแท้ที่จริงก็คือ นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่สั่งฆ่าประชาชนในแต่ละครั้ง ในขณะที่ประชาชนที่ถูกทำร้ายและถูกฆ่านั้นไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วพวกเขาจะเอาการนิรโทษกรรมไปทำไม!

การนิรโทษกรรมสามครั้งในอดีตจึงเป็นตราบาปและความอยุติธรรมที่โจ่งแจ้งที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยปัจจุบัน

แผนการ “ปรองดอง” ของแกนนำพรรคเพื่อไทยกำลังจะทำให้การเข่นฆ่าประชาชนกลางเมืองเมื่อเมษายน - พฤษภาคม 2553 เป็นฆาตกรรมครั้งที่สี่ที่ฆาตรกรหนีลอยนวลไปได้! นี่จะเป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่งต่อประชาชนที่สูญเสียชีวิต บาดเจ็บพิการและติดคุกจากเหตุการณ์นั้น และจะเป็นตัวอย่างให้เกิดครั้งต่อๆ ไปอีก

ส่วนข้ออ้างที่ว่า นิรโทษกรรมเป็นการทั่วไปก็เพื่อให้ประชาชนที่มีคดีและติดคุกได้พ้นโทษด้วยนั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะประชาชนที่มาชุมนุมในวันนั้นกำลังใช้สิทธิทางการเมืองอันชอบธรรมของพวกเขา เรียกร้องอย่างสันติให้ยุบสภา พวกเขาจึงไม่ได้กระทำผิดใดๆ แต่พวกเขาต่างหากที่ถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานด้วยประกาศและคำสั่งต่างๆ จากกฎหมายความมั่นคงและกฎหมายภาวะฉุกเฉินในขณะนั้น กระทั่งท้ายสุด ถูกละเมิดสิทธิในชีวิตด้วยการถูกทำร้าย ฆ่า และจับกุมคุมขัง

แนวทางที่ถูกต้องจึงควรเป็นไปตามที่คณะนิติราษฎร์เสนอในประกาศฉบับที่ 34 คือ ต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงตลอดจนการสลายการชุมนุมทุกเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ให้นิรโทษกรรมโดยทันทีต่อประชาชนที่ละเมิดกฎหมายความมั่นคงและกฎหมายฉุกเฉินทั้งหมด การกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายอื่นที่มีเพียงลหุโทษ ก็ให้พ้นความผิดโดยสิ้นเชิง และส่วนที่เป็นความผิดตามกฎหมายอาญาหรือที่ไม่ใช่ลหุโทษ ก็ให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการขจัดความขัดแย้ง” ขึ้นโดยมีอำนาจในการพิจารณาดำเนินการเป็นรายๆ ไป

แกนนำพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่ก้าวล่วงไปในกับดักนิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะต้องเดินหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับมวลชนของตนไปแสวงหาความยุติธรรมและประชาธิปไตยจนถึงปลายทางที่สุด ความยากลำบากอันตรายและความล่าช้าทั้งปวงเป็นสิ่งที่มวลชนเข้าใจและเห็นใจพรรคเพื่อไทยอยู่เสมอ

mso-bidi-language:TH">

ข้อเตือนใจคือ วันใดที่พรรคเพื่อไทยออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง คือวันที่มวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศจะละทิ้งพรรค คือวันที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและผู้นำเข้าถึง “ความเสื่อม” อย่างถึงที่สุด และวันนั้น ขบวนประชาธิปไตยจะไม่มีพรรคเพื่อไทยเป็นเพื่อนร่วมทางอีกต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท