Skip to main content
sharethis

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวปาฐกถาระหว่างงาน "จับมือรวมพลัง ออกแบบประเทศไทย" ที่อิมแพค ชี้ต้องหยุดใช้คนจนหาเสียง แต่ต้องเอาจริงกับโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม แล้วให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องทรัพยากร ทั้งเรื่องสิทธิ เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไป 

หมายเหตุ: เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 55 ที่อิมแพค เมืองทองธานี มีการจัดงาน "จับมือรวมพลัง ออกแบบประเทศไทย" โดยเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “10 ฐานรากของประเทศ พิมพ์เขียวของประเทศไทย” มีรายละเอียดดังนี้

พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ ประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา เราจะได้ยินตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ไม่ใช่ตัวแทนในระบบของพรรคการเมืองได้แสดงออกถึงความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองได้มีข้อเสนอแนะในการที่จะเดินหน้าออกแบบประเทศไทยกันต่อไป ผมอยากให้พวกเราปรบมือให้กำลังใจทั้งผู้แทนทั้ง 8 กลุ่ม ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่สละเวลามาร่วมในการทำสมัชชาทั้ง 8 กลุ่มอีกครั้งหนึ่งครับ (เสียงปรบมือ)

วันนี้ที่เราบอกว่าเราจะมาจับมือรวมพลังออกแบบประเทศไทย ทำไมต้องมาออกแบบกันใหม่ เราเห็นชัดเจนครับว่า ถ้าเราปล่อยสภาพของการเมืองและบ้านเมืองเป็นไปอย่างทุกวันนี้ อนาคตข้างหน้าที่เรามองเห็นจะมีแต่ปัญหา มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อน เห็นไม๊ครับว่าการเมืองที่ยึดอยู่กับเรื่องของผลประโยชน์ การเมืองที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน สุดท้ายมันเป็นวงจรที่กลับมาทำร้ายประชาชน

การเมืองที่เป็นการเมืองผูกขาด การเมืองที่ไม่สุจริต มีเครื่องมือใหม่ ๆ เสมอครับ ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง เราต้องก้าวให้พ้นครับ วันนี้เครื่องมือหนึ่งที่เราต้องก้าวให้พ้นคือสิ่งที่เรียกว่า “ประชานิยม” ต้องก้าวให้พ้นตรงนี้ให้ได้ครับ

ประชานิยม ที่เป็นนโยบายที่ไม่ยั่งยืน ประชานิยม ที่เป็นนโยบายที่มีไว้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองในการหาคะแนนเสียง ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับประชาชน คนที่อวดอ้างว่าแก้ไขปัญหาให้กับคนยากคนจน กลับกลายเป็นคนที่ทำให้หนี้สินของประชาชน และครัวเรือนเพิ่มมากที่สุดในประวัติศาสตร์

วงจรนั้นกำลังกลับมาอีกแล้วครับ ที่จะ “แดงทั้งแผ่นดิน” คือบัญชีของทุกครัวเรือนที่รายจ่ายสูงกว่ารายได้ เราต้องหยุด เราต้องพอกับสิ่งเหล่านี้ เราต้องก้าวข้ามให้พ้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องมาออกแบบเพื่อสร้าง “พิมพ์เขียวประเทศไทย” เราทำได้ครับ

ไม่ใช่เฉพาะที่เราเห็นเมื่อวานนี้ ไม่ใช่เฉพาะที่เราเห็นเมื่อสักครู่นี้ แต่เห็นไม๊ครับ ในช่วงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ก็ใครล่ะครับ แต่พี่น้องประชาชนที่มีจิตอาสาทั้งหลายที่ทำให้เราผ่านพ้นภัยพิบัตินั้นมาได้ นั่นคือพลังของพี่น้องประชาชนที่เราจะใช้

ผมคงไม่สามารถสรุปสิ่งที่เป็นข้อเสนอ สิ่งที่เป็นการสะท้อนปัญหาได้ครบถ้วนทุกกลุ่มหรอกครับ แต่ผมบอกว่า วันนี้เป็นวันเริ่มต้น ผมเพียงแต่จะเสนอกรอบความคิดในการสร้างพิมพ์เขียวประเทศไทย ที่เรากำลังจะออกแบบ โดยขอเสนอว่า เราต้องวาง 10 ฐานราก เลข 10 เลขดีนะครับ แต่ 10 ฐานราก ผมกลัวว่าจะจำยาก ก็บังเอิญครับ ภรรยาเป็นนักคณิตศาสตร์ 10 นั้นเท่ากับ 4 + 3 + 2 + 1 ผมเสนอ 4 ฐานรากสังคม 3 ฐานรากเศรษฐกิจ 2 ฐานรากการเมืองเพื่อนำให้ประเทศไทยเป็น 1 ในอาเซียน

4 ฐานรากทางสังคมที่จะต้องเป็นฐานรากสำคัญของประเทศไทยที่เรากำลังออกแบบ ผมขอเริ่มจากคำว่า “สังคมอบอุ่น ปรองดอง” แต่เอากันชัด ๆ ก่อนนะครับว่า ปรองดอง แปลว่าอะไร

ปรองดอง เป็นสิ่งที่ผมเป็นคนเริ่มต้นในวันที่เป็นนายกรัฐมนตรี ปรองดองคือการที่ต้องการให้คนไทยรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แม้จะมีความแตกต่างทางความคิด พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าการสนับสนุนการปรองดองที่รวมคนไทยเป็นหนึ่งทั้งที่มีความแตกต่างทางความคิดแน่นอน แต่ปรองดองสร้างไม่ได้ ด้วยการบังคับ ด้วยการใช้เสียงข้างมาก ด้วยการข่มขู่ ด้วยการใช้อำนาจ และอย่าให้ใครปล้นคำว่าปรองดองไปใช้บังหน้า เพื่อล้างผิดให้กับคนโกง

ปรองดองต้องเริ่มจากสังคมที่อบอุ่นครับ และวันนี้ฐานรากสำคัญที่สุดในสังคมที่อบอุ่น เราต้องเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัว ทำไมต้องกลับมาที่สถาบันครอบครัว เพราะวันนี้ครับ ปัญหาสังคม ปัญหาการศึกษา ปัญหาอีกหลายต่อหลายปัญหา ไปจนถึงอาชญากรรม ยาเสพติด เป็นเพราะเราปล่อยให้สถาบันครอบครัวในประเทศ ค่อย ๆ เสื่อมถอย ถึงขั้นที่จะล่มสลาย เรามีเด็กที่กำลังเติบโตมาโดยไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ มากขึ้น ๆ ตลอดเวลา เรามีเด็กที่โตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว แต่ที่สุดมีลูก สุดท้ายนี่คือที่มาของปัญหาสังคมมากมาย และความอ่อนแอในประเทศของเรา ฐานรากนี้เป็นฐานรากสำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างสังคมที่อบอุ่นให้ได้ ต่อยอดจากนโยบายหลายอย่างที่เราได้ทำมา

รัฐบาลประชาธิปัตย์ทุกยุค ทุกสมัยครับ ต้องการสร้างโอกาสให้กับลูกหลานเรา ทำนโยบายเรื่องการศึกษา แต่ไม่ได้พูดเฉพาะเรื่องการเรียน ใครล่ะครับ เริ่มต้นโครงการ “นมโรงเรียน” โครงการอาหารกลางวัน และรัฐบาลที่แล้ว เอาจริง เอาจังมาก บอกว่า เด็กเล็กต้องได้รับการดูแล ส่งเสริมให้มีสถานดูแลเด็กเล็กในสถานประกอบการ และสถานที่ทำงานต่าง ๆ ฐานรากนี้สำคัญเพื่อที่จะเป็นภูมิคุ้มกันและการป้องกันปัญหาอื่น ๆ มากมายที่จะตามมา ผมเชื่อมั่นครับว่า ถ้าเราทำให้ครอบครัวอบอุ่น สังคมอบอุ่นปรองดอง ชุมชนของเราจะมีความสงบสุข สังคมของเราจะมีความเข้มแข็งและจะเป็นฐานรากที่สำคัญที่สุดของประเทศที่เรากำลังจะร่วมออกแบบกัน นั่นคือข้อที่ 1 ในส่วนของสังคม

ส่วนที่ 2 ครับ เราต้องวางฐานรากให้เกิดสังคมเรียนรู้ หรือสังคมแห่งการเรียนรู้ เรื่องนี้ เราจะเห็นว่าพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มที่มาสมัชชา ให้ความสำคัญมาก เมื่อวานผมเดินเยี่ยม ทุกห้อง ยังแปลกใจ นึกว่าเวลาไปพบกับกลุ่มที่บอกว่าเป็นกลุ่มธุรกิจจะคุยกันเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่ครับ เริ่มต้นคุยกันบอก เริ่มที่เรื่องการศึกษา การเรียนรู้ ผมเดินไปกลุ่มคนทำงานอิสระก็ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา เดินไปเกือบทุกห้องเขาบอกว่าการศึกษาการเรียนรู้ สำคัญ ประชาธิปัตย์ยังทำงานไม่เสร็จครับ ที่จริงทำงานมาตั้งแต่บอกว่า เรียนฟรี 6 ปี ทำจนถึง 15 ปี มีกองทุนกู้ยืมให้ สนับสนุนเรื่องการศึกษาและเด็กอีกหลายแนวทาง แต่ก็ยังไม่พอ วันนี้ต้องเดินหน้าในเรื่องของคุณภาพ เราจะปล่อยให้คะแนนโอเน็ต เอเน็ต มันต่ำลงทุกปี ๆ ๆ ไม่ได้ เราจะปล่อยให้เด็กที่เรียนจบมา ปรากฎว่ามีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของระบบเศรษฐกิจ ตกงานต่อไปไม่ได้ การปฏิรูปการศึกษาที่เราทำมาทุกครั้ง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของท่านนายกฯ ชวน มาจนถึงรัฐบาลที่แล้ว เริ่มต้นวางรากฐานไว้ แต่ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีคนทำต่อ วันนี้เราต้องทำต่อให้ได้ และเราต้องจับมือ ร่วมมือกันสร้างเครือข่าย เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และผมเห็นด้วยกับหลายท่านที่ขึ้นมาบนเวทีนี้ที่บอกว่า การศึกษาวันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องวิชาการ แต่ต้องให้ทักษะในเรื่องชีวิต คุณธรรม จริยธรรม สร้างพลเมืองที่เข้มแข็งของสังคมไทย และประเทศไทย พร้อมๆ  ไปกับความรู้

สำคัญที่สุดครับ วันนี้การศึกษาสายอาชีพ จะต้องได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง ต้องไม่ถูกทอดทิ้ง ต้องไม่ถูกละเลย ผมเสียใจครับว่า นโยบายของรัฐบาลวันนี้บอกให้ 15,000 บาท แต่ให้เฉพาะคนจบปริญญา ในระบบราชการวันนี้ ช่องว่างระหว่างคนจบปริญญากับการจบสายอาชีพเงินเดือนอาจจะต่างกันถึงเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งไม่ถูกต้องครับ

เราต้องการสังคมที่คนเรียนรู้ว่ามีทักษะ สอดคล้องกับความต้องการของประเทศอย่างเป็นธรรม และกระบวนการเรียนรู้ไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อออกจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา เดินหน้าสร้างสภาวะแวดล้อมให้คนทุกกลุ่ม ทุกวัย สามารถเรียนรู้ได้ และเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งของประเทศต่อไป

ฐานรากที่ 3 ทางสังคมที่สำคัญ คือสังคมสวัสดิการครับ สังคมสวัสดิการต้องทำอย่างต่อเนื่อง ประชาธิปัตย์เราพยายามให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า หลายสิ่งหลายอย่างเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้า เบี้ยคนพิการถ้วนหน้า รักษาฟรี ปรับระบบการรักษาสุขภาพหรือหลักประกันสุขภาพต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นธรรม ให้เกิดความสอดคล้องมากขึ้นตามความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ต้องเดินหน้า และไม่ใช่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นเรื่องต่อรองในเรื่องของการสนับสนุน ไม่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ใช่เป็นบุญคุณของรัฐบาลใด แต่ต้องเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานสวัสดิการของทุกคน

ไม่ต้องเอาเรื่องเหล่านี้มาเล่นการเมือง มาเล่นเรื่องการตลาด ผมเรียกร้องเฉพาะหน้าเลยครับ รักษาฟรีแล้วอย่ากลับไปเก็บ 30 บาท เพียงเพราะให้มันเป็นยี่ห้อ 30 บาท

นี่เป็นฐานรากที่เป็นความแตกต่างสำคัญที่สุดกับการต่อสู้กับปัญหาของประชานิยม เพราะถ้าเราสามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิ เป็นระบบ นั่นเท่ากับเรากำลังเพิ่มเสรีภาพความมั่นคงให้กับชีวิตคนไทยทุกคน และเราจะต้องเดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และประชาธิปัตย์รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่จะมาร่วมกับเรา จะคิดและสร้างสังคมสวัสดิการแบบยั่งยืน เราไม่ได้บอกว่าสังคมสวัสดิการเกิดขึ้นได้เพราะมีเงินจากรัฐบาลมาแจกครับ แต่เห็นไม๊ครับว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้เริ่มต้นวางรากฐานว่า พี่น้องประชาชนต้องมีเงินออมมากขึ้น เราส่งเสริมกองทุนสวัสดิการชุมชน สมทบเงินเข้า เราออกกฎหมายกองทุนเงินออมแห่งชาติ เพื่อที่จะให้มันเป็นรากฐานรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต และที่สำคัญที่สุด เราเริ่มต้นกระบวนการดึงแรงงานทั่วประเทศที่ยังเหลืออีก 20 กว่าล้านคนเข้ามาสู่ระบบประกันสังคม สิ่งเหล่านี้ต้องเดินหน้าต่อไปเป็นรากฐานสำคัญของสังคมสวัสดิการ

ฐานรากที่ 4 ทางสังคมครับ คือเราจะต้องร่วมกันสร้างขึ้นมา คือสังคมที่เป็นธรรม วันนี้ เราได้ยินเสียงจากพี่น้องประชาชน จากหลากหลายกลุ่มมาก ที่ยังเข้าไม่ถึงทรัพยากรบ้าง เข้าไม่ถึงสิทธิบ้าง ถูกเลือกปฏิบัติบ้าง สังคมที่เราปรารถนาจะเห็น ที่จะเป็นธรรมนั้น เราต้องแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง ผมไม่อยากเห็นประเทศไทยมีคนที่ไร้ที่ทำกิน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป ประชาธิปัตย์เคยทำงานเรื่องปฏิรูปที่ดินมาจนถึงโฉนดชุมชน จนกระทั่งเริ่มตั้งธนาคารที่ดิน และเตรียมที่จัดเก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สินให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม นั่นยังเป็นสิ่งที่เราต้องการออกแบบระบบความเป็นธรรมในประเทศต่อไป และผมแปลกใจครับ รัฐบาลที่อ้างคนจนตลอดเวลา กลับล้มเลิกแผนที่จัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดิน อย่างที่คุณกรณ์ เคยเสนอเอาไว้ ไม่มีเหตุผล

ผมต้องใช้คำว่า หยุดใช้คนจนหาเสียง แต่ต้องเอาจริงกับโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม แล้วให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องทรัพยากร ทั้งเรื่องสิทธิ เพื่อเดินหน้าประเทศของเราต่อไป นั่น 4 ฐานรากทางสังคม

มาทางเศรษฐกิจบ้าง ฐานรากที่ 1 ครับ ก็กลับมาอยู่ที่ภาคการเกษตร เราต้องมีเกษตรเข้มแข็ง ผมไม่ต้องการเห็นมันสำปะหลังมาเทอยู่หน้าสภา ผมไม่ต้องการเห็นสัปปะรดกองอยู่ที่ถนนเพชรเกษม ผมไม่ต้องการเห็นพี่น้องประชาชนจะเป็นชาวนา ชาวไร่ ต้องขนผลิตภัณฑ์ของตนเอง หวังที่จะไปเข้าโครงการจำนำแล้วถูกโกง โกงน้ำหนัก โกงความชื้น โกงปริมาณ โกงทุกอย่าง และผมไม่ต้องการเห็นประเทศไทย เสียแชมป์ ผู้ส่งออกข้าว เพราะนโยบายที่ผิดพลาดอย่างนโยบาย “จำนำพืชผล”

เราไม่มาออกแบบให้ประเทศไทย กลับมาเป็นประเทศที่เกษตรเข้มแข็ง เกษตรกรประกอบอาชีพแล้วมีกำไร แล้วทำอย่างเป็นระบบ ทำโดยไม่มีการทุจริต และทำแล้วอาหารไทย เกษตรไทย แข็งขันได้ทั่วโลก เอานโยบายประกันรายได้กลับมาครับ

แล้วเดินหน้าส่งเสริมเรื่องการเพิ่มมูลค่าเพิ่มเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรของเราเพื่อแข่งขันในตลาดโลกให้ได้ เพราะนี่จะเป็นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ผมยืนยันว่า ถ้าพี่น้องเกษตรกรไทย มีรายได้ดี มีความมั่นคง เศรษฐกิจไทยก็จะไปดี และมีความมั่นคงอย่างแน่นอนครับ

ฐานรากทางเศรษฐกิจ ฐานรากที่ 2 คือเศรษฐกิจนวัตกรรม อาจจะฟังดูยาก แต่ความจริงตรงนี้ประชาธิปัตย์ได้เริ่มต้นไว้แล้วจากเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Creative Economy รัฐมนตรีอลงกรณ์ พลบุตร ทำงานอย่างเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้มาก ผมกำลังจะบอกว่า ประเทศไทยวันนี้เศรษฐกิจไทยวันนี้อย่าหวังแข่งขันด้วยค่าแรงที่ต่ำ อย่าหวังแข่งขันจากการที่ทำหน้าที่ในการประกอบชิ้นส่วนที่นำเข้ามาแล้วก็ส่งออกไป แต่ต้องสร้างรายได้บนความคิด สร้างรายได้โดยไม่ไปกินทุนที่เป็นทรัพยากรของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ หรือทรัพยากรทางด้านอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าหลายเรื่องที่พี่น้องประชาชนที่ร่วมสมัชชานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้เสรีมากขึ้น และที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดการเรียนรู้ในเรื่องของการวิจัย และพัฒนา นี่คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต และเราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมแข่งขันในเรื่องนี้ได้ เป็นเศรษฐกิจนวัตกรรมอย่างแท้จริง

ฐานรากทางเศรษฐกิจที่ 3 ครับ ผมสรุปว่าประเทศไทยสีเขียว เพราะวันนี้ประเทศไทย สังคมไทยเราก็มีความรับผิดชอบต่อมวลมนุษยชาติ ต่อปัญหาโลกร้อน ต่อปัญหาการทำลายระบบนิเวศน์ การพัฒนาเศรษฐกิจของเราต่อไปนี้ จะต้องเป็นมิตรกับทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศน์ ต้องไม่มีปัญหาหมอกควันจากการเผาป่า ต้องไม่มีการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมแล้วพี่น้องประชาชนเจ็บป่วยจากมลพิษ เราต้องมาช่วยกันออกแบบมาตรการนโยบาย ออกแบบสังคม ออกแบบประเทศให้เป็นสีเขียวอย่างแท้จริง

ผมได้หารือกับหลายท่านในพรรคครับ มูลนิธิควง อภัยวงศ์ จะเป็นผู้ขับเคลื่อนในเรื่องของการปลูกป่าเอาจริง เอาจังกับเรื่องนี และจะช่วยป้องกันปัญหาภัยพิบัติ และน้ำท่วมได้ด้วย แล้วเราจะต้องมีนโยบายเศรษฐกิจ นโยบายอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงเรื่องของความเป็นมิตรกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง พลังงานทดแทนก็ดี การนำเอาเทคโนโลยีที่สะอาดก็ดี มาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของเรา จะเป็นฐานรากที่สำคัญของเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และประเทศไทยที่เราอยากจะเห็น

4 ฐานรากสังคม 3 ฐานรากเศรษฐกิจ ก็มาสู่ 2 ฐานรากทางการเมือง ฐานรากทางการเมืองที่สำคัญข้อแรก คือการเมืองเสรี การเมืองเสรีเริ่มต้นจากความเชื่อมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปไตย ต้องอยู่ในจิตใจของทุกคน ไม่ใช่เสื้อคลุมที่ซ่อนคนที่มีใจเป็นเผด็จการ

ประเทศประชาธิปไตย ที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงทั่วโลก การเมืองเสรี เสรีอย่างไร เสรีในการเปิดกว้างให้คนแสดงความคิดเห็น ใช้สิทธิ์ เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การเมืองที่ลากกันด้วยเสียงข้างมากอย่างเดียว ไม่อยากฟัง ไม่ยอมฟัง ก็ปิดอภิปราย ไม่อยากฟัง ไม่ยอมฟัง คิดปิดอภิปรายไม่ทัน ก็ปิดไมค์ ไม่มีประชาธิปไตยในโลกที่ไหนเป็นแบบนี้ แล้ววันนี้ผมก็ขอขอบคุณผู้แทนของสมัชชา กลุ่มผู้ทำงานอิสระ ยืนขึ้นหน่อยสิครับ

พูดตรงประเด็นที่สุด เรื่องปัญหาความเป็นกลางในสังคม

ความเป็นกลาง หรือไม่เป็นกลาง ไม่ได้วัดกันที่ว่าอยู่ข้างไหน ความเป็นกลางไม่เป็นกลางอยู่ที่ว่า “คุณอยู่กับความจริงหรือไม่” ดีก็คือดี ชั่วก็คือชั่ว การบอกว่าคนชั่ว ไม่ชั่ว ไม่ได้เป็นกลาง

ผมจึงเรียกร้องว่าวันนี้ถ้าการเมืองจะเสรี พื้นที่สื่อต้องเปิด และผู้ที่ประกอบวิชาชีพทุกคน ต้องกล้าหาญที่จะเสนอความจริง เราไม่มีทางจะมีการเมืองเสรี และมีฐานรากทางการเมืองที่แข็งแกร่งได้ถ้าสิทธิ เสรีภาพอย่างนี้ ถูกจำกัด เดินหน้าเพื่อให้การเมืองของเรานั้น เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เราจึงจะสามารถผลักดันแนวคิด พิมพ์เขียวของประเทศทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และสังคมได้ เพราะถ้าเราปล่อยให้มีการผูกขาดการเมือง มันก็ย้อนกลับไปการเมืองเพื่อนักการเมือง การเมืองเรื่องผลประโยชน์ การเมืองเรื่องช่วงชิงอำนาจ แล้วก็อ้างประชาชนเป็นเพียงเบี้ยในกระดาน

การเมืองนี้ ที่เป็นการเมืองเสรี ต้องร่วมกันสร้างและเราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มา ต้องต่อสู้ร่วมกันให้ได้มา พลังของพวกเราทุกคนจะมีความสำคัญมาก ในภาวะที่เขาพยายามปิดกั้นทุกช่องทาง และผมยืนยันครับ พวกเราทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนเป็นห่วงเป็นใย บอกสู้ได้หรือเปล่า เขามีทุกสิ่งทุกอย่าง ปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ผมบอกว่าพวกผมที่ยืนกันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครกลัว และไม่มีใครถอยแน่นอน

มิฉะนั้นพวกเราไม่ยืนมา 66 ปี ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการกดขี่ และรูปแบบของเผด็จการที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ฐานรากที่สำคัญข้อที่ 2 ทางการเมืองครับ คือ รัฐต้องโปร่งใส ยุติธรรม

วันนี้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น รุนแรงมากขึ้นโดยลำดับ ผมอยากจะย้ำครับว่าแม้แต่ภาคธุรกิจ เอกชนวันนี้ เขาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาสร้างเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นแล้ว แต่เขาต้องการการสนับสนุนจากประชาชน วันนี้รัฐกำลังจะใช้เงินมากมายมหาศาล โครงการหลายแสนล้าน หรืออาจจะเป็นล้านล้าน เพราะรัฐบาลนี้กู้เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์

สมัยรัฐบาลที่แล้ว โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม ถ่ายรูปมาให้ดูหมดครับ จะไปฟื้นฟูที่ไหน ด้วยเงินเท่าไหร่ ขึ้นเวปไซต์ตรวจสอบได้ ร้องเรียนมาได้ วันนี้เราเรียกร้องว่า รัฐบาลต้องทำเช่นเดียวกับโครงการฟื้นฟูแก้ปัญหาน้ำท่วม และลงทุนในเรื่องของน้ำท่วม และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดทุกโครงการ เพราะทุกบาท ทุกสตางค์เป็นภาระของพี่น้องประชาชน

วันก่อนผมหลงดีใจ เขาบอกว่ามีเวปไซต์ที่จะให้ดูว่าโครงการของรัฐบาลอยู่ที่ไหนอย่างไร อนุมัติไปแล้วเท่าไหร่ ผมเข้าไปครับ เสร็จแล้วเขาก็ขอผู้ใช้กับรหัสผ่าน ซึ่งเขาก็ไม่ให้ แล้วก็ไม่บอกด้วยว่าจะไปเอาอย่างไร รัฐที่ไม่โปร่งใส ไม่มีทางเป็นรัฐที่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนได้

พวกเราทุกคนต้องเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานในการรับรู้ข้อมูลก่อน นั่นเป็นเพียงขั้นแรก และเมื่อได้ข้อมูลแล้ว เรานี่แหละครับ ทุกคนต้องเป็นหูเป็นตาว่า ที่บอกว่าจะมาทำถนน ที่บอกจะมาขุดลอก ที่บอกจะมาทำแหล่งน้ำ ทำจริง อย่างที่ว่า สมราคาหรือไม่ ถ้าเราจับมือกันอย่างนี้ ผนึกกำลังกันอย่างนี้ เราจึงจะสร้างรัฐที่โปร่งใสได้ แต่โปร่งใสอย่างเดียวไม่พอครับ ผมใช้คำว่า โปร่งใส และยุติธรรม

การบังคับใช้กฎหมาย เป็นปัญหาที่สังคมไทยมีปัญหามาโดยตลอด ที่ต้องออกแบบกันใหม่เพราะเราต้องหลุดพ้นจากปัญหา หรือจุดอ่อนตรงนี้ของสังคมไทยให้ได้ และเราไม่มีทางหลุดพ้นได้หรอกครับ ถ้าเราตั้งเป้าว่าใครทำผิด ไม่เป็นไร มีอำนาจเมื่อไหร่ มาล้างผิดได้ อย่างนี้ไม่ได้ครับ

เราต้องรักษากฎหมาย ความถูกต้อง เพื่อให้เกิดความยุติธรรม ต้องไม่มี “2 มาตรฐาน” 2 มาตรฐานไมได้แปลว่า เวลาผมแพ้คดีเป็น 2 มาตรฐาน ไม่ใช่ครับ ถ้าคดีชนะก็ไม่เป็นไร ถ้าคดีแพ้เป็น 2 มาตรฐาน อย่างนั้นไม่ใช่คำนิยามของ 2 มาตรฐาน

2 มาตรฐานคือ ต้องให้ระบบกฎหมายเดินไปตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอย่างตรงไป ตรงมา ถ้าใครใช้กฎหมายแล้วบอกคนเป็นพวกหลุดคดี ใครอยู่ฝ่ายตรงข้ามต้องถูกกลั่นแกล้ง สังคมจะไม่มีความยุติธรรม และจะไม่มีความสงบสุข รากฐานทางการเมืองที่สำคัญจึงต้องเป็นรากฐานทางการเมืองที่รัฐโปร่งใส ยุติธรรม เพื่อประโยชน์สุข ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

4 ฐานรากสังคม 3 ฐานรากเศรษฐกิจ 2 ฐานรากทางการเมืองครับ วันนี้ต้องทำให้เรามาสู่ 1 ฐานรากของการที่ประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางอาเซียน

วันนี้ขออนุญาตครับ มีเลขาธิการอาเซียนมาอยู่กับเราตรงนี้ครับ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ครับ ใกล้ครบวาระแล้วครับ ครบแล้วก็จะไม่ไปไหนใช่ไม๊ครับ มาออกแบบประเทศไทย กับพี่น้องคนไทย เราจะต้องเป็นศูนย์กลางอาเซียน เพราะเราตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของอาเซียน จับมือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย พัฒนาเชื่อมโยง ทางโลจิสติกส์ ทางการขนส่ง ทางการคมนาคม ตามแนวทางที่จะผลักดันให้ 10 ประเทศในอาเซียน เป็น 1 ประชาคม

ถนนหาทางนี่ครับ ที่จะต้องทำเราได้เริ่มต้นโครงการต่าง ๆ เอาไว้มากมาย จะเปิดประตูทางตะวันตกออกสู่ทวาย นั่นก็เป็นสิ่งที่เราเริ่มต้นไว้ จะเชื่อมโยงไปทางอินโดจีน ตามแนวการพัฒนาตะวันออก ตะวันตก ทั้งที่มาผ่านทางตอนล่าง ก็คือกัมพูชา แลเวียดนาม หรือทางตอนบน ที่มี 4 แยกอินโดจีน อยู่ที่พิษณุโลกไปลาว และเวียดนาม ต้องมีการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง ลดต้นทุนต่าง ๆ เชื่อมโยงทางพลังางนให้เราสามารถใช้ศักยภาพของเครือข่ายทางพลังงานของ 10 ประเทศร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาระบบขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถไฟความเร็วสูง ที่เราเป็นผู้เริ่มต้นในการเจรจาดึงจีนเข้ามาร่วม เพื่อเชื่อมตั้งแต่ตอนใต้ของประเทศจีน ไปสู่สิงคโปร์

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราจะต้องช่วยกันออกแบบและผลักดันเพื่อให้ประเทศไทยนั้นได้ประโยชน์สูงสุดจากการเป็นที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน และจากการที่เราเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน ที่จะเกิดขึ้น ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีข้างหน้า

4 – 3 – 2 – 1 บวกกันได้ 10 เป็น 10 ฐานราก ที่เราจะต้องใช้ในการร่วมกันออกแบบประเทศไทยเพื่อสร้างพิมพ์เขียวใหม่

วันนี้เราเริ่มต้นแล้วครับ แต่เรายังต้องทำงานกันอีกหนัก หลังจากวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะปิดสักทีนะครับ หลังจากปิดสมัยประชุมสภา ผม และเพื่อน ๆ พรรคประชาธิปัตย์ จะออกไปทั่วทุกภูมิภาค ทำสมัชชากับประชาชนทุกกลุ่ม

หยิบปัญหาทุกปัญหา เอามาคิดทุกความคิดมาร้อยเรียงกันบนฐานราก 10 ข้อนี้ สร้างพิมพ์เขียวประเทศไทยด้วยกัน และตั้งใจว่าภายในเดือน สิงหาคม พิมพ์เขียวประเทศไทย ฉบับใหม่เสร็จ

ผมยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ทำเรื่องนี้โดยลำพังไม่ได้ ประชาธิปัตย์จะทำเรื่องนี้ เคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มและทุกสีด้วย

เพื่อเดินหน้าประเทศไทยต่อไป ผมไม่ต้องการเห็นความล้มเหลว ที่เกิดขึ้นจากการเมืองอีกต่อไป นอกจากสถานการณ์ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า ความไม่ถูกต้องที่เราต้องต่อสู้ และจะต่อสู้อย่างเข้มแข็งแล้ว เราต้องเตรียมตัวของเราครับ เพราะเวลาไม่คอยประเทศไทย โลกไม่คอยประเทศไทย เราต้องก้าวเดินตั้งแต่วินาทีนี้

เราจะรอให้ประชาคมอาเซียนเกิด เราจะรอให้เรากลายเป็นสังคมผู้สูงอายุไปแล้ว เราจะรอให้ทั่วโลกเขาเดินหน้า ก้าวหน้าไป แล้วเราจะวนเวียนอยู่กับการเมืองเพื่อนักการเมือง มันไม่มีอนาคตสำหรับลูกหลานเราแบบนั้น ดังนั้นวันนี้ครับ ผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่ได้มาร่วมในกระบวนการที่สำคัญยิ่งของงานของพรรคประชาธิปัตย์จากวินาทีนี้ไป และเชิญชวนพวกเราครับ จับมือรวมพลัง ออกแบบประเทศไทยให้เป็นประเทศไทยที่สงบ ร่มเย็น เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกคนครับ ขอบคุณครับ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net