Skip to main content
sharethis

ชื่อเดิม: ทำความรู้จัก "เอ็ม"  ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ก่อนอดอาหารครบ 168 ชม.เพื่อสิทธิการประกันตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด

 

 

คุยกับผู้ที่กระเพาะว่างเปล่าแต่หัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น "เอ็ม"  ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ลูกศิษย์ 'สุรชัย แซ่ด่าน'  กับภารกิจการอดอาหาร 7 วัน เพื่อสิทธิการได้รับการประกันตัวจากผู้ต้องหาทางการเมือง จากคนตกงานจากการทำรัฐประหาร เรียนรู้ผ่านแคมฟร็อก สู่อาสาพยาบาล เพื่อ “ได้ช่วยคนที่อยากออกมาแสดงความคิดเห็น” รวมไปถึงการเป็นฝ่ายศิลป์สร้างความบันเทิงปลุก-ปลอบเยียวยาจิตใจผู้ถูกปราบ ปราม

21 ก.พ.55 เข้าสู่วันสุดท้ายของ "เอ็ม"  ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ลูกศิษย์ 'สุรชัย แซ่ด่าน'  กับการอดอาหาร 7 วัน หรือ 168 ชั่วโมง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวบริเวณบาทวิถีหน้าศาลอาญา รัชดา เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) และนักโทษทางการเมืองทั้งหมด โดยในวันนี้เอ็มดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับวันแรกๆ

“เอ็ม”  ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ได้ทำการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวนักโทษการเมืองต่อจาก “ไท” ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข และ ผุสดี งามขำ ที่ทำการอดอาหารในลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้า 112 ชม.

ทั้งนี้ก่อนที่การอดอาหาร 168 ชั่วโมง ของเขาจะสิ้นสุดภายใน 8 โมงเช้าวันที่ 22 ก.พ. นี้ เรามาทำความรู้จักชาย 37 ปีที่ชื่อ "เอ็ม"  ฤทธิพงษ์ มหาเพชร กัน

0000

 

ภูมิหลังเป็นใครมาจากไหน
จริงๆ แล้วก่อนที่จะมานี่ ผมเตรียมตัวไปทำร้านอาหารที่อมก๋อย เพราะเพื่อนทำร้านอาหารที่โน้น แล้วอยากไปช่วย  เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด คุณพ่อเป็นคนอุดร ส่วนคุณแม่เป็นคนโคราช

ทำไมถึงเริ่มมาทำกิจกรรมทางสังคมและการเมือง
ก่อนหน้าเคยทำที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง โดยบริษัทต้องปิดตัวไปเพราะว่าเกิดการรัฐประหาร (19 ก.ย.49) จึงนั่งคิดว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ก็มีวันหนึ่งเห็นมีการชุมนุมที่สนามหลวง เราก็ยังไม่เข้าไปร่วม จับพลัดจับผลูมีเพื่อนบอกว่าให้เข้าไปดูในโปรแกรมแคมฟรอก(camfrog)สิ เขามีห้องการเมืองนะ เขาไม่ได้มีแต่โป้ๆ เต้นๆ นะ ตอนนั้นเราก็คิดว่าแคมฟรอกนี่แง่ลบตลอด แต่ว่าเพื่อนเขาบอกว่ามีการเมือง อยู่บ้านก็ฟังได้ เราก็เข้าไปฟังมันก็ให้ความรู้เราดี พอเข้าไปเสร็จเราก็ถามพี่ๆ ที่เขารู้เรื่องการเมือง พอเข้าไปถามเสร็จพี่ๆ เขาก็สอนเราเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราไม่รู้เรื่องการเมืองมาก่อนเลย เขาก็สอน

แล้วก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นดีเจ(ในแคมฟรอก) แต่ยังไม่ได้พูดนะครับ เป็นดีเจเปิดจากสถานีวิทยุนี้เข้ามาในแคมฟรอกบ้าง มีอยู่วันหนึ่งก็อยากออกสนาม ก็ขออาสาไปถ่ายทอดหลังเวทีของชุมนุมของเสื้อแดง ก็หิ้วคอมไปเขาให้เข้าไปหลังเวทีก็เข้าไปถ่ายทอดออกห้องแคมฟรอก นั้นคือจุดเริ่มต้นเลยที่ผมได้เข้าไปร่วมประมาณปี 51 แคมฟรอกที่เล่นคือห้อง “ราชดำเนิน” เพราะเดิมทีพวกผมเข้าไปเล่นใน(เว็บบอร์ด)ที่พันทิปราชดำเนิน แล้วมีการถูกยึด “อมยิ้ม” (แบนไอดี) กัน ก็เลยอึดอัด ตั้งห้องแคมฟรอกราชดำเนินกัน ก็ได้เข้าไปร่วมด้วยกับพวกพี่ๆ เขา

ก่อนหน้านี้สนใจการเมืองแต่ไม่รู้เรื่องเลย ทางเราไม่ใช่ทางการเมืองเลย ชอบทางศิลปะ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง จนได้เข้ามาเรียกรู้เพราะโดนผลกระทบจากบริษัทเก่าที่รับเหมาก่อสร้าง คิดว่ามันต้องเกี่ยวกับการเมืองแน่ๆ ก็เลยไปลองหาศึกษาดู

พอเริ่มศึกษาการเมืองแล้วมีเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมอะไรบ้าง
พอผมกระโดดเข้ามาสนใจการเมือง ผมคิดว่าผมรู้ไม่พอที่จะไปพูดหรือออกความเห็นได้ ผมก็เลยไปสมัครเป็นพยาบาลอาสาให้กับทุกที่ แต่พอดีพยาบาลอาสาที่ฟาเรด(FARED)เขารับสมัคร ก็เลยสนใจสมัครเข้าไป ตอนนั้น Thai Free News ก็เปิดรับสมัครอาสาพยาบาลก็ลองสมัครเข้าไปดู ก็มีคุณหมอหลายๆ ท่านช่วยอบรม ปี 52 ก็สมัครเป็นอาสาพยาบาล ก็รู้สึกว่ามันใช่เรา เราได้ฟังการเมืองด้วย ได้ช่วยคนที่อยากออกมาแสดงความคิดเห็น ก็เป็นอาสาพยาบาลฟาเรด(FARED)มาตลอดเลยคราวนี้ เป็นอาสาพยาบาลให้กับม๊อบเสื้อแดงโดยตลอด

ทำไมถึงชอบอาสาพยาบาล
คือผมมีใจด้านนี้อยู่แล้ว จริงๆ ก็อยากเป็นกู้ชีพ เข้าไปมันรู้สึกดี เวลาเข้าไปช่วยเหลือคนก็รู้สึกดี ชอบด้วย แล้วก็อยู่ได้ฟังการเมืองด้วยก็เลยชอบ

การเลือกเป็นอาสาพยาบาลนี่ต้องเจอกับคนเจ็บคนป่วย มีเหตุการณ์ที่คิดว่าสะเทือนใจที่สุดไหม

ที่สะเทือนใจที่สุดตอนอยู่หน้าทำเนียบตอนปี (เมษา) 52 ผมอยู่ตรงสะพานมัฆวานเป็นอาสาสมัครพยาบาลของฟาเรดนี่ล่ะ ช่วงนั้นมีการสลายการชุมนุมมีทหารเข้ามาแล้วผมก็อยู่ตรงนั้นเลย อยู่ตรงที่ทหารเขามีการยิงกัน มีการยิงเข้าเต้นท์พยาบาล มีกระสุนเต็มเลย ผมก็หลบกันอยู่แถวนั้น สะเทือนใจก็คือเห็นคนโดนยิงนี่ล่ะ ภาพที่สะเทือนใจมี 2 เรื่อง มีคนชราคนหนึ่งที่ผมดูแลเขาตลอดเพราะว่าเขาสุขภาพไม่ค่อยดี แล้วผมก็ดูแลตลอดเลย วันที่สลายการชุมนุมผมไม่เจอเขา ไม่รู้เขาหายไปไหน แล้วผมพยายามติดต่อทุกคนก็ไม่ได้ ก็มีแต่ชื่อจริง ไม่มีเบอร์โทรศัพท์อะไรเลย โทรติดต่อทุกที่เลยก็ไม่เจอ วันนั้นก็รู้สึกเสียใจที่ว่าทำไม เขาหายไปไหน ทำไมเราดูแลเขาไม่ได้

อีกครั้งหนึ่ง(ปีเมษา 52)มีน้องคนหนึ่งผู้ชาย เขาเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวโพด เขาก็มาเข้าขายข้าวโพดที่ม๊อบทุกวัน เขาจะตามแม่เข้ามาขายข้าวโพด เขาเห็นเราเป็นพยาบาลเขาก็ดูเราเป็นมิตร น้องก็จะมานั่งที่เต๊นท์ทุกวัน ผมก็จะเป็นคล้ายๆ พี่เลี้ยงน้องเขา เพราะสงสารน้องเขา วันสลายการชุมนุมอีกเหมือนกัน น้องคนนี้วิ่งร้องไห้ทั่วทั้งม๊อบเลยเพราะว่าแม่หายไป แล้วทุกคนก็ต่างวิ่งหนีทหาร เพราะว่าเข้ามาแล้ว เด็กคนนี้ก็วิ่งอยู่ ผมมีของหนักถือกระเป๋ายา ก็วิ่งไปตามเด็กไม่ได้ ก็เป็นภาพที่สะเทือนใจ เพราะว่าบางคนเขาอาจไม่รู้เรื่องก็ต้องมาอยู่ในเหตุการณ์นี้

หลังจากนั้นทำกิจกรรมอะไรอีกบ้าง
ผมไปทำข่าวให้ UDD Thailand อีก ตอน (มีนา-พ.ค.) ปี 53 เป็นข่าว นปช.ภาคภาษาอังกฤษ ก็เข้าไปร่วมกับเขาด้วยจนสลายการชุมนุม ต่างคนต่างแยกย้าย ผมก็อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร ผมชอบเล่น Photoshop ทำรูปทำอะไรแบบนี้ พอดี บก.ลายจุด หรือคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ เขาเล่น facebook กับผม แล้วเวลาเขาอยากได้รูปอะไรนี่ผมก็จะทำให้เขาดู แล้วผมก็ทำล้อการเมืองบ้างทำอะไรอย่างนี้บ้างจน บก.เขาสนใจผม ผมเสนอตัวเองล่ะ ถ้าทาง บก.ลายจุด อยากได้ฝ่ายศิลป์ทำอะไรเรียกผมได้นะครับ แล้วเผอิญ บก.ลายจุด เขากำลังจะตั้ง กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง (ปี 53 หลังสลายการชุมนุม) บก.เขาก็อยากได้ฝ่ายศิลป์พอดี ทั้งทำเสื้อ ทำป้าย ผมก็อาสาไปก่อตั้งกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง มีผม มี บก.ลายจุด และพี่ป๊อกกี้ ร่วมกันก่อตั้ง ผมก็เป็นฝ่ายศิลป์ในนั้น

พอมาอยู่กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงมีกิจกรรมอะไรที่ประทับใจหรือไม่
อยู่กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงผมค่อนข้างประทับใจทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมปั่นจักรยานที่สวนรถไฟ วิ่งที่สวนสันติภาพ ผมรู้สึกว่ามันอบอุ่นดี

ที่มีเจตจำนงการอดข้าวเพื่อคุณสุรชัย แซ่ด่าน นี้เป็นมายังไง
จุดเริ่มต้นคือผมเห็นน้องไท(ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข) ทำเพื่อพ่อเขาเหมือนส่งความรักในวันวาเลนไทน์ รู้สึกดี ก็อยากส่งแบบนี้ให้อาจารย์สุรชัย มีกำลังใจในการรออิสรภาพ นั่นคือจุดเริ่มต้น แต่พอกระโดดเข้ามาตรงนี้ ถ้าเราทำขนาดนี้ เรียกร้องให้ อ.สุรชัย คนเดียว อ.สุรชัย ท่านรู้คงด่าผมว่าทำไมทำเพื่อท่านคนเดียว ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำเพื่อนักโทษการเมืองทุกคน น่าจะมีการได้สิทธิการประกันตัว ถึงขั้นปล่อยนักโทษการเมืองเลยก็ดีครับ แล้วคิดว่าสิ่งที่เราเรียกร้องคงต้องเป็นอย่างนั้น

คุณสุรชัย มีความสำคัญอย่างไร
ตอนแรกที่ผมฟังการเมืองกับทุกคน บางคนก็ฟังแล้วก็เฮฮาดี บางคนก็เป็นวิชาการ แต่ว่าสำหรับผมคิดว่า อ.สุรชัย นี่แกเป็นนักวิชาการที่เก่งมาก ย่อยวิชาการจนทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายๆ เลย แกย่อยวิชาการจนเป็นภาษาชาวบ้านได้เลย มันทำให้ผมสัมผัสแกได้  แต่ว่าถ้าฟังแกจริงๆ แล้ว แกเป็นนักวิชาการนะ แต่ว่าแกย่อยมาให้ผมแล้วไง จนผมไม่รู้ตัว ผมรับข้อมูลข่าวสารจากอาจารย์มันรับง่าย เห็นภาพ มันใช่เลย แล้วรู้สึกว่าใช่ตั้งแต่ตอนนั้น รู้สึกว่าผมต้องติดตาม อ.สุรชัยแล้ว

การอดอาหารนี้จะมีไปถึงเมื่อใด
ตอนแรกผมประกาศไว้ไม่มีกำหนดนะ พอดีวันที่ 22 นี้เป็นวันที่ อ.สุรชัย ถูกคุมขังครบรอบ 1 ปีพอดี ผมก็เลยอยากประกาศตรงนี้ วันที่ 22 ครบรอบ 1 ปีแล้วนะ แต่ถ้าเกิดมีคนมาร่วมกับผมด้วยมากขึ้น เลยวันที่ 22 อาจไม่มีกำหนดก็ได้ แต่ขอให้มาร่วมด้วยกันเพื่อสิทธิในการเป็นมนุษย์ เพื่อสิทธิการประกันตัวหรือปล่อยนักโทษการเมือง ถ้ามาร่วมกับผมๆ ยอมอดข้าวต่อไปเรื่อยๆ เลยก็ได้

เป้าหมายหรือความมุ่งหวังของการอดข้าวครั้งนี้คืออะไร
คือหวังไว้นะว่าได้สิทธิการประกันหรือปล่อยตัวนักโทษเลย หวังไว้ แต่ว่ามันหวังมากไม่ได้ ก็ขอเพียงให้สังคมได้รู้ว่านักโทษคดีเหล่านี้ เขาไม่ใช่อาชญากรเลย อยากให้สังคมคิดถึงจุดนี้มากกว่า อยากให้สังคมมองเขาไม่ใช่เป็นอาชญากร ให้มองเขาเป็นคนเหมือนเขาเป็นเพื่อนบ้านคุณ อยากได้ตรงจุดนี้ก่อน เรื่องความหวังก็หวังอยู่แล้วครับ แต่อาจจะใช้เวลาสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอให้สังคมเห็นก่อนก็ได้

การมาเคลื่อนไหวกับ นปช. กับเสื้อแดง กับแดงกลุ่มย่อย มีความมุ่งหวังที่จะเห็นสังคมเป็นอย่างไร
ช่วงนั้นยอมรับตรงๆ ว่าผมเข้ามาร่วมกิจกรรมกับกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงเพราะว่าอยากเยียวยา เพราะว่าผมเป็นพยาบาลอาสามาก่อน ผมก็อยากเยียวยาทุกคนที่มาเพื่ออุดมการณ์ อยากเยียวยาเขาว่าเป็นอย่างไร เพราะตอนนั้นหลายคนต้องสูญเสียชีวิต เราก็เอาชีวิตเขากลับคืนมาไม่ได้ เรียกร้องจับผู้ทำผิดตอนนั้นก็ยากแสนเข็ญ ก็มีวิธีเดียวคือเยียวยาเขาให้เห็นว่าเขายังมีค่าอยู่นะ  เห็นเห็นว่าการต่อสู้ของเขายังถูกต้องนะ ก็เลยทำความบันเทิง สังเกตกิจกรรมกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงจะเน้นบันเทิง ก็พยายามบันเทิงเขา เอาหน่าๆ คุณยังโอเคอยู่นะ คุณยังได้อยู่ ก็พยายามปลุกเขาแล้วก็ปลอบเขาด้วย

อยากเห็นสังคมการเมืองมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ผมก็ยังถือว่าผมรู้น้อยทางการเมืองอยู่ ก็อยากเห็นเรื่องสิทธิการประกันตัว เรื่องการเมืองระยะยาวผมคงต้องดูวันต่อวัน ผมคงไม่สามารถพูดได้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น แต่อย่างน้อยคนเราน่าจะมีโอกาส ควรได้รับโอกาสเท่าๆ กันทุกคน ผมคิดอย่างนั้น สังคมปัจจุบันก็อย่างที่เห็น บางทีอาจจะอยู่ข้างหนึ่งได้รับการประกันตัว อาจจะเป็นอิสระได้เฉยเลย กลับบางทีอยู่อีกข้างหนึ่งทำไมขังลืมไปเลยอะไรแบบนี้ มันก็จะเห็นความแตกต่างอยู่นะครับ อยากเป็นสังคมที่มีบทสรุปคือความยุติธรรม

 

เสียงจาก บก.ลายจุด (สมบัติ บุญงามอนงค์) แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง

“ในบรรดาเหล่าสหายสีแดง เอ็มจัดได้ว่าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง มักมีไอเดียและทำอะไรแหวก ๆ เมื่อเขาใช้คุณสมบัติข้อนี้มาผสมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็จะทำให้ดูมีสีสันมากขึ้น

เอ็มผ่านเหตุการณ์ในช่วง เม.ย. พ.ค. 53 โดยแฝงตัวเป็นช่างภาพ ดังนั้นเขาได้เข้าไปอยู่ท่านกลางสมรภูมิ ได้เห็นการใช้อำนาจรัฐที่คุกคามประชาชน โดยที่ไม่ปรากฏอยู่ในสื่อกระแสหลัก และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขายังไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว แม้จะผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้วก็ตาม”

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net