Skip to main content
sharethis

มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมออกแถลงการณ์ ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2555 โดยขอประณามผู้ที่กระทำจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ ข้อมูลในพื้นที่ที่ได้จากการสอบข้อเท็จจริงจากผู้อยู่ที่ร่วมในเหตุการณ์ เป็นข้อมูลที่แตกต่างกับทางโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่ได้มีการแถลงทางสื่อมวลชน มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ และได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ และความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลที่มีอายุมากและเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ “การที่หน่วยงานของรัฐรีบด่วนออกมาแถลงและสรุปโดยรับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติฝ่ายเดียว ย่อมไม่เป็นธรรมต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนในพื้นที่ และต้องใช้ชิวิตอยู่อย่างหวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่” แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรกแต่ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองนี้ และทุกเหตุการณ์ล้วนแต่เป็นการสร้างเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชนในพื้นที่ (อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็ม ด้านล่าง) ด้านมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยแถลงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ รวมถึงประชาชนในชุมชนอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังต่อไปนี้ 1. รัฐบาลต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องไม่ปกปิดพยานหลักฐานและให้ผู้ที่ประชาชนไว้วางใจเข้ามีส่วนร่วมในการตรวจสอบดังกล่าวโดยเร็วที่สุดและแถลงให้ประชาชนทราบ 2. ต้องจัดให้มีการคุ้มครองพยานคือผู้รอดชีวิตอย่างเต็มที่เพื่อให้พยานสามารถให้ข้อเท็จจริงได้อย่างอิสระโดยปราศจากความกังวลในการถูกคุกคาม 3. หากปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิดรัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้มีการงดเว้นโทษ (Impunity) ต่อผู้ใดไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นราษฎรสามัญหรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้มูลนิธิฯมีความเชื่อมั่นว่าสันติภาพคงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากประชาชนที่บริสุทธิ์ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีชีวิตอยู่ในความไม่รู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สกไม่ปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่รัฐ 0 0 0 แถลงการณ์มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กรณีเหตุการณ์ที่ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จากเหตุการณ์ทหารพรานยิงรถกระบะคันหมายเลขทะเบียน บท 3105 ปัตตานี กำลังเดินทางไปร่วมละหมาดมายัต (พิธีละหมาดศพผู้นับถือศาสนาอิสลาม) จนเป็นเหตุให้คนแก่และเยาวชนที่โดยสารในรถยนต์คันดังกล่าวเสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 20.30 น. ที่หมู่ที่ 1 ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี นั้น ทางมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามผู้ที่กระทำจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องแยกเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4302 ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 2 ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์ที่ทหารพรานยิงรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน คันหมายเลขทะเบียน บท 3105 ปัตตานี เพราะเหตุการณ์ยิงฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4302 กับเหตุการณ์ยิงใส่รถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน 3105 ตั้งอยู่คนละหมู่บ้านและเกิดขึ้นคนละช่วงเวลา จากการที่มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้สอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ได้ความว่า ชาวบ้านที่ถูกยิง กำลังเดินทางจากจากหมู่บ้าน กาหยี (ตันหยงบูโละ) หมู่ที่ 1ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อจะไปละหมาดมายัตยังมัสยิดบ้านตอโป หมู่ที่ 4 ตำบลตะลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งการละหมาดมายัติ เป็นพิธีกรรมทางศาสนาในการจัดการศพก่อนนำไปฝั่งซึ่งช่วงเวลาที่ญาติของผู้ตายกำหนด แต่เนื่องจากทางออกของหมู่บ้านมีสองทางคือทางที่ต้องผ่านฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4302 ที่เกิดเหตุมีการยิง เอ็ม 79 ถล่ม กับทางด้านหน้าหมู่บ้าน รถคันดังกล่าวจึงได้หลีกเลี่ยงและเลือกใช้เส้นทางดังกล่าวแม้ระยะทางจะไกลแต่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ในขณะที่นายยา ดือราแม ผู้ขับรถยนต์กำลังขับรถยนต์จะขึ้นเนินได้มีทหารพราน เรียกให้หยุดรถ และได้สอบถามว่าจะไปไหน ทันใดนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นอีกชุดหนึ่งใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่คนในรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บท 3105 เป็นเหตุทำให้คนที่อยู่ในรถต้องวิ่งหลบหนีกระสุนปืนเพื่อเอาตัวรอด จนเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ ดังกล่าว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นข้อมูลในพื้นที่จากการสอบข้อเท็จจริงจากผู้อยู่ที่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แตกต่างกับทางโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้มีการแถลงทางสื่อมวลชน มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ และได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ และความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลที่มีอายุมากและเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ การที่หน่วยงานของรัฐรีบด่วนออกมาแถลงและสรุปโดยรับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติฝ่ายเดียว ย่อมไม่เป็นธรรมต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนในพื้นที่ และต้องใช้ชิวิตอยู่อย่างหวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องต่อผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรกแต่ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองนี้ และเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ล้วนแต่เป็นการสร้างเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชนในพื้นที่ เมื่อเป็นดังนี้ความสงบในพื้นที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม 31 มกราคม 2555

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net