ชาวตูนีเซียฉลองครบรอบ 1 ปีการปฏิวัติ

ชาวตูนีเซียนับหมื่นมารวมตัวเฉลิมฉลองกันที่จัตุรัสในกลางเมืองซีดี บูวซิด เมื่อที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติตูนีเซียเมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการเปิดตัวอนุสาวรีย์ โมฮาเม็ด บูวอาซีซี ผู้จุดไฟเผาตัวเองจนกลายเป็นชนวนของการลุกฮือ 18 ธ.ค. 2011 - ประชาชนชาวตูนีเซียหลายหมื่นคนมารวมตัวกันที่จัตุรัสใจกลางเมืองของเมืองซีดี บูวซิด เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีการปฏิวัติตูนีเซีย ในสถานที่เดียวกับที่เป็นจุดเริ่มต้นของการลุกฮือของประชาชนจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกอาหรับตามมา โดยเมื่อวันเสาร์ (17) ที่ผ่านมา มีพิธีการเปิดตัวรูปปั้นอนุสาวรีย์ของโมฮาเม็ด บูวอาซีซี ผู้ที่เผาตัวเองจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการปฏิวัติตูนีเซียตามมา ซึ่งในพิธีการนี้มีประธานาธิบดีคนใหม่ของตูนีเซีย มอนเซฟ มาร์ซูวคี เข้าร่วมด้วย ชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติ \ดอกไม้บานในอาหรับ\" คือตอนที่บูวอาซีซี นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแต่ไม่มีงานทำจุดไฟเผาตัวเองด้วยความสิ้นหวัง ในขณะที่ตำรวจกำลังยึดรถเข็นขายผักผลไม้ของเขาเนื่องจากไม่ได้รับการจดทะเบียน บูวอาซีซีเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ความตายของบูวอาซีซี ช่วยทำให้ความคัยแค้นที่คุกรุ่งอยู่ปะทุขึ้น จากความไม่พอใจเรื่องความยากจน การไม่มีงานทำ ปัญหาทุจริต และการกดขี่เอารัดเอาเปรียบ กระทั่งเกิดการประท้วงขึ้นทั่วตูนีเซีย ทำให้ประธานาธิบดี ซีเน อัล-อบีดีน เบน อาลี ต้องหนีออกจากประเทศในอีกไม่ถึงเดือนต่อมา การปฏิวัติในตูนีเซียได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศอื่นๆ ในอาหรับลุกขึ้นต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการที่ฝังรากในประเทศของตน ในอียิปต์และลิเบียสามารถโค่นล้มอำนาจเผด็จการได้สำเร็จ ขณะที่ผู้นำเยเมนตอนนี้ก็ยอมถอยให้กับกลุ่มปฏิรูปถ่ายโอนอำนาจ ขณะที่ผู้นำซีเรียก็เจอการต่อต้านด้วยกำลังที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การเฉลิมฉลอง สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานบรรยากาศการเฉลิมฉลองในเมืองซีดี บูวซิด ว่า มีประชาชนหลายหมื่นคนชุมนุมกันอย่างครื้นเครงที่จัตุรัสกลางเมือง พวกเขาเต้นรำไปตามจังหวะเพลงที่ได้รับความนิยมแม้อากาศจะหนาว ตามท้องถนนมีการประดับธงและรูปถ่ายของชาวตูนีเซียที่ถูกสังหารในช่วงที่มีการลุกฮือ \"มันเป็นวันแห่งความรื่นเริง ซีดี บูวซิด ถูกละเลยมานาน และวันนี้มันจะกลายเป็นเมืองหลวงของโลก\" ชายหนุ่มที่ชื่ออีหมาดกล่าว \"เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ของปีที่แล้ว โลกอาหรับได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ นี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ\" การเฉลิมฉลองจะมีไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้โดยมีคนมีชื่อเสียงระดับนานาชาติหลายคนเตรียมตัวเข้าร่วมด้วย หนึ่งในนั้นมี ทาวากุล คาร์มาน นักกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลชาวเยเมนผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อย่างไรก็ตามบรรยากาศสนุกสนานของเมืองซีดี บูวซิด ดูจะยังสนุกได้ไม่เต็มที่ เมื่อพวกเขาต้องเตือนตัวเองว่า การเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตยในตูนีเซียยังไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนและปัญหาการว่างงานได้ในขณะนี้ โดยที่ปัญหาเรื่องเนยและขนมปังก็เคยเป็นชนวนนำไปสู่การประท้วงของชาวตูนีเซียมาก่อน ทางด้าน มานูวเบีย บูวอาซีซี มารดาของโมฮัมเม็ดผู้จุดไฟเผาตัวเอง ก็กล่าวเน้นย้ำในเรื่องที่หลายคนยังกังวลอยู่ โดยขอให้รัฐบาลตูนีเซียเดินรอยตามแนวทางปฏิวัติ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว \"ลูกของฉันจุดไฟเผาตัวเองเพื่อให้ตูนีเซียและโลกอาหรับมีเสรีภาพ ... ฉันอยากร้องขอให้เจ้าหน้าที่รัฐให้ความสนใจกับพื้นที่ยากจนและสร้างงานให้กับคนหนุ่มสาว\" มานูวเบียกล่าว คืนศักดิ์ศรีให้พวกเรา มอนเซฟ มาร์ซูวคี ประธานาธิบดีคนใหม่ล่าสุดของตูนีเซีย ได้กล่าวสดุดีชาวตูนีเซียทุกคนที่ปฏิวัติต่อต้าน เบน อาลี รวมถึงคนที่ได้สละชีวิตไปในการนี้ด้วย \"เมืองซีดี บูวซิด ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกละเลยให้เป็นชายขอบ ได้นำเกียรติยศศักดิ์ศรีของชาวตูนีเซียกลับคืนมา\" มอนเซฟกล่าว \"พวกเราสัญญาว่าจะช่วยฟื้นฟู นำความปิติสุขในชีวิตกลับคืนมาสู่พื้นที่เหล่านี้\" การปฏิวัติตูนีเซียนำประเทศไปสู่ความเป็นเสรีประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1956 แต่ในตอนนี้ยังไม่ทำให้ปัญหาความยากจนและการว่างงานจำนวนมากหมดลง ขณะเดียวกันการปฏิวัติก็ทำให้เศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนหวาดกลัวและนักลงทุนต่างชาติไม่กล้ามาลงทุน ความไม่พอใจในเรื่องนี้ทำให้เกิดการจลาจลขึ้นในหลายช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงในคราวนี้ได้ขุดไฟเผาอาคารของรัฐและปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ \"การสดุดีเมืองซีดี บูวซิด เป็นเรื่องดี แต่พวกเราต้องการมีงาน เพียงแค่มีงานทำเท่านั้นถึงจะทำให้ศักดิ์ศรีของพวกเรากลับคืนมาได้ ประชาชนที่นี่ต้องการขนมปัง ไม่ใช่เครื่องดนตรีที่ให้ความบันเทิงกับตัวเอง\" นาบิลา อบีดี นักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีงานทำกล่าวกับผู้สื่อข่าว \"รัฐบาลใหม่ต้องเข้าใจสิ่งที่พวกเราต้องการจะสื่อและดูแลให้คุณภาพชีวิตของพวกเราดีขึ้น ถ้าไม่เช่นนั้นการปฏิวัติก็จะกลับมาอีก\" แมนเซอร์ อมามูว ชาวเมืองอีกรายหนึ่งกล่าว การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในตูนีเซียลดลงร้อยละ 0.2 ในปี 2011 จากร้อยละ 3 ในปี 2010 ช่วงที่เบน อาลี ยังปกครองประเทศ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คาดการว่าการเติบโตจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 4.5 ในปี 2012 ทางด้านธนาคารกลางระบุว่าจำนวนการว่างงานที่มีอยู่ร้อยละ 13 ในช่วงปลายปี 2010 ในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.3 ที่มา Tunisian town marks anniversary of revolution

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท