TCIJ: เครือข่ายคัดค้านท่อก๊าซฯ จี้ “สอบวินัยตำรวจ” ใช้ความรุนแรง “สลายชุมนุม”

ทวงถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผลสอบสวนทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ ยุคทักษิณ พร้อมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงยอมรับผิด วันที่ 7 ธ.ค.54 เวลา 09:30 น.เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย ประมาณ 100 คน เดินทางไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อ.เมือง จ.สงขลา ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผ่านผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เพื่อติดตามการร้องเรียนให้สอบสวนทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.45 หลังได้เคยยื่นเรื่องไปเมื่อปี พ.ศ.2552 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นางจันทิมา ชัยบุตรดี อ่านแถลงการณ์ชี้แจงวัตถุประสงค์การเดินทางมาในครั้งนี้ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงผ่านมานานถึง 9 ปี โดยเกิดขึ้นทั้งที่ประชาชนชุมนุมโดยสงบ เพียงเพื่อขอยื่นหนังสือให้คณะรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ทบทวนการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุมสัญจรวันที่ 21-22 ธันวาคม 2545 ณ โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ขณะหยุดพักรอการเจรจาประสานงานว่าทางเจ้าหน้าที่จะกำหนดให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปรอยังจุดใดที่จะยื่นหนังสือได้ และภายหลังการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงอย่างเป็นทางการ ผู้ชุมนุมซึ่งเป็นมุสลิมจึงเตรียมตัวเพื่อทำการละหมาด ขณะที่บางส่วนกำลังอาบน้ำละหมาด บางส่วนกำลังละหมาด ส่วนนักศึกษาบางส่วนซึ่งนับถือศาสนาพุทธกำลังรับประทานอาหารอยู่ อันเป็นการชุมนุมอยู่ในความสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับใช้กำลังผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยใช้ไม้กระบองทุบตีทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังทุบตีรถยนต์ของผู้ชุมนุมจนได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นได้จับกุมผู้ชุมนุมในวันและสถานที่เกิดเหตุ 12 คน และจับกุมจากสถานที่อื่นๆ อีกเป็นจำนวน 20 คน ในวันต่อมา การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ที่สำคัญเป็นการละเมิดสิทธิในการชุมนุมของประชาชนผู้ซึ่งชุมนุมโดยสงบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น มีการตรวจสอบหลักฐาน และข้อเท็จจริงจากคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พบว่าการกระทำนี้ เป็นความผิดจริง นอกจากนั้นปรากฏด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำผิดจำนวนหนึ่งถูกผู้ชุมนุมฟ้องคดีอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ศาลวินิจฉัยว่ามีมูลความผิดตามฟ้อง จึงให้ประทับฟ้อง โดยศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาว่า ความรับผิดไม่เพียงแต่จำเลยที่ 3 พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ เท่านั้น เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ และตำรวจระดับสูง ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ชุมนุมมาชุมนุมด้วยความสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ใช่ทำเสียเองด้วยการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม นางจันทิมา กล่าวด้วยว่า ขอติดตามทวงถามและยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.ให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมาย ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่ง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังรายนามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือร้องเรียนทุกรายโดยทันที 2.เมื่อพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงได้ความเป็นที่แน่ชัดแล้วให้ดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้นทั้งในทางวินัยราชการและในทางคดีความทางอาญาต่อไป 3.ให้มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามรายชื่อที่กล่าวไว้ไนหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ผู้ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของศาลจังหวัดสงขลา ดังคดีหมายเลขดำที่ 1818/2546 คือ 1) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ 2) พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข 3) พ.ต.ท.เล็ก มียัง 4) พ.ต.ต.อธิชัย สมบูรณ์ 5) พ.ต.ต.บัณฑูรย์ บุญเครือ ให้ถือเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มแรกที่จะต้องเร่งพิจารณาและมีคำสั่งให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการชั่วคราวดังกล่าว 4. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงยอมรับความผิดที่เกิดจากการกระทำการสลายการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวข้างต้น และเร่งดำเนินการตามที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้พิพากษาไว้แล้ว 5.ให้ทบทวนคำสั่งและการกระทำที่บ่งชี้ไปในทางเอื้อประโยชน์แก่ บริษัท ทรานส์ ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ในการไปตั้งหน่วยงานพิเศษ ในพื้นที่บริเวณโครงการโรงแยกก๊าซฯ ของบริษัทฯ ซึ่งก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อชุมชนในบริเวณดังกล่าว นางสุไรดะห์ โต๊ะหลี ตัวแทนเครือข่ายประชาชนรักษ์สิ่งแวดล้อมสงขลาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่มีการสอบสวนดำเนินการลงโทษใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการปูนบำเหน็จรางวัลเลื่อนชั้นยศ เลื่อนตำแหน่งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ได้มีความเจริญก้าวหน้าทางราชการยิ่งขึ้นทุกราย การที่บุคคลเหล่านี้มีโอกาสรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นนับเป็นอันตรายที่ร้ายแรงอย่างยิ่งต่อประชาชน และสังคมไทยในอนาคตที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาความสงบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ออกมารับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวและรับรองว่าจะส่งต่อไปตามที่ผู้ชุมนุมต้องการภายในวันนี้ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมทั้งหมดเดินทางไปร่วมฟังกระบวนการพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ชุมนุมเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา กับเจ้าหน้าตำรวจผู้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท