กรุงเทพฯ ไม่สมควรได้รับการปกปักรักษาที่มีอภิสิทธิ์เหนือชั้น

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

แปลจาก Pavin Chachavalpongpun, Bangkok doesn't deserve its special protection and privilege, the Nation. 9/10/2011 \เขาเปียกปอนจนถึงถุงเท้า ท่ามกลางวิกฤติการณ์น้ำท่วม เขาลุยไปทั่วหัวถนน ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจ ฉันต้องเตือนตัวเองว่า เขาคือหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ และ เหลนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หนึ่งในพระมหาราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย\" นี่คือสิ่งที่เลขานุการของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พรรณนาถึงนายของเธออย่างภาคภูมิใจในเฟสบุ๊ค ดังนั้น ประชาชนชาวกรุงเทพก็ได้มี \"ราชนิกุล\" ของตัวเองที่พร้อมจะปกป้องเมืองหลวงอันเป็นที่รัก แน่นอนว่าสุขุมพันธุ์คือคนที่ใช่ที่สุดสำหรับภารกิจนี้ ด้วยความที่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มชนชั้นสูง สุขุมพันธุ์ต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะปกป้องผลประโยชน์ของผู้สนับสนุนชาวกรุงเทพของเขา ซึ่งต่างก็มองตัวเองว่าเป็นชนชั้นสูงที่ชาญฉลาด ปู่ของสุขุมพันธ์คือ \"เจ้าชายแห่งนครสวรรค์\" (เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต) ส่วนในปัจจุบันเมื่อพิจาณาจากวิธีการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้แล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่า \"เจ้าชายแห่งกรุงเทพมหานคร\" จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากสุขุมพันธุ์ อุทกภัยครั้งร้ายแรงนี้ให้โอกาสแก่สุขุมพันธุ์ในการพิสูจน์อำนาจในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ทำได้อย่างชาญฉลาดด้วยการทำงานอย่างเป็นอิสระจากรัฐบาล ลำดับความสำคัญของสุขุมพันธุ์แตกต่างกับของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างชัดเจน ส่งผลให้ นายกฯ กับ ผู้ว่าฯก.ท.ม. ทำงานร่วมกันแบบ ร่วมแรง \"แข่งขัน\" มากกว่าที่จะเป็น ร่วมแรง \"แข็งขัน\" ภายใต้การบริหารงานของสุขุมพันธุ์ กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนเกาะส่วนตัวของตัวเอง เมืองหลวงถูกแยกขาดจากส่วนอื่นของประเทศ ดูเหมือนว่าการที่จังหวัดอื่นๆ ต้องจมอยู่ใต้น้ำต่อไป จะเป็นอะไรที่ยอมรับได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร กรุงเทพฯ จะต้องถูกปกปักรักษาให้แห้งต่อไป แม้จะต้องแลกด้วยการทวีความรุนแรงของวิกฤตน้ำท่วมในระดับประเทศก็ตาม วิธีการแบบกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางของสุขุมพันธุ์บอกอะไรเราบ้าง? มันเผยให้เห็นว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยและในทางกลับกันประเทศไทยก็ไม่ใช่กรุงเทพ มันจึงเป็นรัฐซ้อนรัฐ แนวคิดเช่นนี้จึงเป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในการนำแผนการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างบูรณาการมาปฏิบัติ นอกจากนี้แล้วแนวคิดของสุขุมพันธุ์ในการจัดการกับปัญหาน้ำท่วมนี้โดยหลักแล้วก็คือมุมมองแบบชนชั้นนำและจักรวรรดินิยม ด้วยคำนำหน้าชื่อว่า หม่อมราชวงศ์ ที่จะฟังดูล้าหลังสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว สุขุมพันธ์แสดงตัวราวกับว่าเป็นขุนศึกโบราณกำลังทำสงครามเพื่อปกปักรักษาไว้ซึ่งพระนคร แต่ในเวลานี้ข้าศึกมิใช่ชาวพม่าหรือเขมรที่ไหน แต่คือน้ำ อาจจะเปรียบเปรยได้ว่าภารกิจของสุขุมพันธุ์คือการปกป้อง\"เอกราช\"ของกรุงเทพมหานคร \"เราจะต้องไม่เสียกรุงเป็นครั้งที่สาม\" คือคำที่เขาน่าจะประกาศก้อง ครั้งสุดท้ายที่สยามสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า\"เอกราช\"ก็คือในปี พ.ศ.2319 เมื่อกรุงศรีอยุธยาล่มสลายด้วยน้ำมือของอริราชศัตรู แต่อะไรคือมุมมองอย่างชนชั้นนำที่แท้จริง อย่างแรก คือ กรุงเทพฯสมควรเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในราชอาณาจักร นี่คือความภูมิใจของชาติ คือที่พำนักของสถาบันกษัตริย์อันเป็นที่เคารพ และ คือแหล่งที่มาของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ แต่นี่คือมุมมองที่มีลักษณะอำนาจนิยมอย่างแท้จริง มุมมองที่ให้ความสำคัญกับกรุงเทพฯโดยละเลยจังหวัดอื่นที่ดูเหมือนว่าไม่สำคัญเท่าใดนัก กรุงเทพฯ อาจจะมีส่วนถึง 41 เปอร์เซ็นต์ใน GDP ของประเทศไทย และ นักวิเคราะห์ก็ได้ออกมาเตือนแล้วว่าความเสียหายอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเมืองหลวงแห่งนี้จะส่งผลลบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น แต่ทุกคนต้องไม่ลืมว่าจังหวัดในภาคกลางได้จมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเดือนๆแล้ว ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง โตโยต้า และ ฮอนด้า ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิคอย่าง แคนอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท