Skip to main content
sharethis

เผยภาพน้ำที่เก็บกักบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เริ่มล้นสันเขื่อน สูงเกินกว่าระดับเก็บกักสูงสุด 137% เนื่องจากมีการลดการะบายน้ำลงสู่พื้นที่ราบภาคกลางเหลือ 34.61 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ขณะที่มีน้ำเข้าเขื่อน 40.25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ด้านกรมชลประทานยังยืนยันว่าตัวเขื่อนแข็งแรงแม้จะรับน้ำจนเกินความจุ ภาพถ่ายวันที่ 19 ต.ค. 54 ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ปริมาณน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุีรี ได้เริ่มวิกฤติล้นทะลักเข้าสู่บริเวณสันเขื่อนด้านบนแล้ว หลังจากกรมชลประทานประกาศลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนและปริมาณน้ำยังสูงและวิกฤติ จากการสอบถามแม่ค้าขายอาหารปลาบริเวณสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำในเขื่อนได้สูงขึ้นและไหลล้นมาได้สามสี่วันแล้ว คงเป็นเพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยน้ำลงไป เพราะจะทำให้น้ำท่วมข้างล่างมากขึ้น แต่ถ้าน้ำมันเยอะมากขนาดนี้ เขาก็คงต้องปล่อยน้ำลงไป เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์คนหนึ่ง ก็กล่าวว่า ที่ปริมาณในเขื่อนเต็มจนล้นทะลักเข้าบริเวณแนวเขื่อน ก็เพราะว่าทางเขื่อนได้ชะลอการระบายน้ำลง เพราะกลัวทำให้น้ำท่วมภาคกลางมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าปริมาณมากเกินก็คงต้องปล่อยลงไป นายธนู จันทรังษี นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาดูปริมาณน้ำในเขื่อน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พอเห็นปริมาณน้ำในเขื่อนตอนนี้แล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยน้ำลงไป ก็ยิ่งไปซ้ำเติมชาวบ้านในภาคกลางและกรุงเทพฯ ที่กำลังจมน้ำกันอยู่ในขณะนี้ แต่ถ้าไม่ระบายน้ำ ปล่อยน้ำลงไปก็อาจทำให้เขื่อนแตกได้ ในขณะที่ เว็บไซต์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้รายงานสถานการณ์น้ำประจำวัน (20 ต.ค.2554) ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ +43.75 ม.รทก. มีปริมาตรน้ำ 1,083.06 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 137.97 % ของความจุอ่างที่ระดับเก็บกักปกติ โดยมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งหมดเท่ากับ 465.86 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที หรือ 40.25 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ขณะที่ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 25.57 ม.รทก. ขณะที่ปริมาณการระบายเวลา 06.00 น. วันนี้อยู่ที่ 400.50 ลบ.ม. ต่อ วินาทีหรือ 34.61 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ในเว็บไซต์ของเขื่อนยังระบุด้วยว่า “ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุด (ที่ระดับ+43.000 ม.รทก.) แต่เนื่องจากขณะนี้สภาพน้ำในลำน้ำป่าสักด้านท้ายน้ำยังล้นตลิ่งประกอบกับมีน้ำ จากคลองชัยนาท-ป่าสัก ไหลมาสมทบที่หน้าเขื่อนพระรามหก ทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนและปริมาณน้ำยังสูงและวิกฤติ จึงลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลงเป็น 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเพื่อ ช่วยลดผลกระทบปริมาณน้ำและระดับน้ำที่หน้าเขื่อนพระรามหกซึ่งจะต้องระบาย ผ่านเขื่อนพระรามหกไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ลดปริมาณน้ำลงต่อไป” โดยก่อนหน้านั้น ได้เคยมีข่าวลือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แตก ซึ่งต่อมา ทางกรมชลประทานได้ออกมาปฏิเสธว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แม้รับน้ำเข้าอ่างถึง 130% แต่ต้องเร่งพร่องน้ำรอน้ำเหนือ จึงทำให้บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำในแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ด้านท้ายเขื่อนในเขต จ.สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น และกรมชลประทานได้ยืนยันว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึงแม้ว่าจะรับน้ำจนเกินความจุที่สามารถเก็บกักได้ก็ตาม แต่ตัวเขื่อนและอาคารประกอบยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี และยังสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากกรมชลประทานมีการตรวจวัดพฤติกรรมและความปลอดภัยเขื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นว่า เขื่อนจะไม่มีการพังทลายลงมา สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนดินเก็บน้ำ รับผิดชอบโดยกรมชลประทาน สร้างในปี 2537 แล้วเสร็จในปี 2542 เพื่อแก้ปัญหาการเกิดน้ำท่วมในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักในฤดูน้ำหลาก และขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net