Skip to main content
sharethis

อภิสิทธิ์บอกไม่อยากวิจารณ์ความผิดพลาดของรัฐบาล ยันแม้ประชาธิปัตย์บริหารพื้นที่ กทม. ก็จริงแต่ไม่เคยคิดเรื่องการเมืองเพราะทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำ เล็งประชุม ครม.เงาพุธนี้เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณามาตราการสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ-ทบทวนนโยบายประชานิยม เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ที่ รร.ฤทธิยะวรรณลัย 2 เขตสายไหม ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุถุงทรายและพนังกั้นน้ำคลองหกวา ยุทธศาสตร์สำคัญกั้นน้ำไหลเข้าดอนเมือง เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานด้วยว่า ระหว่างเยี่ยมประชาชนที่ร่วมบรรจุถุงทรายได้รับเสียงปรบมือและการต้อนรับ อย่างดี บางคนถึงกับโผเข้ากอด ขณะบางรายระบุว่าได้เห็นหน้าทำให้หายเหนื่อยแล้ว โดยนายอภิสิทธิ์ได้เดินตรวจคันกั้นน้ำโดยรอบและกล่าวว่า มีความมั่นใจว่ากทม. เตรียมการรับมือเต็มที่ อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการน้ำในส่วนรอยต่อพื้นที่ กทม. กับจังหวัดอื่น ไม่อยู่ในอำนาจของกทม. ดังนั้นต้องกทม.ประสานงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เช่นกรณีที่จะมีการเปิดประตูน้ำ 5 บานเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่นวนคร ก็ต้องประสานให้กทม. รับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ กทม. นายอภิสิทธิ์ ยังฝากถึงผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมนวนครที่ประกาศว่าจะไม่ฟังรัฐบาลต่อไปว่า สถานการณ์เช่นนี้แต่ละฝ่ายจะคิดถึงการลดความเสียหายเฉพาะส่วนของตนเองไม่ได้ แต่ต้องคำนึงส่วนร่วมด้วย ความเสียหายด้านเศรษฐกิจรัฐบาลต้องเยียวยาและกำหนดมาตรการให้ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการเจรจาทำความเข้าใจ แต่เมื่อรัฐบาลจะใช้วิธีนี้แทนกฏหมายพิเศษก็ต้องทำให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์มีความกังวลว่ายังมีน้ำฝนที่สะสมอยู่ตอนเหนืออาจไหลลงมาซ้ำเติมจึง ฝากผู้ว่า กทม. ติดตามสถานการณ์น้ำจากการวัดระดับน้ำของกรมชลประทาน เพราะเส้นทางน้ำแตกแขนงออกไปหลายสายมากกว่ามาตรวัดน้ำที่กรมชลประทานมีอยู่ จึงทำให้หลงผิดว่ามวลน้ำขนาดใหญ่ไหลเลย กทม.แล้ว โดยในการประชุมครม.เงาพรุ่งนี้จะพิจารณามาตรการรองรับผู้ที่จะได้รับผลกระทบ จากภาคอุตสาหกรรมที่ประมาณการว่าทั้งผู้ใช้แรงงานและครอบครัวน่าจะทะลุหลักล้าน ขณะเดียวกันอยากให้ทบทวนนโยบายประชานิยมก่อนกำหนดวงเงินกู้เช่น ยกเลิกการให้สิทธิด้านคืนภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรกในวงเงินที่สูง รวมถึงการลดอัตราภาษีนิติบุคคลที่จะเริ่มในปีหน้าเพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้ผลกระทบทุกราย จำเป็นที่รัฐบาลต้องเก็บรายได้ส่วนนี้มาดูแลผู้ได้รับรายผลกระทบแทนที่จะกู้ เงินมหาศาลที่จะเป็นภาระหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนและจะกระทบต่อเศรษฐกิจ ระยะยาว เช่นเดียวกับที่มีข่าวว่ารัฐบาลอาจจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อจัดการน้ำทั้งระบบ หากจะกู้เงินจริงต้องชัดเจนแต่ละโครงการว่าดำเนินการอย่างไร มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้ “ผมไม่อยากจะวิจารณ์ซ้ำเติมในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของรัฐบาล แต่ยืนยันว่าการทำงานของ กทม. แม้จะอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องการเมืองเพราะทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำเพื่อประชาชน”นายอภิสิทธิกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net