Skip to main content
sharethis

ธเนศมองกรณีข้อถกเถียงนิติราษฎร์ ทำให้เห็นว่า 70 ปีการเมืองไทยยังไม่นิ่ง ระบุรัฐประหาร 2490 ต้นตอปัญหาปัจจุบัน มรกต ชี้ไม่ว่ารัฐประหารกี่รอบ แต่ยังไม่มีใครย้อนกลับไประบอบสมบูรณาญาสิทธิราช แนะรื้อประวัติศาสตร์ช่วง 2475-2490 ใหม่ (9 ต.ค.54) วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์จัดเสวนาหัวข้อ \ภาพลักษณ์ปรีดี พนมยงค์กับสังคมการเมืองและประชาธิปไตยไทย\" ณ อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ธรรมศาสตราภิชาน วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่า กรณี \"คณะนิติราษฎร์\" ออกมาเสนอว่ารัฐประหารเป็นสิ่งไม่ดี เพราะทำลายระบบนิติรัฐและเสนอลบผลพวงรัฐประหาร โดยที่มีอีกกลุ่มตั้งคำถามไปถึงว่าให้ลบผลพวงตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ด้วยหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นมิติที่ดี เพราะทำให้เห็นว่าการเมืองไทยในรอบ 70 กว่าปียังไม่นิ่ง ยังไม่เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบที่ อ.ปรีดีเรียก เขามองว่า คำถามที่จุดขึ้นมานี้ ไม่ว่าจากกลุ่มไหนก็ตาม นำไปสู่การทำให้ทุกคนต้องหันมามองปัญหาทางการเมืองว่าตกลงพัฒนาการปัจจุบันเราอยู่ตรงไหน และกำลังไปสู่อะไร นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า 70 กว่าปีที่ผ่านมา ข้อถกเถียงว่าการปฏิวัติรัฐประหารคือการเข้าสู่อำนาจรัฐถูกต้องหรือไม่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ทั้งนี้ ธเนศกล่าวว่า วิวาทะครั้งล่าสุดนี้ น่าสนใจตรงที่ดึงประเด็นที่เป็นรูปธรรมชัดขึ้นมา โดยนิติราษฎร์เสนอออกกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐประหารครั้งล่าสุดไม่มีผล ถือเป็นการหลุดจากกรอบของการถูกขนบธรรมเนียมของรัฐประหารกดทับไว้ สำหรับภาพความรับรู้เรื่อง อ.ปรีดีนั้น ธเนศแสดงความเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงตามการเมืองไทยและความหมายของประชาธิปไตยที่เปลี่ยนไป โดยภาพลักษณ์นั้นเกิดผ่านการเล่าเรื่อง (narrative) ซึ่งมีการเล่าเรื่องสองชุด คือ หนึ่ง ภาพลักษณ์ผู้ทำลายระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชหรือระบอบกษัตริย์ ภาพลักษณ์นี้ถูกสร้างผ่านข่าวลือ เช่น ปรีดีอยู่เบื้องหลังคดีสวรรคต การสร้างภาพลักษณ์นี้เกิดในช่วงหลังรัฐประหาร 8 พ.ย.2490 ส่วนชุดที่สองคือ ภาพลักษณ์มันสมองคณะราษฎร ผู้นำระบอบประชาธิปไตยเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งภาพลักษณ์นี้เกิดในช่วงใกล้ๆ เหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 ธเนศกล่าวว่า เมื่อศึกษาการเมืองไทยพบว่า เรื่องที่ยังมีปัญหาจนปัจจุบัน มีต้นกำเนิดจากการรัฐประหาร 8 พ.ย.2490 ซึ่งรวมถึงความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์มีปัญหากับประชาธิปไตยที่สุด โดยทุกครั้งหลังรัฐประหาร ทหารต้องให้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลแทน ธเนศกล่าวว่า รัฐประหาร 2490 เป็นต้นกำเนิดของปัญหาประชาธิปไตยไทยจนถึงวันนี้ แม้จะมีรัฐประหารที่สำคัญมากคือ ในปี 2500-2501 ของจอมพลสฤษดิ์ แต่ก็เชื่อว่า ถ้าไม่มีรัฐประหาร 2490 ก็ไม่มีรัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ และจะไม่มีรัฐประหาร 17 พ.ย.14 สมัยจอมพลถนอม รวมถึงเหตุการณ์ 14 ต.ค.16 ด้วย ทั้งนี้ ธเนศ ระบุว่า การยึดอำนาจของจอมพลสฤษดิ์ (ในปี 2501) ซึ่งให้เหตุผลของการรัฐประหารว่าเพราะ \"กลไกไม่ดี\" นำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับก่อน และตั้งเครื่องมือใหม่ เช่น สภา ส.ส.ร. รวมถึงยกระดับคำประกาศคณะปฏิวัติให้มีศักดิ์เท่ากับกฎหมาย เป็นต้นแบบของรัฐประหารครั้งต่อๆ มา ซึ่งเขามองว่า การที่นักกฎหมายยอมรับว่าศักดิ์ของประกาศคณะปฏิวัติเทียบเท่ากฎหมายปกตินั้นเป็นจารีตที่มีปัญหา \"ระบบยุติธรรมไทยที่เรามีวางอยู่บนการถักทอของอำนาจนอกระบบทั้งนั้น\" ธเนศกล่าวและว่า หลายปีที่ผ่านมา ระบอบปฏิวัติอยู่ได้เพราะสร้างความพอใจให้ฐานเสียง ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์จากรัฐบาลปฏิวัติทุกสมัยคือคนในเมือง โดยยกตัวอย่างการปฏิวัติสมัยจอมพลถนอม มีการลดดอกเบี้ย ค่าไฟ ซึ่งคนในเมืองได้ประโยชน์ แต่ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านรอบนอก สมัยจอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจมาตรา 17 ของรัฐธรรมนูญ ฆ่าคน ซึ่งคนในกรุงก็ไม่เดือดร้อน ขณะที่ถ้าได้รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ทำอะไรก็ไม่เสร็จ ธเนศชี้ว่า เรามีรัฐบาลที่ให้ผลประโยชน์กับคนในเมืองเยอะ แต่วิธีการเข้าสู่อำนาจนั้นเป็นสีเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลัง นักกฎหมายอธิบายว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายและนิติรัฐ นี่คือความเพี้ยนของกระบวนการกฎหมายของไทย อย่างไรก็ตาม เขามองว่า ในช่วง 4-5 ปีที่มีเสื้อแดง มีกลุ่มการเมืองต่างๆ ทำให้เห็นว่ามีแรงโต้รัฐประหารจากคนรอบนอกกรุงเทพฯ ซึ่งจะเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในรัฐธรรมนูญ ระบอบรัฐสภา และการเลือกตั้ง ไม่ปล่อยให้คนกรุงเทพฯ และนักกฎหมายในกรุงเทพ ตัดสินฝ่ายเดียวอีกแล้ว ซึ่งหาก อ.ปรีดีสามารถรับรู้ได้ คงมองว่าอย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เริ่มจากคณะผู้ก่อการในตอนนั้นไม่หายและขยายไปทั่วทุกที่ในประเทศ เป็นการเมืองของภาคประชาชน \"ไม่ว่าจะรัฐประหารกี่ครั้ง แล้วก็ทำให้การปกครองไทยเป็นแบบครึ่งใบ เสี้ยวใบ แต่ไม่เคยมีใครก็ตามกลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช อันนี้คือสิ่งที่คณะราษฎรทำ\" มรกต เจวจินดา ไมยเออร์ โครงการไทยศึกษา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ เจ้าของวิทยานิพนธ์ปริญญาโท “ภาพลักษณ์ปรีดี พนมยงค์ กับการเมืองไทย พ.ศ.2475-2526” กล่าวว่า ความทรงจำในสังคมไทยถูกผูกขาดโดยรัฐไทย หรือพูดให้ชัดคือรัฐบาลรัฐประหาร กลุ่มอนุรักษนิยม พรรคการเมืองที่เข้าบริหารประเทศ พร้อมระบุว่า ความสับสนเรื่องรัฐประหาร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net