Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

หมายเหตุ: สืบเนื่องจากข้อท้วงติงเรื่องการนำเสนอข้อเท็จจริงเพียงบางส่วนของข่าว \ส.ศิวรักษ์ ให้กำลังใจหมอวิชัย อ้างคำอาจารย์ป๋วยด่าสื่อ(บางฉบับ) เลวกว่าเดรัจฉาน รับใช้นักการเมือง\" ทางประชาไทจึงได้ขอนำเสนอคำปาฐกถาฉบับเต็มเพื่อความครบถ้วนของเนื้อหา ................................................................................................................................. ข้าพเจ้ากับวิชัย เป็นกัลยาณมิตรกัน ก็กัลยาณมิตรนั้น ท่านเปรียบว่าเป็น ปรโต โฆษะ คือเสียงแห่งมโนธรรมสำนึกจากภายนอก ที่คอยเตือนสติเรา กล่าวคือกัลยาณมิตรย่อมพูดในสิ่ง ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่อยากรับฟัง แต่เมื่อฟังแล้วนำไปใคร่ครวญดู อาจเป็นคุณประโยชน์ ที่ทำให้เกิดความสำนึก ในทางตรึกตรอง เพื่อสำรวจตรวจตราตนเอง ว่าตนบกพร่องไปในทางใดบ้าง เพื่อแก้ไขปรับปรุงตนให้ดีขึ้น ยิ่งเจริญจิตสิกขา จนถึงขึ้นโยนิโสมนสิการ ย่อมช่วยให้ลดความเห็นแก่ตัวได้มาก จนอาจดำเนินชีวิตไป เพื่อเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ยิ่งกว่าเพื่อประโยชน์ของตน และญาติมิตรของตนเท่านั้น ฉะนั้นคำพูดของข้าพเจ้า ณ ที่นี้ จึงเป็นถ้อยคำของกัลยาณมิตร ที่มอบให้วิชัยโดยเฉพาะ หากคนอื่นใดจะรับฟังได้แค่ไหนก็สุดแท้ ในที่นี้ จะว่าข้าพเจ้าเป็นคนที่รู้จักชอบพอกับวิชัยมานานกว่าใครๆ หมดก็เห็นจะได้ อย่างน้อยวิชัยก็รู้จักข้าพเจ้าหรืองานหนังสือของข้าพเจ้าแต่ก่อนเราพบปะกัน ณ สำนักกลางนักเรียน คริสเตียน ในปี พ.ศ. 2509 นั้นแล้ว และตั้งแต่นั้นต่อมา ก็เป็นมิตรสหายกันเรื่อยมา จนเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน แม้เราจะต่างวัยกัน แต่เราก็เรียนจากกันและกัน โดยที่ข้าพเจ้าก็ได้รับอุปการคุณจากเยาวมิตร มาตลอด โดยเฉพาะก็วิชัย และเพื่อน ๆ ร่วมอาชีพของเขาในแวดวงการแพทย์ ซึ่งช่วยดูแลทุกข์สุขให้ข้าพเจ้า ทั้งทางร่างกายและอื่นๆ เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าสำนึกในบุญคุณของพวกเขาทุกคน ยิ่งตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นชายชรา ซึ่งมีพยาธิรบกวนอยู่เนืองๆ ย่อมต้องพึ่งหมอเป็นพิเศษ นั่นเป็นอารัมภบท ซึ่งเป็นมธุรสวาจา ต่อแต่นี้ไป จะเป็นคำพูดตรง ๆ จัง ๆ อย่างไม่เกรงใจ เป็นข้อ ๆ ไปดังต่อไปนี้ 1) เท่าที่ข้าพเจ้ารู้จักวิชัยตลอดมา แต่เมื่อเขาแรกเข้ามหาวิทยาลัยจนบัดนี้ เห็นว่าเขาเป็นคนจริง ที่อุทิศตนเพื่อความถูกต้อง ดีงาม มาโดยตลอด อย่างไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน กล้าคิด กล้าพูด และ กล้าทำอะไร ๆ นอกกระแสหลัก ทั้งยังมีความสามารถในการโยงใยให้ใคร ๆ มาร่วมงานด้วยได้มาก หากพวกที่ยืนหยัดอยู่ในกระแสหลัก ย่อมถือว่าวิชัยเป็นศัตรูเอาเลย แม้คนพวกนี้อาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็ได้ โดยที่คนพวกนี้มักไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะก็การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง ที่ท้าทายการรวบอำนาจไว้อย่างรวมศูนย์ ที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างเปิดเผยและโปร่งใส เพราะฉะนั้นวิชัยจึงต้องกระทบกับอำนาจในกระแสหลักมาเป็นระลอก ๆ จนเกือบตลอดชีวิต เคราะห์ดีที่ยังเอาตัวรอดมาได้จนบัดนี้ โดยเราต้องไม่ลืมว่าท่านที่มีความสามารถยิ่งกว่าวิชัย และมีคุณธรรมยิ่งกว่าวิชัย ได้โดนพวกกระแสหลักเอาชนะมาเป็นระลอก ๆ ตลอดมา เช่น นายปรีดี พนมยงค์ นายกุหลาย สายประดิษฐ์ และนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นต้น แม้สตรีอย่างท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค็ ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้ที่มีอำนาจเช่นกัน เราจะเชื่อเรื่องเคราะห์และโชคหรือไม่ก็สุดแท้ แต่ขอให้ฟังคำของจูเลียส ซีซาร์ ซึ่งนับว่ายิ่งใหญ่กว่าใคร ๆ ในทางตะวันตก ซีซาร์กล่าวว่า ความสำเร็จที่สำคัญโดยเฉพาะ ในยามสงครามนั้น ขึ้นอยู่กับโชค เมื่ออ้างฝรั่งแล้วก็ต้องอ้างญี่ปุ่นบ้าง เทรเวอร์ เลกเกต ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนชาวอังกฤษและเป็นผู้สอนคาราเต้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอนดอน เล่าว่าเพื่อนญี่ปุ่นเคยพาเขาเข้าไปยังสโมสรของคนรวยญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว ซึ่งรับสมาชิกเฉพาะมหาเศรษฐีเท่านั้น เทรเวอร์ถามเพื่อนญี่ปุ่นว่าความสำเร็จของเขาและพวกมหาเศรษฐีนั้นขึ้นอยู่กับอะไร เพื่อนคนนั้นตอบว่าโชค แน่นอนทุกคนฉลาด ทุกคนขยัน แทบทุกคนมีอัจฉริยภาพพิเศษ แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างแล้ว ไม่มีทางได้รับความสำเร็จได้เลย อย่างน้อยก็ในทางโลกๆ โดยที่พวกนี้จะใช้สัมมาชีพหรือมิจฉาชีพ นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ถ้าทำใจได้เช่นนี้แล้ว ก็คงมองไปที่ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ได้ว่าตอนนี้โชคยังเข้าข้างเขาอยู่ เฉกเช่นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ที่รับใช้บุคคลทั้งสองนี้ก็เช่นกัน แต่ว่าสักวันหนึ่งโชคอาจไม่เข้าข้างเขาก็ได้ และเมื่อถึงเวลานั้นแล้วก็ขออย่าให้เราไปสมน้ำหน้าเขากันเอาเลย กล่าวคือโชคจะวิวัฒน์ไปทางไหน ก็ขอให้ดูนามสกุลของวิชัย เอาไว้ดี ๆ โดยเราต้องไม่ลืมว่า ซีซาร์เองก็ถูกฆ่าตายในวัยฉกรรจ์ โดยเยาวมิตรที่สนิทกับเขาเป็นอย่างยิ่ง แล้วทักษิณจะโดนชะตากรรม เช่นนั้นบ้างไหม ใครจะไปรู้ ขอกลับมาที่วิชัย ว่าที่แล้วๆ มาโชคเข้าข้างเขามากน้อยแค่ไหน ก็สุดแท้ แต่กุศลจรรยาของเขาเองก็เป็นปัจจัยซึ่งสำคัญเหนืออื่นใด เมื่อชมแล้วก็ต้องติ คือวิชัยประกอบกิจการด้วยกุศลเจตนาเป็นที่ตั้งนั้น ข้าพเจ้าไม่เคยสงสัย แต่ใคร่ขอเตือนว่าวิชัยรับงานการกุศลมาทำมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่วิชัยสามารถในการบริหารงาน แต่งานนั้นๆ ย่อมจะแหวกออกไปจากกระแสหลักได้ยาก ทั้ง ๆ ที่พวกเราท้าทายกระแสหลัก แล้วเราจะแหวกว่ายไปให้พ้นวงวัฎฎะนี้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีเวลาให้อย่างเพียงพอ และไม่มีเวลาพินิจพิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง โดยหาจะเพื่อนร่วมงานที่มีเวลาและสามารถอย่างเป็นพิเศษได้อย่างไร หาไม่ก็ได้แต่ทำงานไปกันวัน ๆ อย่างลงร่อง โดยจะพูดให้วิชัยโกรธก็ได้ว่าหน่วยงานต่างๆ ที่เขารับเป็นผู้บริหารนั้น มีอะไรที่วิเศษมหัศจรรย์อันควรอวดได้ว่าแหวกว่ายไปพ้นสถาบันหลักต่างๆ การที่วิชัยรับงานมาทำมากเกินไป อาจะเป็นเพราะหาใครไม่ได้ หรือเพราะความมีน้ำใจของวิชัย ประกอบไปกับความเกรงใจแบบไทย ๆ แต่นี่ไม่เป็นข้อดีสำหรับวิชัย เพราะการรับงานมาทำมากเกินไป จะทำให้วิเศษพิสดารออกไปกระไรได้ ทั้งยังเป็นการเปลืองตัว เปลืองเวลา และเปลืองความคิดไปมิใช่น้อย มนุษย์เราควรมีเวลาพัก มีเวลาฟัง มีเวลาตรึกตรอง และมีเวลาภาวนา เพื่อรู้จักศักยภาพที่แท้ของตนเอง และของผู้อื่น เพื่อสามารถนฤมิตรสิ่งซึ่งประเสริฐให้ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่เรามีศักยภาพ บัดนี้วิชัยก็เข้าเขตปัจฉิมวัยแล้ว หวังว่าคำเตือนจากกัลยาณมิตร ผู้ชราคนนี้ คงมีประโยชน์ ยิ่งกว่าคำบริภาษที่ท้าทายวิชัยในบัดนี้ โดยเฉพาะก็จากพวกสื่อมวลชนที่ทำตัวเป็นสื่อมวลสัตว์ (วลีนี้เป็นของป๋วย อึ๊งภากรณ์ ไม่ใช่ของ ส.ศิวรักษ์) ถ้าเรารู้จักวางท่าที่ที่ถูกต้องในการรับฟังคำด่า น่าจะเป็นคุณยิ่งกว่าเป็นโทษ 2) ใช่แต่วิชัยจะรับงานมาทำมากเท่านั้นก็หาไม่ หากแวดวงที่วิชัยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็มักเป็นแวดวงของแหล่งทุนและแหล่งที่มีอำจาจอย่างแอบแฝงหรือหาไม่อีกด้วย ไม่ว่าจะ สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ไม่ใช่เป็น ส.ศ.ษ ฯลฯ นอกเหนือจากการเป็นกรรมการอยู่ภายใต้ ความอุปถัมภ์หรือ ความเป็นผู้นำของ นายอานันท์ ปันยารชุน และนายแพทย์ประเวศ วะสี โดยเราต้องตราไว้ด้วยว่าทั้งสองท่านนี้เป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งมีคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ และเป็นเป้าให้โจมตีอยู่มิใช่น้อย การเข้าไปข้องแวะและร่วมงานกับบุคคลเช่นนี้ สมควรมากน้อยเพียงใด หรือไม่ ก็ขอให้เจ้าตัวตอบตัวเองก็แล้วกัน คณะกรรมการที่อ้างว่ามีความอิสระต่าง ๆ หากรับเงินมาจากรัฐบาล หรืออะไรก็สุดแท้ ถ้าการดำเนินงานนั้นๆ มีข้อบกพร่อง หรือไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส ให้ตรวจสอบไม่ได้ โดยมหาชน คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แม้จะมีความสุจริตเพียงใด ก็จำต้องรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนวงนอก ยิ่งเปิดกว้างในการรับฟังได้เท่าไร จะเป็นคุณประโยชน์เท่านั้น 3) สิ่งซึ่งวิชัยต้องตราไว้อีกประการหนึ่งก็คือวิชัยเป็นหมอ เป็นนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน พวกหมอรู้กันบ้างไหม ว่าคนในสังคมไทยเขาเอือมระอาพวกคุณกันจนกระทั่งรายการโทรทัศน์ ก็เอาไปโฆษณาชวนเชื่อให้เยาวชนร้องกันว่าอยากเป็นหมอ เพราะหมอในเมืองไทยนั้น นอกจากจะชำนาญในการรักษาโรคทางร่างกายแล้วยังสามารถเยียวยารักษาโรคทางธุรกิจสังคมได้อีกด้วย นอกเหนือไปจากการบริหารจัดการต่างๆ โดยที่องคาพยพของสถาบันต่างๆ ที่แพทย์พวกนี้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยล้วนก็เป็นไปในทางเผด็จการ ในทางรวมศูนย์อำนาจ อย่างไม่โปร่งใสแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะการเป็นอธิการบดีหรือนายกสภามหาวิทยาลัย โดยที่สถาบันนั้น ๆ รับใช้คนรวยและคนมีอำนาจแทบทั้งสิ้น และมิใยต้องเอ๋ยถึงว่าระบบทุนนิยมและอำนาจนิยมครอบงำพวกเขากันแค่ไหน เขาเข้าใจโครงสร้างทางสังคมอันอยุติธรรมบ้างไหม มิใยต้องเอ่ยถึงว่าเขาเข้าใจแค่ไหน ถึงการทำงานอย่างเป็นองค์รวม แทนที่จะเป็นไปอย่างเสี่ยงๆ ยิ่งจะให้เข้าถึง ความงาม ความดี และความจริงด้วยแล้ว อย่าให้เอ่ยถึงเลย แม้วิชัยจะต่างไปจากหมอในกระแสหลักเป็นจำนวนมาก หากวิชัยไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอย่างมากมายของพวกแพทย์ ซึ่งมีความหวังดีหรือที่มือถือสากปากถือศีลก็สุดแท้ วิชัยก็ต้องได้รับวิบากกรรม ร่วมกับพวกหมอทั้งหลายเหล่านั้นอยู่เองเป็นธรรมดา โดยอาจกล่าวด้วยได้ว่า หมอจำนวนมิใช่น้อยที่มีบทบาทจำเพาะในทางการแพทย์ โดยมุ่งเพียงเยียวยารักษาโรค อย่างไม่ไปเกี่ยวข้องกับกิจการต่าง ๆ ทางสังคม และไม่ได้หวังความร่ำรวยส่วนตัวหรือเข้าไปข้องแวะกับคนมีอำนาจ หมอพวกนี้มักไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หากอุทิศตนเพื่อวิชาชีพโดยเฉพาะ อันเราควรก้มหัวให้เขาเหล่านี้อันอย่างงามๆ หมอฉันใด ครูก็ฉันนั้น พระพุทธเจ้าทรงเป็นทั้งครูและหมอ เราควรเดินตามรอยพระพุทธบาท ยิ่งหมอที่มีความเป็นครู รวมอยู่ในตัวคน ๆ เดียวหายากยิ่งขึ้นด้วยแล้ว เราจึงต้องการยิ่งนัก สำหรับหมอและครูที่อ่อนน้อมถ่อมตน ที่เห็นว่าทุกๆ คนสำคัญ โดยไม่สยบยอมกับอำนาจหรือเงินตรา ถ้าในช่วงปัจฉิมวัยเช่นนี้ วิชัยและเพื่อนๆ ของเขาในวงการแพทย์ จะหันมาอุทิศตน เพื่อก่อให้เกิดครูและแพทย์เช่นนี้ได้ จะเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ควรแก่การฝากเอาไว้อย่างยิ่ง ดังที่วิชัย กับเยาวมิตรของเขาได้เริ่มมาอย่างน่าทึ่งกับชมรมแพทย์ชนบท และแพทย์ที่อุทิศตนเพื่อสังคม ที่มีมาเป็นระลอกๆ นั้น ควรแก่การก้มหัวให้อย่างยิ่ง เฉกเช่นหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ที่ตายจากไปแล้วเป็นต้น และถ้าเป็นไปได้ หมอของเราต้องเป็นอิสรภาพจากการครอบงำจากการแพทย์แผนฝรั่ง เราไม่ต้องปฎิเสธการแพทย์ตะวันตก แต่อย่าให้การแพทย์แผนนั้นครอบงำเรามากเกินไป มิใยต้องเอ่ยถึงบรรษัทยาข้ามชาติที่ครอบงำในทางเภสัชกรรมและในทางสาธารณสุขของเราด้วย เมื่อไรเราเริ่มเห็นคุณค่าของอายุรเวช ไม่แต่ของไทยเรา แต่รวมถึงอายุรเวชของเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร ลังกา และอินเดีย ตลอดจนจีนและธิเบต หากจีนนั้นต้องระวังความเป็นอภิมหาอำนาจของเขาไว้ด้วย ดังที่เราแทบไม่เคยสังวรกันมาเอาเลยกับความเป็นอภิมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกา ถ้าวิชัยกับเยาวมิตรที่เคยร่วมขบวนการแพทย์ชนบทมา จะเริ่มขบวนการแพทย์ที่มีความเป็นพุทธ นี่จะเป็นสิ่งที่วิเศษมหัศจรรย์จริง ๆ พุทธในที่นี้หมายถึงความตื่น ยิ่งกว่าการมุ่งไปที่ลัทธิศาสนา การแพทย์ที่ตื่นจากโลภ โกรธหลงมากเท่าไร ก็จะมีบทบาทร่วมกับขบวนการของราษฎรในทางปลุกมโนธรรมสำนึกให้สังคมไทยได้ตื่นขึ้นจากการครอบงำ และอาการอันมอมเมาต่างๆ จากกึ่งจริง กึ่งเท็จ กึ่งดิบกึ่งดี ที่เต็มไปอย่างเต็มที่ในสังคมไทยกระแสหลักในบัดนี้ 4) ที่จริงข้าพเจ้าควรจะยุติปัจฉิมกถาไว้แต่เพียงนี้ หากยังต้องขอกล่าวแถมท้าย ว่าผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับวิชัยในบัดนี้ ที่เป็นสื่อมวลชนกระแสหลักนั้น ถ้าใช้คำของนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็คือพวกนี้เป็นสื่อมวลสัตว์ แต่ถ้าเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานก็ไม่เลวร้ายอะไรมากนัก อย่างเก่งก็เป็นดัง Animals Farm ตามที่ยอช ออเวล พรรณนาเอาไว้ แต่สัตว์ที่ใช้สื่อเพื่อรับใช้อำนาจนิยมและทุนนิยมนั้นเลวร้ายยิ่งนัก ดัง คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับความสำเร็จมาแล้วในอีหรอบนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยกย่องเฒ่าสารพัดพิษ ให้เป็นปูชนียบุคคลในระดับโลกเอาเลย สยามรัฐ ในสมัยคึกฤทธิ์มีความเลวร้ายเพียงใด มติชน และ ข่าวสด ภายใต้การนำของ ขรรค์ชัย บุนปาน ก็มีความเลวร้ายฉันนั้น พร้อมกันนั้น ก็ขอให้ตราไว้ด้วยว่า ราษฎรตาดำๆ นั้น รู้เท่าทันสื่อมวลชนกระแสหลักยิ่งขึ้นทุกทีแล้ว แม้พวกไพร่ตาแดงๆ เป็นจำนวนมากยังไม่รู้เท่าทันความกระร่อนของทักษิณ ชินวัตรก็ตาม แต่ถ้าพวกเราหันหน้าเข้าหากัน กับคนตาดำๆ และตาแดงๆ หรือตาสีเหลืองๆ หากเปิดกว้างเข้าหากัน เราก็น่าจะช่วยกันและกันให้ตื่นขึ้นจากการครอบงำต่างๆ ได้หวังว่าวิชัยและเยาวมิตรของเขา จะรวมอยู่กับพหุชนในขบวนการที่เอาชนะ การครอบงำ การมอมเมาต่างๆ โดยจะใช้คำว่า มารวิชัยก็ได้ และถ้าถึงตอนนั้น โชคก็จะวิวัฒน์ ไปในทางที่เป็นคุณงาม ความดีอย่างแท้จริง"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net