เครือมติชนออกแถลงการณ์ต่อรายงานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบอีเมลของนักการเมืองโยงสื่อ

19 ส.ค. 54 - มติชนออนไลน์เผยแพร่แถลงการณ์เครือมติชน-ข่าวสด ต่อรายงานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งอีเมลของนักการเมืองฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้ แถลงการณ์เครือมติชน-ข่าวสด ต่อรายงานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งอีเมลของนักการเมือง ระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2554 มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการส่งอีเมลของนักการเมืองระบุการให้เงิน และผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน จากการเสนอข่าวอีเมล 2 ฉบับ ที่ใช้หัวข้อว่า \จดหมายถึงท่านพงษ์ศักดิ์\" ส่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 และ \"ข้อเสนอ วิม\" ส่งเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 เผยแพร่ในเว็บไซต์เมเนเจอร์ ออนไลน์ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ซึ่งพาดหัวว่า \"กุนซือ ′ปู′ ซื้อสื่อที่ละ 2 หมื่น\" โดยเนื้อหาข่าวพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์หลายสังกัด ที่เป็นองค์กรสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ โดยมีรายชื่อคณะอนุกรรมการดังต่อไปนี้ 1.นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธาน 2. นางบัญญัติ ทัศนียะเวช 3. รศ.ดร.ดรุณี หิรัญรักษ์ 4. ศ.พิเศษ สิทธิโชค ศรีเจริญ 5. ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ เป็นเลขานุการ ซึ่งผลการสอบสวนระบุว่า คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า การนำเสนอข่าวสารและบทความในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งของหนังสือพิมพ์ที่ถูกพาดพิงบางฉบับโดยเฉพาะข่าวสด และรองลงมาคือ มติชน น่าจะมีความเอนเอียงในการก่อให้เกิดประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งการพาดหัวข่าว การเลือกภาพที่นำมาลง การนำเสนอข่าว คอลัมน์การเมืองและบทสัมภาษณ์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม เห็นว่า บทความของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ที่ถูกพาดพิงในช่วงที่ศึกษาไม่ได้แสดงความเอนเอียงที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างแจ้งชัด เครือมติชน-ข่าวสด ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสอบสวนดังกล่าว ไม่สามารถยอมรับผลการสอบสวนดังกล่าวได้ และมีความเห็นว่าการสอบสวนครั้งนี้ดำเนินไปโดยผิดหลักทั้งด้านกฎหมาย ความมีเหตุผล และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ดังนี้ 1.คณะอนุกรรมการดำเนินการสอบสวนนอกเหนือไปจากขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย ทั้งที่หัวข้อการสอบสวนของสภาการหนังสือพิมพ์นั้นระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นการ \"ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการส่งอีเมลของนักการเมืองระบุการให้เงิน และผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน\" แต่แทนที่จะดำเนินการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย ดังชื่อของรายงานการสอบสวนคณะอนุกรรมการกลับตั้งประเด็นการสอบสวนว่า ก.อีเมลที่ปรากฏตามข่าวเป็นของใคร ข.หนังสือพิมพ์ที่ถูดพาดพิงแต่ละฉบับมีการเสนอข่าวอย่างไรในช่วงเวลาการหาเสียงเลือกตั้ง และผู้ประกอบวิชาชีพที่ถูกพาดพิงมีการกระทำตามที่ปรากฎในอีเมลหรือไม่ ค.มีการจ่ายสินบนตามข้อกล่าวหาในอีเมลจริงหรือไม่ จะเห็นได้ว่า ประเด็น \"หนังสือพิมพ์ที่ถูกพาดพิงแต่ละฉบับมีการนำเสนอข่าวอย่างไร ในช่วงเวลาการหาเสียงเลือกตั้ง\" ถูกเพิ่มขึ้นมาอีกประเด็นหนึ่ง 2.คณะอนุกรรมการกระทำผิดหลักการและมรรยาทของการสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่เพียงแต่จะกำหนดหัวข้อการสอบสวนขึ้นมาใหม่เอง แต่คณะอนุกรรมการผู้ดำเนินการสอบสวนที่ขยายขอบเขตของการสอบสวนออกไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้ใดทราบ ซ้ำยังไม่ดำเนินการเรียกหรือสอบถามข้อเท็จจริงจากองค์กรที่ตนเองพาดพิงไปถึง เป็นการดำเนินการลับหลังแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งทำให้เกิดข้อสมมุติฐานและข้อสรุปที่ผิดพลาด ไม่แต่เพียงเท่านั้น การเปิดเผยผลสอบออกมาก่อนที่จะมีมติของคณะกรรมการสภาหนังสือพิมพ์รับรองการสอบสวนยังเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน นายสุนทร จันทรังสี รองประธานสภาหนังสือพิมพ์เองก็ยังระบุว่า \"สภาการหนังสือพิมพ์ยังไม่ได้วินิจฉัยความผิดของผู้ถูกกล่าวหาว่าผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่\" การที่คณะอนุกรรมการนำผลการสอบสวนที่ยังไม่ได้รับการรับรองมาเปิดเผยก่อน ขณะเดียวกันก็มีกระบวนการอื่นๆ รับช่วงต่อเนื่องยึดโยงให้เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง ย่อมส่อเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ 3.คณะอนุกรรมการละเมิดข้อบังคับด้านจริยธรรมของสภาการหนังสือพิมพ์เสียเอง ข้อบังคับด้านจริยธรรมของสภาการหนังสือพิมพ์ หมวด 2 จริยธรรมของหนังสือพิมพ์ข้อ 14 ระบุว่า \"หนังสือพิมพ์ต้องปกปิดชื่อและฐานะของบุคคลที่ให้ข่าวไว้เป็นความลับ หากได้ให้คำมั่นแก่แหล่งข่าวนั้นไว้ หนังสือพิมพ์ต้องปกปิดนามปากกาหรือนามแฝงที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเป็นความลับ\" แต่ในรายงานฉบับดังกล่าวของคณะอนุกรรมการกลับเปิดเผยนามปากกาของผู้ถูกสอบสวน โดยที่ผู้ถูกสอบสวนรายนั้นไม่ได้รับรู้และมิได้ให้ความยินยอม 4.คณะอนุกรรมการดำเนินการสอบสวนโดยมีเป้าประสงค์ในใจอยู่แล้ว เพราะคณะอนุกรรมการฯ ก็ระบุเอาไว้เองว่า ทีมงานเว็บไซต์เมเนเจอร์ ออนไลน์ซึ่งเป็นผู้นำอีเมล์ที่เป็นปัญหามาเผยแพร่ แทบไม่ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าวดังกล่าวเลย เช่น ไม่ได้ตรวจสอบบัญชีอีเมลของผู้รับว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เป็นบัญชีของใคร ไม่ได้ตรวจสอบกับผู้ที่ถูกพาดพิงถึงในอีเมล โดยอ้างว่า หากสอบถามไป บุคคลที่ถูกพาดพิงก็อาจจะปฏิเสธได้ เพราะในเนื้อข่าวก็ยังไม่แน่ชัดว่าคนที่ถูกกล่าวถึงถูกพาดพิงถึงนั้นเป็นใคร และไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ที่ส่งข่าวมาให้เป็นใคร เป็นต้น หากต้นตอของเรื่องไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ มิได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบเหมือนข่าวปกติทั่วไป เหตุใดคณะอนุกรรมการจึงให้น้ำหนักและให้ความสำคัญต่อข่าวดังกล่าว ถึงขั้นขยายการสอบสวนออกไปสู่ประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยแต่ต้น 5.ผลสรุปของคณะกรรมการขัดแย้งกันในประเด็นสำคัญจนไม่น่าเชื่อถือ ในขณะที่คณะอนุกรรมการสรุปว่าผู้ถูกกล่าวหาในเครือมติชน-ข่าวสด 2 ราย ไม่มีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นว่ามีความเอนเอียงที่จะอำนวยประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทย ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาอีก 1 รายมิได้อยู่ในสังกัดที่ถูกระบุถึงด้วยซ้ำ แต่คณะอนุกรรมการกลับระบุว่าหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสด มีความเอนเอียงเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง โดยเลือกใช้ข้อมูลเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตนเองเท่านั้นเป็นเครื่องตัดสิน 6.คณะอนุกรรมการพุ่งเป้าที่จะสร้างความเสียหายให้กับหนังสือพิมพ์บางฉบับเป็นการเฉพาะ ในกรณีของหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งได้ทำหนังสือชี้แจงว่า ไม่ปรากฏบุคคลที่มีชื่ออยู่ในอีเมล์อันเป็นที่มาของการสอบสวนอยู่ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด และข้อมูลที่เผยแพร่เป็นเท็จอย่างสิ้นเชิง อันแสดงให้เห็นว่าหนังสือพิมพ์ข่าวสดมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาแต่ต้น แต่คณะอนุกรรมการกลับไปนำข้อมูลอื่น อันเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนโดยทั่วไปมาผสมรวม แล้วเลือกหยิบประเด็นที่ตนเองปักใจเชื่ออยู่แล้วกล่าวหาว่า การนำเสนอข่าวสารและบทความในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งของหนังสือพิมพ์ที่ถูกพาดพิงบางฉบับโดยเฉพาะข่าวสด และรองลงมาคือ มติชน น่าจะมีความเอนเอียงในการก่อให้เกิดประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งการพาดหัวข่าว การเลือกภาพที่นำมาลง การนำเสนอข่าว คอลัมน์การเมืองและบทสัมภาษณ์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย การใช้ข้อมูลชนิดจับแพะชนแกะเพื่อให้ได้ผลสรุปตามที่ตนเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่นย่อมมิใช่วิสัยของวิญญูชน และมิใช่วิธีแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยความเที่ยงธรรม 7.คณะอนุกรรมการมีโมหาคติในการสรุปผลการสอบสวน โดยไม่เข้าใจหลักการจัดทำหนังสือพิมพ์ 7.1 ระบุว่า ภาพข่าว/การบรรยายประกอบภาพหนังสือพิมพ์ข่าวสด มติชน และไทยรัฐ ค่อนข้างนำเสนอภาพข่าวในทางสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะข่าวสดและมติชน ซึ่งให้พื้นที่ ขนาด เนื้อหาของภาพเชิงบวกต่อน.ส. ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยมาก ทั้งที่การเสนอข่าวดังกล่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน มิใช่เรื่องที่หนังสือพิมพ์เสกสรรปั้นแต่งขึ้นเองแต่อย่างใด 7.2 มีข้อสังเกตว่า ภาพข่าวหลายภาพของไทยรัฐ มติชน และข่าวสด มีความคล้ายกันมาก โดยภาพข่าวในหนังสือพิมพ์สามฉบับนี้ มีลักษณะสื่อสารทางการเมืองมากกว่าภาพข่าวปกติ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับภาพข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และ คมชัดลึก ทั้งที่การเลือกนำเสนอข่าวของแต่ละหนังสือพิมพ์ ย่อมผิดแผกไปตามความสนใจของผู้อ่านของตนเอง ที่แต่ละฉบับต่างมีกลุ่มผู้อ่านแตกต่างกัน 7.3 ยังพบว่า ภาพข่าวทั้งหมดของน.ส. ยิ่งลักษณ์ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด คือ เชิงบวกและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือทางการเมือง แตกต่างกับของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่มีทั้งภาพข่าวเชิงลบและบวก เช่นเดียวกับข้อ 7.1 ข่าวและภาพในแต่ละวันนั้น ย่อมเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ไม่สามารถปั้นแต่งขึ้นมาเองได้ แต่จะต้องนำเสนออย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคารพในความจริง 7.4 พาดหัวข่าว/ความนำ การเรียงลำดับประเด็นข่าวเลือกตั้ง: ข่าวสด มติชน และไทยรัฐ แสดงออกผ่านกลวิธีการใช้ภาษาที่ชัดเจนว่า สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และน.ส. ยิ่งลักษณ์ หนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับมักใช้การพาดหัวข่าวในการกำหนดประเด็นข่าว ซึ่งอาจชี้นำความคิดผู้อ่านให้เอนเอียงไปในทางที่โจมตีนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ และสนับสนุน น.ส. ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย โดยกรณีของข่าวสดนั้นมีความชัดเจนที่สุด หากคณะอนุกรรมการมีความรู้ความเข้าใจในหลักการและหลักปฏิบัติของการทำหนังสือพิมพ์ ก็จะต้องทราบว่าพาดหัวข่าวหรือโปรยข่าวในแต่ละวันนั้น จะต้องสะท้อนข้อเท็จจริงของข่าวเป็นเบื้องต้น โดยอาจจะสรุปภาพรวมหรือหยิบเอาประเด็นที่น่าสนใจที่สุดในข่าวขึ้นมา แต่ไม่สามารถที่จะพาดหัวหรือโปรยข่าวนอกเหนือไปจากความเป็นจริงในเนื้อข่าวได้ 7.5 บทสัมภาษณ์พิเศษ/รายงาน สกู๊ปข่าว: ผลการศึกษาพบว่า หนังสือพิมพ์มติชน ให้ความสำคัญกับการสัมภาษณ์ฝ่ายพรรคเพื่อไทยถึง 4 ครั้งคือการสัมภาษณ์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท